นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนเมษายน 2547 และในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 - เมษายน 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนเมษายน 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
1.1 รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน (KREDITANSTALT f?r WIEDERAUFBAU : KfW) ก่อนครบกำหนด 11.31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 446 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 446 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 58 ล้านบาท
1.2 รัฐวิสาหกิจ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยชำระคืนเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ก่อนครบกำหนด 5,507 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 1,996 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 1,996 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 363 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 10,000 ล้านบาท ด้วยการกู้เงินระยะสั้นทดแทนตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 6,253 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,747 ล้านบาท ได้ดำเนินการชำระคืนเงินต้นโดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงิน รวม 4,254 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,254 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,080 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 51,923 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) การ Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,221 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 3,747 ล้านบาท และส่วนที่เหลือได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 10,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนเมษายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดที่สองจากการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2547 ในเดือนนี้ 18,500 ล้านบาท ส่วนการเคหะแห่งชาติได้กู้เงินในประเทศ 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินโครงการบ้านเอื้ออาทร 3
สำหรับการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ได้ลงนามผูกพันการกู้เงินจาก JBIC ภายใต้โครงการเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 ในวงเงิน 44,852 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 16,358 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 สำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการกู้เงินภายใต้แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2547
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 69,500 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 39,500 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 30,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ (1) กู้เงินในประเทศไปแล้ว 2,940 ล้านบาท และ (2) กู้เงินจากต่างประเทศ 16,358 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนเมษายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,599 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 720 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,879 ล้านบาท
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 59,166 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 12,286 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 46,880 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2547 มีจำนวน 2,861,037 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.18 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,628,104 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 839,306 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 393,628 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 36,003 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 23,278 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 4,956 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 7,769 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ในประเทศ 2,184,918 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.37 และหนี้ต่างประเทศ 676,119 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.63 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,342,859 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.89 และหนี้ระยะสั้น 518,178 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.11 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 38/2547 12 พฤษภาคม 2547--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนเมษายน 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
1.1 รัฐบาล
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันเครดิตเพื่อการบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน (KREDITANSTALT f?r WIEDERAUFBAU : KfW) ก่อนครบกำหนด 11.31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 446 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 446 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 58 ล้านบาท
1.2 รัฐวิสาหกิจ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยชำระคืนเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ก่อนครบกำหนด 5,507 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 1,996 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 1,996 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 363 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) 10,000 ล้านบาท ด้วยการกู้เงินระยะสั้นทดแทนตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 6,253 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,747 ล้านบาท ได้ดำเนินการชำระคืนเงินต้นโดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงิน รวม 4,254 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,254 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,080 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 51,923 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) การ Roll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,221 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 3,747 ล้านบาท และส่วนที่เหลือได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 10,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนเมษายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดที่สองจากการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2547 ในเดือนนี้ 18,500 ล้านบาท ส่วนการเคหะแห่งชาติได้กู้เงินในประเทศ 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินโครงการบ้านเอื้ออาทร 3
สำหรับการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ได้ลงนามผูกพันการกู้เงินจาก JBIC ภายใต้โครงการเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 ในวงเงิน 44,852 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 16,358 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 สำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการกู้เงินภายใต้แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2547
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 69,500 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 39,500 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 30,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ (1) กู้เงินในประเทศไปแล้ว 2,940 ล้านบาท และ (2) กู้เงินจากต่างประเทศ 16,358 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนเมษายน 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 6,599 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 720 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 5,879 ล้านบาท
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 59,166 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 12,286 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 46,880 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2547 มีจำนวน 2,861,037 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.18 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,628,104 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 839,306 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 393,628 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 36,003 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 23,278 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินลดลง 4,956 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 7,769 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ในประเทศ 2,184,918 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.37 และหนี้ต่างประเทศ 676,119 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.63 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,342,859 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.89 และหนี้ระยะสั้น 518,178 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.11 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 38/2547 12 พฤษภาคม 2547--