ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. สถานการณ์ค่าเงินบาทเริ่มปรับตัวดีขึ้น นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทเริ่มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวล แม้ว่า
เงินบาท ณ วันที่ 11 พ.ค.47 จะยังคงอ่อนค่าลง แต่มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น
จะต้องพิจารณาในระยะยาว แต่ผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้น คือ ผลกระทบต่อการส่งออก จากการที่ต่าง
ประเทศถอนคำสั่งซื้อออกไปบ้าง ซึ่งคิดว่าเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้มีการ
ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด (ผู้จัดการรายวัน)
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลดลง รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจะขึ้น
ราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยเฉพาะไฟฟ้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงที่เป็นน้ำมัน
สูงถึง 60% สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน ขณะนี้มีสัญญาณว่าราคาเริ่มลดลง เนื่องจากซาอุดิอาระเบีย
ได้เสนอให้โอเปกเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ซึ่งข้อมูลค่าสุด ณ วันที่ 10 พ.ค.47 ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ ตลาด
สิงคโปร์ เบนซิน 95 ลดลงประมาณ 1.65 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และราคาตลาดโลกลดลงประมาณ 1
ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล (ไทยโพสต์)
3. ครม.มีมติเห็นชอบโครงสร้าง งปม.รายจ่ายประจำปี 2548 เป็นงบสมดุล โฆษกรัฐบาล
เปิดเผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้การจัดทำ งปม.รายจ่ายประจำปี งปม.48 เป็น งปม.แบบสมดุลเป็นครั้ง
แรกตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมีวงเงินรายจ่าย 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งปม.ปี 47 ที่มีจำนวน
1.17 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำปี 847,500 ล.บาท รายจ่ายลงทุน 302,423 ล.บาท ราย
จ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 50,076 ล.บาท ส่วนรายได้ 1.2 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.8% จากเดิม 1.06 ล้าน
ล้านบาท โดยไม่มีการตั้งวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
4. ผลการจัดเก็บภาษีอากรประจำเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นทุกประเภท โฆษกกรมสรรพากร
เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บภาษีอากรประจำเดือน เม.ย.47 ว่า กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีทุกประเภท
รวมกันได้ 54,759 ล.บาท สูงกว่าปีก่อน 20.83% และสูงกว่าประมาณการ 24.33% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูง
สุดคือ ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 27,626 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 22.08% รองลงมาคือ ภาษีเงินได้
นิติบุคคลจัดเก็บได้ 12,735 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 34.43% และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้
11,441 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 13.25% สำหรับผลการจัดเก็บภาษีตั้งแต่เดือน ต.ค.46-เม.ย.47 จัด
เก็บได้รวมทั้งสิ้น 356,568 ล.บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.56% และสูงกว่าประมาณการ 24.05% (ข่าวสด)
5. ผลการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 ยังคงขาดทุน กองทุนเพื่อการ
ฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รายงานตัวเลขงบดุลล่าสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 47 สิ้นสุดวันที่ 31
มี.ค.47 ว่า มีผลขาดทุนทั้งสิ้น 345,734.16 ล.บาท และยังคงมีเงินกองทุนติดลบ 129,427.79 ล.บาท
โดยมีภาระผูกพันและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตตามที่ประเมินไว้อีก 629,211.55 ล.บาท
สำหรับสินทรัพย์มีจำนวนทั้งสิ้น 257,948.06 ล.บาท และมีหนี้สิน 387,375.35 ล.บาท โดยกองทุนฟื้นฟูฯ ชี้
แจงว่า ผลขาดทุนและภาระความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จะได้รับชดเชยจากรัฐบาลตามงบประมาณ
ส่วนหนึ่ง และได้รับชดเชยจากโครงการชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินทุนสำรองทางการ
อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งภายในปีนี้จะมีการออก พธบ.กองทุนฟื้นฟูฯ ตามโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลจำนวน 200,000
ล.บาท โดยได้ออกไปแล้วเมื่อต้นปีจำนวน 30,000 ล.บาท (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การจ้างงานของสรอ.ในเดือนมี.ค. 47 เพิ่มขึ้น รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ วันที่ 11 พ.ค.
47 ก.แรงงานสรอ. เปิดเผยว่าในเดือนมี.ค. 47 การเปิดรับงานและการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นนับเป็นสัญญา
นการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสรอ. โดยงานเปิดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 อยู่ที่ระดับ 3.072 ล้านตำแหน่งจาก
2.906 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ.เป็นการเพิ่มขึ้นในภาคการก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต การค้า การขนส่ง
และสาธารณูปโภค ส่วนงานวิชาชีพ ธุรกิจบริการ การคึกษาชะลอตัว สำหรับตัวเลข Job Opening and
Labor Turnover Survey — JOLTS ที่ใช้วัดตลาดแรงงานนั้นได้กลายเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีกว่าเดิมนับตั้งแต่ที่
ก.แรงงานได้ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับตัวเลข Job opening rate (คำนวณจาก
จำนวนงานที่เปิดใหม่หารด้วยจำนวนคนทำงาน ณ สิ้นเดือนบวกด้วยงานที่เปิดใหม่) ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่
ระดับร้อยละ 2.3 จากระดับร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อน ซึ่งมีช่วงระหว่างร้อยละ 2.0 — ร้อยละ 2.4 นับ
ตั้งแต่เดือน ต.ค. 44 เมื่อครั้งที่สรอ.ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย สำหรับการจ้างงานในเดือนมี.ค. อยู่ที่
ระดับ 4.544 ล้านตำแหน่งจากระดับ 4.103 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ส่วน The
hire rate อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 จากร้อยละ 3.2 ในเดือนก่อน ส่วนจำนวนผู้ออกจากงาน เนื่องจากการ
เกษียณอายุ ไล่ออก ปลดออก มีจำนวน 4.113 ล้านคน จากจำนวน 4.073 ล้านคนในเดือนก.พ. โดย The
Seperation Rate อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.2 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.0 นอกจากนั้น
ตัวเลข The rate of quits ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดว่าการเปลี่ยนงานทำได้ง่ายเพียงใดในเดือนมี.ค.อยู่ที่
ระดับร้อยละ 1.7 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ออกจากงานทั้ง
หมดเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 46 (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.47 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 11 พ.ค.47 สนง.สถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานยอดส่งออกในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6
จากปีก่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือน เม.ย.44 โดยยอดส่งออกไปประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปด้วยกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากปีก่อน และยอดส่งออกไปประเทศอื่น ๆ นอกเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 จากปีก่อน อันเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น
เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ก็ตาม ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5.3
จากปีก่อน ส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.47 จำนวน 16.5 พันล้านยูโร สูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ จาก 12.1 พันล้านยูโรในเดือน ก.พ.47 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะมียอดเกิน
ดุลการค้าจำนวน 12.3 พันล้านยูโร ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศยังคงอ่อนแอ แม้ว่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น
แต่เพิ่มน้อยกว่าการส่งออกมาก นักวิเคราะห์จึงคาดว่าตัวเลขยอดส่งออกข้างต้นจะไม่มีผลมากนักต่อตัวเลข GDP
ของไตรมาสแรกปีนี้ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 13 พ.ค.47 นี้(รอยเตอร์)
3. จีนจะยังคงนโยบายเข้มงวดทางการเงิน รายงานจากกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 11 พ.ค.47 ธ.
กลางจีนเปิดเผยว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องคงนโยบายเข้มงวดทางการเงินไว้ต่อไป เพื่อป้องกันการเก็งกำไร
ค่าเงิน แต่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจปรับตัวลงอย่างรุนแรง และจะช่วยชะลอการเติบโต
อย่างรวดเร็วเกินไปของการลงทุนและการให้สินเชื่อ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการ
ปรับขึ้น คือ เงินกู้ระยะเวลา 1 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.31 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ
เวลา 1 ปี อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.98 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าจีนอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปี
นี้ถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นใกล้ระดับร้อยละ 5 และถ้าการลงทุนและการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนยังคง
เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธ.กลางจีนไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ต่อความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แต่กล่าวว่ากำลังศึกษาหาทางใช้การเข้มงวดในด้านราคาเพื่อควบคุมเศรษฐกิจ โดยจะจับตาดูการเปลี่ยนแปลง
ของระดับราคาในไตรมาสที่ 2 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 99.9 รายงาน
จากโซล เมื่อ 12 พ.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเครื่องวัดที่สำคัญเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้บริโภคด้านความคาดหวังทางเศรษฐกิจของประเทศ
และการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคตของผู้บริโภค ในเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 99.9 จากระดับ
94.4 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วง 4 สัปดาห์ของแต่
ละเดือนในเขตเมือง 2,000 ครัวเรือน ซึ่งเคยอยู่ระดับสูงที่สุดที่ระดับ 103.9 เมื่อเดือน ก.ย.45 โดยดัชนี
ดังกล่าวหากต่ำกว่าระดับ 100 หมายถึงผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพ
จะเลวลงใน 6 เดือนข้างหน้ามากกว่าที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน ตัวเลขการบริโภคในประเทศที่
ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลให้กับผู้กำหนดนโยบายของประเทศ เนื่อง
จากคาดว่าการฟื้นตัวอย่างจริงจังของตัวเลขดังกล่าวน่าจะเป็นภายหลังจากเดือน มิ.ย. ทั้งนี้โดยที่ในปัจจุบัน
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้เกิดจากการส่งออกเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์
ว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ใน
เอเชียนั้น ในปี 47 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.1 ในปี 46 เนื่องจากการส่งออก
ไปยังประเทศจีนที่ร้อนแรง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12/5/47 11/5/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.603 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.4071/40.6902 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 618.10/23.88 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,300/7,400 7,300/7,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.07 33.38 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 17.59*/14.59 17.59*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 7 พ.ค..47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. สถานการณ์ค่าเงินบาทเริ่มปรับตัวดีขึ้น นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทเริ่มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวล แม้ว่า
เงินบาท ณ วันที่ 11 พ.ค.47 จะยังคงอ่อนค่าลง แต่มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น
จะต้องพิจารณาในระยะยาว แต่ผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้น คือ ผลกระทบต่อการส่งออก จากการที่ต่าง
ประเทศถอนคำสั่งซื้อออกไปบ้าง ซึ่งคิดว่าเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้มีการ
ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด (ผู้จัดการรายวัน)
2. สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มลดลง รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจะขึ้น
ราคาค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม แม้จะมีต้นทุนสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยเฉพาะไฟฟ้าที่ต้องใช้เชื้อเพลิงที่เป็นน้ำมัน
สูงถึง 60% สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน ขณะนี้มีสัญญาณว่าราคาเริ่มลดลง เนื่องจากซาอุดิอาระเบีย
ได้เสนอให้โอเปกเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ซึ่งข้อมูลค่าสุด ณ วันที่ 10 พ.ค.47 ราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ ตลาด
สิงคโปร์ เบนซิน 95 ลดลงประมาณ 1.65 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และราคาตลาดโลกลดลงประมาณ 1
ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล (ไทยโพสต์)
3. ครม.มีมติเห็นชอบโครงสร้าง งปม.รายจ่ายประจำปี 2548 เป็นงบสมดุล โฆษกรัฐบาล
เปิดเผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้การจัดทำ งปม.รายจ่ายประจำปี งปม.48 เป็น งปม.แบบสมดุลเป็นครั้ง
แรกตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมีวงเงินรายจ่าย 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งปม.ปี 47 ที่มีจำนวน
1.17 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำปี 847,500 ล.บาท รายจ่ายลงทุน 302,423 ล.บาท ราย
จ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 50,076 ล.บาท ส่วนรายได้ 1.2 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.8% จากเดิม 1.06 ล้าน
ล้านบาท โดยไม่มีการตั้งวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
4. ผลการจัดเก็บภาษีอากรประจำเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นทุกประเภท โฆษกกรมสรรพากร
เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บภาษีอากรประจำเดือน เม.ย.47 ว่า กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีทุกประเภท
รวมกันได้ 54,759 ล.บาท สูงกว่าปีก่อน 20.83% และสูงกว่าประมาณการ 24.33% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูง
สุดคือ ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 27,626 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 22.08% รองลงมาคือ ภาษีเงินได้
นิติบุคคลจัดเก็บได้ 12,735 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 34.43% และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้
11,441 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 13.25% สำหรับผลการจัดเก็บภาษีตั้งแต่เดือน ต.ค.46-เม.ย.47 จัด
เก็บได้รวมทั้งสิ้น 356,568 ล.บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.56% และสูงกว่าประมาณการ 24.05% (ข่าวสด)
5. ผลการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 47 ยังคงขาดทุน กองทุนเพื่อการ
ฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รายงานตัวเลขงบดุลล่าสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 47 สิ้นสุดวันที่ 31
มี.ค.47 ว่า มีผลขาดทุนทั้งสิ้น 345,734.16 ล.บาท และยังคงมีเงินกองทุนติดลบ 129,427.79 ล.บาท
โดยมีภาระผูกพันและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตตามที่ประเมินไว้อีก 629,211.55 ล.บาท
สำหรับสินทรัพย์มีจำนวนทั้งสิ้น 257,948.06 ล.บาท และมีหนี้สิน 387,375.35 ล.บาท โดยกองทุนฟื้นฟูฯ ชี้
แจงว่า ผลขาดทุนและภาระความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จะได้รับชดเชยจากรัฐบาลตามงบประมาณ
ส่วนหนึ่ง และได้รับชดเชยจากโครงการชดเชยความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูฯ โดยใช้เงินทุนสำรองทางการ
อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งภายในปีนี้จะมีการออก พธบ.กองทุนฟื้นฟูฯ ตามโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลจำนวน 200,000
ล.บาท โดยได้ออกไปแล้วเมื่อต้นปีจำนวน 30,000 ล.บาท (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การจ้างงานของสรอ.ในเดือนมี.ค. 47 เพิ่มขึ้น รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ วันที่ 11 พ.ค.
47 ก.แรงงานสรอ. เปิดเผยว่าในเดือนมี.ค. 47 การเปิดรับงานและการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นนับเป็นสัญญา
นการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสรอ. โดยงานเปิดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 อยู่ที่ระดับ 3.072 ล้านตำแหน่งจาก
2.906 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ.เป็นการเพิ่มขึ้นในภาคการก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต การค้า การขนส่ง
และสาธารณูปโภค ส่วนงานวิชาชีพ ธุรกิจบริการ การคึกษาชะลอตัว สำหรับตัวเลข Job Opening and
Labor Turnover Survey — JOLTS ที่ใช้วัดตลาดแรงงานนั้นได้กลายเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีกว่าเดิมนับตั้งแต่ที่
ก.แรงงานได้ปรับตัวเลขตามฤดูกาลเมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับตัวเลข Job opening rate (คำนวณจาก
จำนวนงานที่เปิดใหม่หารด้วยจำนวนคนทำงาน ณ สิ้นเดือนบวกด้วยงานที่เปิดใหม่) ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่
ระดับร้อยละ 2.3 จากระดับร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อน ซึ่งมีช่วงระหว่างร้อยละ 2.0 — ร้อยละ 2.4 นับ
ตั้งแต่เดือน ต.ค. 44 เมื่อครั้งที่สรอ.ประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย สำหรับการจ้างงานในเดือนมี.ค. อยู่ที่
ระดับ 4.544 ล้านตำแหน่งจากระดับ 4.103 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ส่วน The
hire rate อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 จากร้อยละ 3.2 ในเดือนก่อน ส่วนจำนวนผู้ออกจากงาน เนื่องจากการ
เกษียณอายุ ไล่ออก ปลดออก มีจำนวน 4.113 ล้านคน จากจำนวน 4.073 ล้านคนในเดือนก.พ. โดย The
Seperation Rate อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.2 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.0 นอกจากนั้น
ตัวเลข The rate of quits ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดว่าการเปลี่ยนงานทำได้ง่ายเพียงใดในเดือนมี.ค.อยู่ที่
ระดับร้อยละ 1.7 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ออกจากงานทั้ง
หมดเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 46 (รอยเตอร์)
2. เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.47 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 11 พ.ค.47 สนง.สถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานยอดส่งออกในเดือน มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6
จากปีก่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือน เม.ย.44 โดยยอดส่งออกไปประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปด้วยกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากปีก่อน และยอดส่งออกไปประเทศอื่น ๆ นอกเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 จากปีก่อน อันเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น
เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ก็ตาม ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5.3
จากปีก่อน ส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าในเดือน มี.ค.47 จำนวน 16.5 พันล้านยูโร สูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ จาก 12.1 พันล้านยูโรในเดือน ก.พ.47 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะมียอดเกิน
ดุลการค้าจำนวน 12.3 พันล้านยูโร ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศยังคงอ่อนแอ แม้ว่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น
แต่เพิ่มน้อยกว่าการส่งออกมาก นักวิเคราะห์จึงคาดว่าตัวเลขยอดส่งออกข้างต้นจะไม่มีผลมากนักต่อตัวเลข GDP
ของไตรมาสแรกปีนี้ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 13 พ.ค.47 นี้(รอยเตอร์)
3. จีนจะยังคงนโยบายเข้มงวดทางการเงิน รายงานจากกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 11 พ.ค.47 ธ.
กลางจีนเปิดเผยว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องคงนโยบายเข้มงวดทางการเงินไว้ต่อไป เพื่อป้องกันการเก็งกำไร
ค่าเงิน แต่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจปรับตัวลงอย่างรุนแรง และจะช่วยชะลอการเติบโต
อย่างรวดเร็วเกินไปของการลงทุนและการให้สินเชื่อ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการ
ปรับขึ้น คือ เงินกู้ระยะเวลา 1 ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.31 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ
เวลา 1 ปี อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.98 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าจีนอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปี
นี้ถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นใกล้ระดับร้อยละ 5 และถ้าการลงทุนและการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนยังคง
เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธ.กลางจีนไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ต่อความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
แต่กล่าวว่ากำลังศึกษาหาทางใช้การเข้มงวดในด้านราคาเพื่อควบคุมเศรษฐกิจ โดยจะจับตาดูการเปลี่ยนแปลง
ของระดับราคาในไตรมาสที่ 2 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 99.9 รายงาน
จากโซล เมื่อ 12 พ.ค.47 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเครื่องวัดที่สำคัญเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้บริโภคด้านความคาดหวังทางเศรษฐกิจของประเทศ
และการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคตของผู้บริโภค ในเดือน เม.ย.47 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 99.9 จากระดับ
94.4 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วง 4 สัปดาห์ของแต่
ละเดือนในเขตเมือง 2,000 ครัวเรือน ซึ่งเคยอยู่ระดับสูงที่สุดที่ระดับ 103.9 เมื่อเดือน ก.ย.45 โดยดัชนี
ดังกล่าวหากต่ำกว่าระดับ 100 หมายถึงผู้บริโภคมีความคาดหวังว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพ
จะเลวลงใน 6 เดือนข้างหน้ามากกว่าที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน ตัวเลขการบริโภคในประเทศที่
ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลให้กับผู้กำหนดนโยบายของประเทศ เนื่อง
จากคาดว่าการฟื้นตัวอย่างจริงจังของตัวเลขดังกล่าวน่าจะเป็นภายหลังจากเดือน มิ.ย. ทั้งนี้โดยที่ในปัจจุบัน
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้เกิดจากการส่งออกเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์
ว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ใน
เอเชียนั้น ในปี 47 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.1 ในปี 46 เนื่องจากการส่งออก
ไปยังประเทศจีนที่ร้อนแรง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12/5/47 11/5/47 30/1/47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.603 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.4071/40.6902 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 618.10/23.88 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,300/7,400 7,300/7,400 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 35.07 33.38 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 17.59*/14.59 17.59*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 7 พ.ค..47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-