การผลิต
ภาคเกษตร
จากข้อมูลเบื้องต้นผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 4.6 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวและพืชไร่เป็นสำคัญ โดยผลผลิตข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 และ 11.1 เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอและกระจายตัวดีในช่วงเพาะปลูก ประกอบกับเกษตรกรเพิ่มการปลูกข้าวนาปรังทดแทนส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ด้านพืชไร่ทั้งผลผลิตอ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัวต์ และมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 ร้อยละ 2.4 และร้อยละ 7.2 ตามลำดับ เป็นผลจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลผลิตพืชสวนประเภทกระเทียม หอมแดง และหอมใหญ่ ลดลงร้อยละ 18.3 ร้อยละ 6.7 และร้อยละ 43.6 ตามลำดับ เนื่องจากกระทบฝนช่วงเก็บเกี่ยวทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ขณะที่ผลไม้สำคัญ เช่น ลำไย และสิ้นจี้ ผลผลิตลดลงร้อยละ 28.9 และร้อยละ 8.0 ตามวัฎจักรที่มักจะให้ผลผลิตมากปีเว้นปี
ด้านราคาผลผลิตที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 5.7 ตามราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 14-15% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ร้อยละ 3.7 และร้อยละ 4.8 ตามแนวโน้มราคาในตลาดโลกและมาตรการแทรกแซงราคาของภาครัฐ ด้านราคาพืชสวนและผลไม้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง โดยราคากระเทียมแห้งใหญ่ หอมหัวใหญ่ ลำไย และสิ้นจี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ร้อยละ 193.1 ร้อยละ 31.7 และร้อยละ 55.0 ตามลำดับ ส่วนราคาอ้อยโรงงานลดลงร้อยละ 8.2 ตามกำหนดราคาขั้นต้นที่ลดลงเป็นสำคัญ
จากปริมาณผลผลิตและราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากพืชสำคัญดังกล่าวในเขตภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3
ข้าว ผลผลิตข้าวในภาคเหนือปี 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เป็น 7.4 ล้านเมตริกตัน ตามผลผลิตข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2546/47 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 เป็น 5.5 ล้านเมตริกตัน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอและกระจายตัวดีในช่วงต้นฤดูเพาะปลูกทำให้ผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ด้านผลผลิตข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เป็น 1.9 ล้านเมตริกตัน ส่วนหนึ่งจากการปลูกทดแทนผลผลิตที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
ด้านราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 สูงกว่าปีก่อน โดยราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% และข้าวนาปรังความชื้น 14-15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.7 และร้อยละ 3.7 เป็นเมตริกตันละ 4,987 และ 4,557 บาท ตามลำดับ ตามแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับมาตรการแทรกแซงราคาของภาครัฐช่วยรักษาระดับราคาที่เกษตรกรขายได้ให้อยู่ในเกณฑ์ดี
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พื้นที่เพาะปลูกใกล้เคียงกับปีก่อน ผลผลิตผลิตข้าวโพดฤดูกาลผลิต 2546/47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2.4 เป็น 2,393,867 เมตริกตัน จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 ราคาเฉลี่ยข้าวโพดความชื้นไม่เกิน 14% กิโลกรัมละ 4.33 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.8 ตามความต้องการรับซื้อที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มราคาในตลาดโลก
อ้อยโรงงาน ผลผลิตอ้อยโรงงานในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 21.7 เป็น 15,652,206 เมตริกตัน เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ประกอบกับการระบาดของหนอนกอและโรคใบขาวลดลงทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ด้านราคาเฉลี่ยลดลงร้อยละ 8.2 เหลือเมตริกตันละ 529 บาท จากการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2546 และแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมากทำให้มูลค่ารับซื้ออ้อยที่เข้าหีบในโรงงานน้ำตาลในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 10.3 เป็น 8,877.8 ล้านบาท
มันสำปะหลัง พื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาในปีก่อนจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก ขณะที่ผลผลิตต่อไร่ใกล้เคียงปีก่อน ส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.2 เป็น 2,463,377 เมตริกตัน ด้านราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในปี 2546 ลดลงจากปีก่อน ราคาเฉลี่ยมันสำปะหลังสดคละกิโลกรัมละ 0.88 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.2 ตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
กระเทียม ผลผลิตกระเทียมของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 18.3 เหลือ 96,634 เมตริกตัน เนื่องจากช่วงเพาะปลูกฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ด้านราคากระเทียมที่เกษตรกรขายได้ในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยราคาเฉลี่ยกระเทียมแห้งใหญ่คละกิโลกรัมละ 29.41 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.4 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง
หอมแดง ผลผลิตหอมแดงของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงร้อยละ 6.7 เหลือ 126,909 เมตริกตัน จากภาวะฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหายและคณุภาพด้อยลง ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2546 ราคาเฉลี่ยหอมแดงแห้งใหญ่คละกิโลกรัมละ 17.47 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23.2 ตามคุณภาพ ผลผลิตและความต้องการรับซื้อเพื่อส่งออกลดลงจากปีก่อน
หอมหัวใหญ่ พื้นที่เพาะปลูกลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายภาครัฐที่ไม่สนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูก เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอยู่เสมอ ประกอบกับภาวะฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหายจากโรคระบาด ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 43.6 เหลือ 38,916 เมตริกตัน ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 ราคาเฉลี่ยหอมหัวใหญ่เบอร์ 1 กิโลกรัมละ 21.42 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัวตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง
ลำไย ปริมาณผลผลิตลำไยปี 2546 ลดลงจากปีก่อนตามวัฎจักรที่มักให้ผลผลิตมากปีเว้นปี ผลผลิตลำไยในภาคเหนือลดลงร้อยละ 28.9 เหลือ 279,762 เมตริกตัน คุณภาพผลผลิตโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ราคาเฉลี่ยลำไยสดคละกิโลกรัมละ 11.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 31.7 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง ประกอบกับความต้องการรับซื้อเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออกเป็นลำไยอบแห้งเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการแทรกแซงราคาจากภาครัฐโดยการรับจำนำในปีนี้เข้มงวดมากขึ้น
ลิ้นจี่ ผลผลิตจากแหล่งผลิตสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายฤดูกาลผลิต 2546 มีปริมาณประมาณ 59,000 เมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.0 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้การติดผลลดลงราคาที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยลิ้นจี่คละกิโลกรัมละ 15.50 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 55.5 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลงและคุณภาพผลผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ดี
ใบยาเวอร์จิเนีย ปริมาณรับซื้อใบยาสูบเวอร์จิเนียในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 มีจำนวน 8,736,047 กิโลกรัม ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 22.4 ตามปริมาณสต็อกของโรงงานยาสูบ ด้านคุณภาพผลผลิตใกล้เคียงปีก่อนราคารับซื้อเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.4 เป็นกิโลกรัมละ 65.7 บาท
ใบยาเบอร์เลย์ ปริมาณการรับซื้อในยาเบอร์เลย์ฤดูกาลผลิต 2544/45 มีจำนวน 28,692,414 กิโลกรัมใกล้เคียงปีก่อน ด้านคุณภาพผลผลิตด้อยกว่าปีก่อน ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้กิโลกรัมละ 37.4 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.8
ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือปี 2546 ขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งการผลิตของอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ โดยอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีมูลค่าการส่งออกผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.เร่งตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.0 ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น สินค้าส่งออกสำคัญประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้า ทรานสฟอร์เมอร์และมอเตอร์ อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา อัญมณี เกมของเล่นและอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น ด้านประเทศผู้นำเข้าที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก ได้แก่ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอิสราเอล การส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้โรงงานต้องนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีมีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตมากขึ้น มูลค่านำเข้าสินค้าผ่านด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,044.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านอุตสาหกรรมส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ การส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปและแช่แข็ง มูลค่าส่งออกขยายตัวตามอุปสงค์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตในจีนประสบปัญหาสารตกค้างและการระบาดของ SARS ขณะที่ผู้ผลิตในภาคเหนือสามารถรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าได้ตรงตามที่ลูกค้าต้องการทำให้โอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมเซรามิกสามารถหาตลาดส่งออกใหม่เพิ่มและได้รับผลดีจากการที่ผู้ผลิตในจีนถูกจำกัดโควตานำเข้าในประเทศแถบยุโรป ทำให้ยอดส่งออกขยายตัว ขณะที่โรงงานหลายแห่งขยายกำลังผลิตหัตถอุตสาหกรรมในปีนี้ ยอดการส่งออกขยายตัว ผู้ส่งออกเน้นทำการตลาดโดยออกงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งขยายตลาดในระดับสูงเพิ่มขึ้น และพัฒนาช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนอุตสาหกรรมที่ผลิตบริโภคในประเทศขยายตัวจากผลิตของอุตสาหกรรมน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นมากร้อยละ 30.1 เป็น 1.8 ล้านเมตริกตัน ตามปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความเสียหายจากศัตรูพืชและโรคระบาดมีไม่มากนัก ด้านผลผลิตสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เป็น 113,685 เมตริกตัน ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแผ่นเหล็ก เคลือบสังกะสี ท่อโลหะ อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และส่วนประกอบของยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานในภาคเหนือลดลงซึ่งเป็นผลจากภาพรวมการส่งออกที่ลดลง ประกอบกับภาครัฐไม่มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นปีก่อน
ภาคเหมืองแร่
ภาพรวมผลผลิตแร่ในภาคเหนือปี 2546 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงปีก่อน โดยเลขดัชนีผลผลิตแร่ในภาคเหนือลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.9 ตามการลดลงของปริมาณผลผลิตแร่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตลิกไนต์ลดลงร้อยละ 3.5 และน้ำมันดิบลดลงร้อยละ 6.9 อย่างไรก็ตามผลผลิตแร่อื่นส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลผลิตแร่สังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.3 ตามความต้องการวัตถุดิบของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัว ผลผลิตดินขาวและบอลเคลย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.3 และ 34.5 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมเซรามิกที่สามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนผลผลิตหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและแร่ยิปซัมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 10.6 ตามภาพรวมการลงทุนก่อสร้างที่ขยายตัว
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีจากรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น สภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้ออำนวย อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการส่งเสริมการขยายของผู้ประกอบการ
ในปี 2546 กิจกรรมในกลุ่มยานพาหนะอยู่ในระดับดีภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รายได้ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและมีช่องทางเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเงื่อนไขการผ่อนชำระ ทำให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 34.0 โดยแม้ว่าจะชะลอลงจากปีก่อน แต่มีปริมาณสูงถึง 49,489 คัน ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยเร่งตัวมากในไตรมาส 2 จากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น กำแพงเพชร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงราย แต่อ่อนตัวเร็วในครึ่งปีหลัง ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน และในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2546 เริ่มปรับตัวดีขึ้นเพราะแรงจูงใจจากรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดี ประกอบกับภาวะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักเริ่มปรับตัวดีขึ้น
สำหรับยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ซึ่งมีจำนวนสูงสุดในรอบ 9 ปี มีการเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกับรถยนต์คือ เร่งตัวมากในครึ่งปีแรก เพราะผลต่อเนื่องจากการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัดในปี 2545 และการที่รายได้เกษตรกรขยายตัว แต่ชะลอลงในครึ่งปีหลังเพราะไม่ค่อยมีการนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากดังเช่นในระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2546 ทำให้ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนกระเตื้องขึ้นในช่วงปลายปี
กิจกรรมในกลุ่มไม่ใช่ยานพาหนะเร่งตัวโดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ การขยายตัวของรายได้เกษตรกรและตลาดแรงงานมีอัตราการมีงานทำอยู่ในเกณฑ์สูง ภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทขายส่ง/ขายปลีกฯในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2546 เร่งตัวและเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.0 โดยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 หลังสถานการณ์ด้านต่างประเทศที่รวมถึงการสู้รบระหว่างสหรัฐอเมริกา-อิรัก และข่าวการแพร่ระบาดของ SARS ที่ส่งผลกระทบต่อความั่นใจของผู้บริโภคและการจ้างงานคลี่คลาย โดยเฉพาะจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการเกษตรการผลิตและการค้าข้าวและการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย และนครสวรรค์ สำหรับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนในปี 2546 อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เร่งตัวจากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 ตามการขยายตัวของความต้องการไฟฟ้าในเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ
ภาคบริการ
ภาวะการท่องเที่ยวปี 2546 ลดลงจากปีก่อนเนื่องจากในไตรมาส 2 และ 3 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ สงครามอิรัก การก่ออวินาศกรรมในต่างประเทศ และการแพร่ระบาดของโรค SARS ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2546 จากการสนับสนุนการจัดประชุม สัมมนาของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยภายในประเทศมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น และธุรกิจส่วนใหญ่ปรับราคาให้เข้าสู่เกณฑ์ปกติสำหรับในเดือนสุดท้ายของปียังได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูกซึ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังภาคเหนือมากยิ่งขึ้น
กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคาร 11 เดือน ปี 2546 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.3 ตามการลดลงของการจัดเก็บภาษีในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 4.2 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 10. 3 ปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 4 ปี นี้ภาคเหนือมีอากาศหนาวที่เหมาะกับการท่องเที่ยว มีวันหยุดติดต่อกัน และการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูก อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 51.8 ต่ำกว่าร้อยละ 54.7 ปีก่อน สำหรับราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาห้องพักในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาสสุดท้ายของปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ภาคเกษตร
จากข้อมูลเบื้องต้นผลผลิตพืชสำคัญของภาคเหนือในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 4.6 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวและพืชไร่เป็นสำคัญ โดยผลผลิตข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 และ 11.1 เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอและกระจายตัวดีในช่วงเพาะปลูก ประกอบกับเกษตรกรเพิ่มการปลูกข้าวนาปรังทดแทนส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ด้านพืชไร่ทั้งผลผลิตอ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัวต์ และมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 ร้อยละ 2.4 และร้อยละ 7.2 ตามลำดับ เป็นผลจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลผลิตพืชสวนประเภทกระเทียม หอมแดง และหอมใหญ่ ลดลงร้อยละ 18.3 ร้อยละ 6.7 และร้อยละ 43.6 ตามลำดับ เนื่องจากกระทบฝนช่วงเก็บเกี่ยวทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ขณะที่ผลไม้สำคัญ เช่น ลำไย และสิ้นจี้ ผลผลิตลดลงร้อยละ 28.9 และร้อยละ 8.0 ตามวัฎจักรที่มักจะให้ผลผลิตมากปีเว้นปี
ด้านราคาผลผลิตที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 5.7 ตามราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 14-15% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 ร้อยละ 3.7 และร้อยละ 4.8 ตามแนวโน้มราคาในตลาดโลกและมาตรการแทรกแซงราคาของภาครัฐ ด้านราคาพืชสวนและผลไม้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง โดยราคากระเทียมแห้งใหญ่ หอมหัวใหญ่ ลำไย และสิ้นจี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 ร้อยละ 193.1 ร้อยละ 31.7 และร้อยละ 55.0 ตามลำดับ ส่วนราคาอ้อยโรงงานลดลงร้อยละ 8.2 ตามกำหนดราคาขั้นต้นที่ลดลงเป็นสำคัญ
จากปริมาณผลผลิตและราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้เกษตรกรจากพืชสำคัญดังกล่าวในเขตภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3
ข้าว ผลผลิตข้าวในภาคเหนือปี 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เป็น 7.4 ล้านเมตริกตัน ตามผลผลิตข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2546/47 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 เป็น 5.5 ล้านเมตริกตัน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนเพียงพอและกระจายตัวดีในช่วงต้นฤดูเพาะปลูกทำให้ผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ด้านผลผลิตข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เป็น 1.9 ล้านเมตริกตัน ส่วนหนึ่งจากการปลูกทดแทนผลผลิตที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
ด้านราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 สูงกว่าปีก่อน โดยราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% และข้าวนาปรังความชื้น 14-15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.7 และร้อยละ 3.7 เป็นเมตริกตันละ 4,987 และ 4,557 บาท ตามลำดับ ตามแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับมาตรการแทรกแซงราคาของภาครัฐช่วยรักษาระดับราคาที่เกษตรกรขายได้ให้อยู่ในเกณฑ์ดี
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พื้นที่เพาะปลูกใกล้เคียงกับปีก่อน ผลผลิตผลิตข้าวโพดฤดูกาลผลิต 2546/47 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2.4 เป็น 2,393,867 เมตริกตัน จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 ราคาเฉลี่ยข้าวโพดความชื้นไม่เกิน 14% กิโลกรัมละ 4.33 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.8 ตามความต้องการรับซื้อที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มราคาในตลาดโลก
อ้อยโรงงาน ผลผลิตอ้อยโรงงานในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 21.7 เป็น 15,652,206 เมตริกตัน เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ประกอบกับการระบาดของหนอนกอและโรคใบขาวลดลงทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ด้านราคาเฉลี่ยลดลงร้อยละ 8.2 เหลือเมตริกตันละ 529 บาท จากการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2546 และแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมากทำให้มูลค่ารับซื้ออ้อยที่เข้าหีบในโรงงานน้ำตาลในภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 10.3 เป็น 8,877.8 ล้านบาท
มันสำปะหลัง พื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาในปีก่อนจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก ขณะที่ผลผลิตต่อไร่ใกล้เคียงปีก่อน ส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.2 เป็น 2,463,377 เมตริกตัน ด้านราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในปี 2546 ลดลงจากปีก่อน ราคาเฉลี่ยมันสำปะหลังสดคละกิโลกรัมละ 0.88 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.2 ตามปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น
กระเทียม ผลผลิตกระเทียมของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 18.3 เหลือ 96,634 เมตริกตัน เนื่องจากช่วงเพาะปลูกฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ด้านราคากระเทียมที่เกษตรกรขายได้ในปี 2546 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยราคาเฉลี่ยกระเทียมแห้งใหญ่คละกิโลกรัมละ 29.41 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.4 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง
หอมแดง ผลผลิตหอมแดงของภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงร้อยละ 6.7 เหลือ 126,909 เมตริกตัน จากภาวะฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหายและคณุภาพด้อยลง ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2546 ราคาเฉลี่ยหอมแดงแห้งใหญ่คละกิโลกรัมละ 17.47 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23.2 ตามคุณภาพ ผลผลิตและความต้องการรับซื้อเพื่อส่งออกลดลงจากปีก่อน
หอมหัวใหญ่ พื้นที่เพาะปลูกลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายภาครัฐที่ไม่สนับสนุนให้เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูก เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอยู่เสมอ ประกอบกับภาวะฝนตกชุกทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหายจากโรคระบาด ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 43.6 เหลือ 38,916 เมตริกตัน ด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ปี 2546 ราคาเฉลี่ยหอมหัวใหญ่เบอร์ 1 กิโลกรัมละ 21.42 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัวตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง
ลำไย ปริมาณผลผลิตลำไยปี 2546 ลดลงจากปีก่อนตามวัฎจักรที่มักให้ผลผลิตมากปีเว้นปี ผลผลิตลำไยในภาคเหนือลดลงร้อยละ 28.9 เหลือ 279,762 เมตริกตัน คุณภาพผลผลิตโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ราคาเฉลี่ยลำไยสดคละกิโลกรัมละ 11.92 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 31.7 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง ประกอบกับความต้องการรับซื้อเพื่อนำมาแปรรูปและส่งออกเป็นลำไยอบแห้งเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการแทรกแซงราคาจากภาครัฐโดยการรับจำนำในปีนี้เข้มงวดมากขึ้น
ลิ้นจี่ ผลผลิตจากแหล่งผลิตสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายฤดูกาลผลิต 2546 มีปริมาณประมาณ 59,000 เมตริกตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.0 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้การติดผลลดลงราคาที่เกษตรกรขายได้เพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยลิ้นจี่คละกิโลกรัมละ 15.50 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 55.5 ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลงและคุณภาพผลผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ดี
ใบยาเวอร์จิเนีย ปริมาณรับซื้อใบยาสูบเวอร์จิเนียในภาคเหนือฤดูกาลผลิต 2545/46 มีจำนวน 8,736,047 กิโลกรัม ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 22.4 ตามปริมาณสต็อกของโรงงานยาสูบ ด้านคุณภาพผลผลิตใกล้เคียงปีก่อนราคารับซื้อเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.4 เป็นกิโลกรัมละ 65.7 บาท
ใบยาเบอร์เลย์ ปริมาณการรับซื้อในยาเบอร์เลย์ฤดูกาลผลิต 2544/45 มีจำนวน 28,692,414 กิโลกรัมใกล้เคียงปีก่อน ด้านคุณภาพผลผลิตด้อยกว่าปีก่อน ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้กิโลกรัมละ 37.4 บาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.8
ภาคอุตสาหกรรม
ภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือปี 2546 ขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งการผลิตของอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ โดยอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออกในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน มีมูลค่าการส่งออกผ่านด่านศุลกากรนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,266.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.เร่งตัวจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.0 ตามอุปสงค์ต่างประเทศที่ขยายตัวจากเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น สินค้าส่งออกสำคัญประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้า ทรานสฟอร์เมอร์และมอเตอร์ อุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา อัญมณี เกมของเล่นและอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น ด้านประเทศผู้นำเข้าที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก ได้แก่ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอิสราเอล การส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้โรงงานต้องนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องจักรและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีมีการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตมากขึ้น มูลค่านำเข้าสินค้าผ่านด่านนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.4 เป็น 1,044.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ด้านอุตสาหกรรมส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ การส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปและแช่แข็ง มูลค่าส่งออกขยายตัวตามอุปสงค์จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตในจีนประสบปัญหาสารตกค้างและการระบาดของ SARS ขณะที่ผู้ผลิตในภาคเหนือสามารถรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าได้ตรงตามที่ลูกค้าต้องการทำให้โอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมเซรามิกสามารถหาตลาดส่งออกใหม่เพิ่มและได้รับผลดีจากการที่ผู้ผลิตในจีนถูกจำกัดโควตานำเข้าในประเทศแถบยุโรป ทำให้ยอดส่งออกขยายตัว ขณะที่โรงงานหลายแห่งขยายกำลังผลิตหัตถอุตสาหกรรมในปีนี้ ยอดการส่งออกขยายตัว ผู้ส่งออกเน้นทำการตลาดโดยออกงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งขยายตลาดในระดับสูงเพิ่มขึ้น และพัฒนาช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนอุตสาหกรรมที่ผลิตบริโภคในประเทศขยายตัวจากผลิตของอุตสาหกรรมน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นมากร้อยละ 30.1 เป็น 1.8 ล้านเมตริกตัน ตามปริมาณผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความเสียหายจากศัตรูพืชและโรคระบาดมีไม่มากนัก ด้านผลผลิตสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เป็น 113,685 เมตริกตัน ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมผลิตแผ่นเหล็ก เคลือบสังกะสี ท่อโลหะ อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และส่วนประกอบของยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานในภาคเหนือลดลงซึ่งเป็นผลจากภาพรวมการส่งออกที่ลดลง ประกอบกับภาครัฐไม่มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นปีก่อน
ภาคเหมืองแร่
ภาพรวมผลผลิตแร่ในภาคเหนือปี 2546 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงปีก่อน โดยเลขดัชนีผลผลิตแร่ในภาคเหนือลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.9 ตามการลดลงของปริมาณผลผลิตแร่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตลิกไนต์ลดลงร้อยละ 3.5 และน้ำมันดิบลดลงร้อยละ 6.9 อย่างไรก็ตามผลผลิตแร่อื่นส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลผลิตแร่สังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.3 ตามความต้องการวัตถุดิบของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัว ผลผลิตดินขาวและบอลเคลย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.3 และ 34.5 ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมเซรามิกที่สามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนผลผลิตหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและแร่ยิปซัมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 และ 10.6 ตามภาพรวมการลงทุนก่อสร้างที่ขยายตัว
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีจากรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น สภาพแวดล้อมทางการเงินที่เอื้ออำนวย อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการส่งเสริมการขยายของผู้ประกอบการ
ในปี 2546 กิจกรรมในกลุ่มยานพาหนะอยู่ในระดับดีภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รายได้ของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและมีช่องทางเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ตลอดจนเงื่อนไขการผ่อนชำระ ทำให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 34.0 โดยแม้ว่าจะชะลอลงจากปีก่อน แต่มีปริมาณสูงถึง 49,489 คัน ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยเร่งตัวมากในไตรมาส 2 จากรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น กำแพงเพชร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เชียงราย แต่อ่อนตัวเร็วในครึ่งปีหลัง ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน และในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2546 เริ่มปรับตัวดีขึ้นเพราะแรงจูงใจจากรถยนต์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดี ประกอบกับภาวะการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักเริ่มปรับตัวดีขึ้น
สำหรับยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ซึ่งมีจำนวนสูงสุดในรอบ 9 ปี มีการเคลื่อนไหวคล้ายคลึงกับรถยนต์คือ เร่งตัวมากในครึ่งปีแรก เพราะผลต่อเนื่องจากการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัดในปี 2545 และการที่รายได้เกษตรกรขยายตัว แต่ชะลอลงในครึ่งปีหลังเพราะไม่ค่อยมีการนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากดังเช่นในระยะเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2546 ทำให้ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนกระเตื้องขึ้นในช่วงปลายปี
กิจกรรมในกลุ่มไม่ใช่ยานพาหนะเร่งตัวโดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ การขยายตัวของรายได้เกษตรกรและตลาดแรงงานมีอัตราการมีงานทำอยู่ในเกณฑ์สูง ภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทขายส่ง/ขายปลีกฯในเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2546 เร่งตัวและเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 24.0 โดยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 หลังสถานการณ์ด้านต่างประเทศที่รวมถึงการสู้รบระหว่างสหรัฐอเมริกา-อิรัก และข่าวการแพร่ระบาดของ SARS ที่ส่งผลกระทบต่อความั่นใจของผู้บริโภคและการจ้างงานคลี่คลาย โดยเฉพาะจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการเกษตรการผลิตและการค้าข้าวและการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ พิษณุโลก เชียงราย และนครสวรรค์ สำหรับการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนในปี 2546 อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เร่งตัวจากปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 ตามการขยายตัวของความต้องการไฟฟ้าในเกือบทุกจังหวัดภาคเหนือ
ภาคบริการ
ภาวะการท่องเที่ยวปี 2546 ลดลงจากปีก่อนเนื่องจากในไตรมาส 2 และ 3 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ สงครามอิรัก การก่ออวินาศกรรมในต่างประเทศ และการแพร่ระบาดของโรค SARS ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2546 จากการสนับสนุนการจัดประชุม สัมมนาของภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยภายในประเทศมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น และธุรกิจส่วนใหญ่ปรับราคาให้เข้าสู่เกณฑ์ปกติสำหรับในเดือนสุดท้ายของปียังได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูกซึ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังภาคเหนือมากยิ่งขึ้น
กิจกรรมภาคบริการที่สำคัญได้แก่ ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทโรงแรมและภัตตาคาร 11 เดือน ปี 2546 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.3 ตามการลดลงของการจัดเก็บภาษีในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานลดลงร้อยละ 4.2 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่ลดลงร้อยละ 10. 3 ปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 4 ปี นี้ภาคเหนือมีอากาศหนาวที่เหมาะกับการท่องเที่ยว มีวันหยุดติดต่อกัน และการเพิ่มช่องทางการคมนาคมทางอากาศของสายการบินราคาถูก อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 51.8 ต่ำกว่าร้อยละ 54.7 ปีก่อน สำหรับราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาห้องพักในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาสสุดท้ายของปี
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--