ภาวะการเงิน
ปี 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2546 จะมีเงินฝากลดลงก็ตาม ทั้งนี้จากปัจจัยการถอนเงินฝากส่วนหนึ่งไปลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติช่วงปลายปีก่อน และเมื่อผลของปัจจัยดังกล่าวหมดลง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เงินฝากสาขาธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 ปีก่อน ขณะที่สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และการขยายการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.6 เทียบกับ ร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับภาวะการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่สำคัญมีดังนี้ สาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่สินเชื่อเร่งตัวขึ้นโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.3 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 ระยะเดียวกันปีก่อน สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในภาคเหนือมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อละ 13.4 ระยะเดียวกันปีก่อน และมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ระยะเดียวกันปีก่อนบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ มียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
การดำเนินงานของสถาบันการเงิน
ธนาคารพาณิชย์
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 มีสาขาธนาคารพาณิชย์เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 481 สาขา แยกเป็นภาคเหนือตอนบน 286 สาขา และภาคเหนือตอนล่าง 195 โดยแยกเป็นเขตอำเภอเมือง 265 สาขา และเขตอำเภอรอบนอก 216 สาขา โดยมีสาขาธนาคารพาณิชย์ที่เปิดดำเนินการใหม่ทั้งสิ้น 8 สาขา ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยบิ๊กซี นครสวรรค์ และสาขาย่อยบิ๊กซี พิษณุโลก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิษณุโลกดารุ้ลยากีน และสาขาลำปางดารุ้ลอิคลาส ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) สาขาสุโขทัย สาขาอุตรดิตถ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ (ลำพูน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) สาขาย่อยสถาบันราชภัฎลำปาง ขณะที่มีสาขาธนาคารพาณิชย์ปิดดำเนินการทั้งสิ้น 5 สาขา
เงินฝาก
ปี 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2546 จะมีเงินฝากลดลงก็ตาม ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยที่มีการถอนเงินฝากส่วนหนึ่งไปลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติช่วงปลายปีก่อน และผลของปัจจัยดังกล่าวหมดลง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทำให้เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็น 283,025.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 เหลือ 276,230.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้สามารถจำแนกตามประเภทของเงินฝากได้ดังนี้ เงินฝากกระแสรายวันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 26.5 เป็น 6,630.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ระยะเดียวกันปีก่อน เงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 เป็น 129,085.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เป็น 106,453.3 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่เงินฝากประจำลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน โดยลดลงร้อยละ 10.5 เหลือ 147,310.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 11.8 เหลือ 164,537.0 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
เมื่อพิจารณาเป็นรายอนุภาค เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในเขตภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เป็น 171,855.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 เหลือ 166,941.1 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ตาก และน่าน ส่วนภาคเหนือตอนล่างเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เป็น 111,170.0 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 2.7 เหลือ 109,289.7 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร
สินเชื่อ
ปี 2546 สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือขยายตัวต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เป็น 199,914.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เป็น 181,504.6 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและการขยายการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์แก่ภาคธุรกิจสำคัญนอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจูงใจให้มีการขอสินเชื่อทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.6 เทียบกับร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อประเภทเบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เป็น 55,472.0 ล้านบาท ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เป็น 54,910.0 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน สินเชื่อประเภทเงินให้กู้และอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เป็น 111,050.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มร้อยละ 10.4 เป็น 106,068.0 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อนและสินเชื่อประเภทตั๋วเงินเพิ่มร้อยละ 62.7 เป็น 33,392.0ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มร้อยละ 26.8 เป็น 20,526.6 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อน
เมื่อพิจารณาเป็นรายอนุภาค สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในเขตภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เป็น 124,324.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เป็น 116,129.2 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และเชียงราย ส่วนภาคเหนือตอนล่างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เป็น 75,590.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เป็น 65,375.5 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดนครสวรรค์ พิจิตและพิษณุโลก
เมื่อพิจารณาสินเชื่อแยกตามประเภทธุรกรรมพบว่า ปี 2546 ประเภทของสินเชื่อที่ขยายตัวสูงได้แก่สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อเพื่อการอุปโภค สินเชื่อเพื่อการอุตสาหกรรม และสินเชื่อเพื่อการธนาคารและธุรกิจการเงิน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การแข่งขันของสาขาธนาคารพาณิชย์ตลอดจนการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภาค ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ และพิษณุโลก
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์
ปี 2546 อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารสภาพคล่องของแต่ละธนาคารเป็นสำคัญ โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประเภทฝากประจำระยะ 3 เดือน ลดลงจากร้อยละ 1.75 ต่อปี ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2545 เหลือร้อยละ 1.00 ต่อปี ประเภทเงินฝากประจำ 12 เดือน ลดลงจากร้อยละ 2.00 ต่อปี เหลือร้อยละ 1.00 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย MLR ลดลงจากร้อยละ 6.69 ต่อปี เหลือร้อยละ 5.69 ต่อปี
การดำเนินงานของสำนักหักบัญชี
ปี 2546 ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีทั้ง 16 แห่งในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เป็น 4,751,997 ฉบับ เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เป็น 4,618,345 ฉบับ ปีก่อน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เป็น 354,211 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มร้อยละ 13.2 เป็น 331,084 ล้านบาท ปีก่อน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น สำหรับปริมาณเช็คคืนลดลง 3.5 เหลือ 129,808 ฉบับ เทียบกับที่ลดลงร้อยะละ 6.1 เหลือ 134,571 ฉบับ และมูลค่าลดลงร้อยละ 5.5 เหลือ 7,289 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 6.1 เหลือ 7,715 ล้านบาท ปีก่อนส่งผลให้สัดส่วนปริมาณเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 2.9 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.7 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.7 และมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงจากร้อยละ 2.3 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.1 ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาการใช้เช็คเพิ่มขึ้นมากที่สำนักหักบัญชีจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำปาง และเชียงราย สำหรับเช็คคืนลดลงมากที่สำนักหักบัญชี จังหวัดพิจิตร พะเยา ตาก และนครสวรรค์
ธนาคารออมสิน
ปี 2546 สาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือมียอดคงค้างเงินฝาก เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เป็น 44,542.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เป็น 42,764.6 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากตามโครงการธนาคารประชาชนโดยเงินฝากประเภทเพื่อเรียกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เป็น 21,303.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 18,969.0 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากประเภทเผื่อเรียกพิเศษ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.6 เป็น 15,559.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 3.9 เหลือ 15,461.8 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนเงินฝากประเภทประจำลดลงร้อยละ 7.8 เหลือ 7,680.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.8 เหลือ 8,333.8 ล้านบาท ปีก่อน ล้านบาท ตามลำดับ ในปีนี้เงินฝากที่สาขาธนาคารออมสินขยายตัวมากที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พิษณุโลก น่าน เชียงใหม่ และเชียงราย
ทางด้านการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือมีการขยายตัวของการให้สินเชื่อในเกณฑ์สูงตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนการดำเนินการให้สินเชื่อตามนโยบายของทางการ โดยปี 2546 มียอดคงค้าง สินเชื่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.3 เป็น 31,896.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 เป็น 18,513.8 ล้านบาท ปีก่อน ทั้งนี้สินเชื่อประเภทบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.0 เป็น 26,952.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 เป็น 15,851.5 ล้านบาท ปีก่อน ตามความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ สินเชื่อประเภทธุรกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เป็น 2,173.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าตัว เป็น 1,273.2 ล้านบาท ปีก่อน สินเชื่อเบิกเกินบัญชี เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.8 เป็น 573.8 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.3 เป็น 388.3 ล้านบาท ปีก่อน และสินเชื่อประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 2,196.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 เป็น 1,000.8 ล้านบาท ขณะที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัดโดยเฉพาะในจังหวัดลำปาง ลำพูน น่าน และตาก
ทางด้านการดำเนินงานตามโครงการธนาคารประชาชนของธนาคารออมสินในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2546 มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 138,103 ราย เทียบกับ 102,052 ราย ปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.3 มียอดเงินให้กู้ทั้งหมด 2,935.6 ล้านบาท เทียบกับ 1,925.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.7 โดยเพิ่มขึ้นมากในทุกจังหวัด เนื่องจากสาขาธนาคารออมสินได้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยการให้บริการลูกหนี้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ประกอบกับมีการขยายวงเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีศักยภาพและประวัติการชำระหนี้ดีจากรายละ 30,000 บาทต่อราย เป็น 50,000 บาทต่อราย และขยายฐานลูกค้าไปยังข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องการประกอบอาชีพเสริม ทางด้านยอดคงค้างสินเชื่อปี 2546 มีทั้งสิ้น 1,208.3 ล้านบาท เทียบกับ 1,061.6 ล้านบาทปีก่อน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ปี 2546 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในเขตภาคเหนือมียอดคงค้างเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เป็น 50,291.8 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เป็น 45,011.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินที่เกษตรกรนำฝากเพื่อเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ของโครงการพักชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2547 รวมทั้งเงินฝากของหน่วยงานราชการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีการนำฝากเพิ่มขึ้น โดยเงินฝากประเภทออมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เป็น 42,357.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.7 เป็น 37,163.9 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากประเภทประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็น 7,686.2 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 0.1 เหลือ 7,668.1 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนเงินฝากประเภทกระแสรายวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.2 เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เป็น 1,796 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลก พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นมาก
ทางด้านการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2545 มียอดค้างเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.7 เป็น 74,710.2 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 เป็น 69,336.7 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการให้สินเชื่อเพื่อการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรและการให้สินเชื่อแก่เกษตรกรที่ออกจากโครงการพักชำระหนี้ โดยสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิษณุโลกนครสวรรค์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร น่าน และเชียงใหม่ ด้านการจ่ายเงินให้กู้แก่เกษตรปี 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 เป็น 32,104.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 13.1 เหลือ 26,154.8 ล้านบาท ปีก่อน ขณะที่การชำระคืนสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เป็น 27,242.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 11.0 เหลือ 22,878.4 ล้านบาท ปีก่อน
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ปี 2546 บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักภาคเหนือ มียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เป็น 11,040.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 เป็น 10,546.5 ล้านบาท ปีก่อนโดยในปีที่ผ่านมาได้อนุมัติเงินให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในภาคเหนือรวม 258 โครงการ จำนวนเงิน 3,503.7 ล้านบาท เทียบกับ 304 โครงการ จำนวนเงิน 2,683.5 ล้านบาท ปีก่อน โดยสินเชื่อประเภทเงินทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 เป็น 1,581.6 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็น 1,123.9 ล้านบาท ปีก่อน สินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.9 เป็น 1,866.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 15.0 เหลือ 1,363.7 ล้านบาท ปีก่อน ขณะที่สินเชื่อประเภทเช่าซื้อลดลงร้อยละ 78.7 เหลือ 14.0 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 36.8 เหลือ 65.6 ล้านบาทปีก่อน และสินเชื่อประเภท Trade Finance ลดลงร้อยละ 68.1 เหลือ 41.6 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.4 เป็น 130.3 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการให้สินเชื่อแก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม อาทิ ผลิต เฟอร์นิเจอร์ ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่ เซรามิก แปรรูปอาหาร ผลิตภัณฑ์จากไม้ ซ่อมเครื่องยนต์
การโอนเงินเข้าและออกภาคเหนือ
ปี 2546 การโอนเงินของระบบธนาคารระหว่างภาคเหนือกับส่วนกลาง(รวมการโอนผ่านศูนย์กลางการโอนเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ และระบบ BAHTNET)มีปริมาณเงินโอนออกสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 เป็น 172,620.2 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.7 เหลือ 139,760.8 ล้านบาทปีก่อน โดยมีเงินโอนออกทั้งสิ้น 512,951.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 27.5 ขณะที่มีเงินโอนเข้าภาคเหนือ 340,331.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 29.7
ทางด้านเงินโอนภายในภาคเหนือของระบบธนาคารระหว่างศูนย์กลางการโอนเงิน(ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ และที่สาขาจังหวัดลำปาง) กับผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยในภาคเหนือมีเงินโอนเข้าสำนักงานเหนือทั้งสิ้น 356,166.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.5 ขณะที่ปริมาณเงินโอนออกจากสำนักงานภาคเหนือทั้งสิ้น 240,229.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25.1 ทำให้ในปี 2546 มีปริมาณเงินโอนเข้าสำนักงานภาคเหนือสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เป็น 115,937.2 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เป็น 113,744.8 ล้านบาท ปีก่อน ทั้งนี้การโอนเงินภายในภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นเงินโอนจากผู้แทน ธปท.ทั้งนี้เพื่อใช้หมุนเวียนตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
การเบิกถอนและนำฝากเงินของระบบธนาคาร
ปี 2546 ปริมาณเงินหมุนเวียนของระบบธนาคารในภาคเหนือพิจารณาจากธุรกรรมการเบิกถอนและนำฝากเงินผ่านระบบธนาคารในภาคเหนือ (ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย) สำนักงานภาคเหนือ และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยในภาคเหนือ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 ปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องในภาคเหนือ โดยมีปริมาณการเบิกถอนทั้งสิ้น 283,296.5 ล้านบาท เทียบกับ 252,135.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12.4 การเบิกถอนเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก และตาก และมีปริมาณเงินนำฝากทั้งสิ้น 393,633.4 ล้านบาท เทียบกับ 359,330.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 โดยเพิ่มขึ้นมากที่พะเยา ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิษณุโลกและอำเภอแม่สอด ส่งผลให้มีปริมาณเงินนำฝากสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 107,194.4 ล้านบาท ปีก่อน เป็น 110,336.9 ล้านบาท ปีนี้
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ปี 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2546 จะมีเงินฝากลดลงก็ตาม ทั้งนี้จากปัจจัยการถอนเงินฝากส่วนหนึ่งไปลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติช่วงปลายปีก่อน และเมื่อผลของปัจจัยดังกล่าวหมดลง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เงินฝากสาขาธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 ปีก่อน ขณะที่สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ และการขยายการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.6 เทียบกับ ร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
สำหรับภาวะการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่สำคัญมีดังนี้ สาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่สินเชื่อเร่งตัวขึ้นโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.3 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 ระยะเดียวกันปีก่อน สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในภาคเหนือมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อละ 13.4 ระยะเดียวกันปีก่อน และมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ระยะเดียวกันปีก่อนบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ มียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
การดำเนินงานของสถาบันการเงิน
ธนาคารพาณิชย์
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 มีสาขาธนาคารพาณิชย์เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 481 สาขา แยกเป็นภาคเหนือตอนบน 286 สาขา และภาคเหนือตอนล่าง 195 โดยแยกเป็นเขตอำเภอเมือง 265 สาขา และเขตอำเภอรอบนอก 216 สาขา โดยมีสาขาธนาคารพาณิชย์ที่เปิดดำเนินการใหม่ทั้งสิ้น 8 สาขา ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยบิ๊กซี นครสวรรค์ และสาขาย่อยบิ๊กซี พิษณุโลก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิษณุโลกดารุ้ลยากีน และสาขาลำปางดารุ้ลอิคลาส ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) สาขาสุโขทัย สาขาอุตรดิตถ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ (ลำพูน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) สาขาย่อยสถาบันราชภัฎลำปาง ขณะที่มีสาขาธนาคารพาณิชย์ปิดดำเนินการทั้งสิ้น 5 สาขา
เงินฝาก
ปี 2546 เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าในช่วง 9 เดือนของปี 2546 จะมีเงินฝากลดลงก็ตาม ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยที่มีการถอนเงินฝากส่วนหนึ่งไปลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติช่วงปลายปีก่อน และผลของปัจจัยดังกล่าวหมดลง ตลอดจนการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทำให้เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็น 283,025.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 เหลือ 276,230.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้สามารถจำแนกตามประเภทของเงินฝากได้ดังนี้ เงินฝากกระแสรายวันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 26.5 เป็น 6,630.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 ระยะเดียวกันปีก่อน เงินฝากออมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 เป็น 129,085.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เป็น 106,453.3 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่เงินฝากประจำลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน โดยลดลงร้อยละ 10.5 เหลือ 147,310.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 11.8 เหลือ 164,537.0 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
เมื่อพิจารณาเป็นรายอนุภาค เงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในเขตภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เป็น 171,855.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 2.8 เหลือ 166,941.1 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ตาก และน่าน ส่วนภาคเหนือตอนล่างเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เป็น 111,170.0 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 2.7 เหลือ 109,289.7 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร
สินเชื่อ
ปี 2546 สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือขยายตัวต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 เป็น 199,914.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เป็น 181,504.6 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและการขยายการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์แก่ภาคธุรกิจสำคัญนอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจูงใจให้มีการขอสินเชื่อทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 70.6 เทียบกับร้อยละ 65.7 ระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อประเภทเบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เป็น 55,472.0 ล้านบาท ชะลอลงเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เป็น 54,910.0 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน สินเชื่อประเภทเงินให้กู้และอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เป็น 111,050.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มร้อยละ 10.4 เป็น 106,068.0 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อนและสินเชื่อประเภทตั๋วเงินเพิ่มร้อยละ 62.7 เป็น 33,392.0ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มร้อยละ 26.8 เป็น 20,526.6 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อน
เมื่อพิจารณาเป็นรายอนุภาค สินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในเขตภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เป็น 124,324.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เป็น 116,129.2 ล้านบาท ระยเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และเชียงราย ส่วนภาคเหนือตอนล่างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เป็น 75,590.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เป็น 65,375.5 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดนครสวรรค์ พิจิตและพิษณุโลก
เมื่อพิจารณาสินเชื่อแยกตามประเภทธุรกรรมพบว่า ปี 2546 ประเภทของสินเชื่อที่ขยายตัวสูงได้แก่สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อเพื่อการอุปโภค สินเชื่อเพื่อการอุตสาหกรรม และสินเชื่อเพื่อการธนาคารและธุรกิจการเงิน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การแข่งขันของสาขาธนาคารพาณิชย์ตลอดจนการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภาค ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ และพิษณุโลก
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์
ปี 2546 อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ยังคงปรับลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารสภาพคล่องของแต่ละธนาคารเป็นสำคัญ โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ประเภทฝากประจำระยะ 3 เดือน ลดลงจากร้อยละ 1.75 ต่อปี ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2545 เหลือร้อยละ 1.00 ต่อปี ประเภทเงินฝากประจำ 12 เดือน ลดลงจากร้อยละ 2.00 ต่อปี เหลือร้อยละ 1.00 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย MLR ลดลงจากร้อยละ 6.69 ต่อปี เหลือร้อยละ 5.69 ต่อปี
การดำเนินงานของสำนักหักบัญชี
ปี 2546 ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีทั้ง 16 แห่งในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 เป็น 4,751,997 ฉบับ เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เป็น 4,618,345 ฉบับ ปีก่อน และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เป็น 354,211 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มร้อยละ 13.2 เป็น 331,084 ล้านบาท ปีก่อน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น สำหรับปริมาณเช็คคืนลดลง 3.5 เหลือ 129,808 ฉบับ เทียบกับที่ลดลงร้อยะละ 6.1 เหลือ 134,571 ฉบับ และมูลค่าลดลงร้อยละ 5.5 เหลือ 7,289 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 6.1 เหลือ 7,715 ล้านบาท ปีก่อนส่งผลให้สัดส่วนปริมาณเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงร้อยละ 2.9 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.7 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.7 และมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บลดลงจากร้อยละ 2.3 ปีก่อน เหลือร้อยละ 2.1 ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาการใช้เช็คเพิ่มขึ้นมากที่สำนักหักบัญชีจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ลำปาง และเชียงราย สำหรับเช็คคืนลดลงมากที่สำนักหักบัญชี จังหวัดพิจิตร พะเยา ตาก และนครสวรรค์
ธนาคารออมสิน
ปี 2546 สาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือมียอดคงค้างเงินฝาก เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เป็น 44,542.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เป็น 42,764.6 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากตามโครงการธนาคารประชาชนโดยเงินฝากประเภทเพื่อเรียกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เป็น 21,303.0 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 18,969.0 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากประเภทเผื่อเรียกพิเศษ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.6 เป็น 15,559.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 3.9 เหลือ 15,461.8 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนเงินฝากประเภทประจำลดลงร้อยละ 7.8 เหลือ 7,680.0 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.8 เหลือ 8,333.8 ล้านบาท ปีก่อน ล้านบาท ตามลำดับ ในปีนี้เงินฝากที่สาขาธนาคารออมสินขยายตัวมากที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พิษณุโลก น่าน เชียงใหม่ และเชียงราย
ทางด้านการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารออมสินในภาคเหนือมีการขยายตัวของการให้สินเชื่อในเกณฑ์สูงตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนการดำเนินการให้สินเชื่อตามนโยบายของทางการ โดยปี 2546 มียอดคงค้าง สินเชื่อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.3 เป็น 31,896.0 ล้านบาท เร่งตัวขึ้นเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 เป็น 18,513.8 ล้านบาท ปีก่อน ทั้งนี้สินเชื่อประเภทบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.0 เป็น 26,952.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 เป็น 15,851.5 ล้านบาท ปีก่อน ตามความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ สินเชื่อประเภทธุรกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เป็น 2,173.4 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าตัว เป็น 1,273.2 ล้านบาท ปีก่อน สินเชื่อเบิกเกินบัญชี เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.8 เป็น 573.8 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.3 เป็น 388.3 ล้านบาท ปีก่อน และสินเชื่อประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 2,196.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 เป็น 1,000.8 ล้านบาท ขณะที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัดโดยเฉพาะในจังหวัดลำปาง ลำพูน น่าน และตาก
ทางด้านการดำเนินงานตามโครงการธนาคารประชาชนของธนาคารออมสินในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2546 มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 138,103 ราย เทียบกับ 102,052 ราย ปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.3 มียอดเงินให้กู้ทั้งหมด 2,935.6 ล้านบาท เทียบกับ 1,925.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.7 โดยเพิ่มขึ้นมากในทุกจังหวัด เนื่องจากสาขาธนาคารออมสินได้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยการให้บริการลูกหนี้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง ประกอบกับมีการขยายวงเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีศักยภาพและประวัติการชำระหนี้ดีจากรายละ 30,000 บาทต่อราย เป็น 50,000 บาทต่อราย และขยายฐานลูกค้าไปยังข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องการประกอบอาชีพเสริม ทางด้านยอดคงค้างสินเชื่อปี 2546 มีทั้งสิ้น 1,208.3 ล้านบาท เทียบกับ 1,061.6 ล้านบาทปีก่อน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ปี 2546 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในเขตภาคเหนือมียอดคงค้างเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 เป็น 50,291.8 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 เป็น 45,011.6 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินที่เกษตรกรนำฝากเพื่อเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ของโครงการพักชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2547 รวมทั้งเงินฝากของหน่วยงานราชการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีการนำฝากเพิ่มขึ้น โดยเงินฝากประเภทออมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เป็น 42,357.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 16.7 เป็น 37,163.9 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากประเภทประจำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็น 7,686.2 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 0.1 เหลือ 7,668.1 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนเงินฝากประเภทกระแสรายวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.2 เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เป็น 1,796 ล้านบาท ปีก่อน เงินฝากเพิ่มขึ้นในทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลก พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นมาก
ทางด้านการให้สินเชื่อของสาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในภาคเหนือ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2545 มียอดค้างเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.7 เป็น 74,710.2 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 เป็น 69,336.7 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการให้สินเชื่อเพื่อการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรและการให้สินเชื่อแก่เกษตรกรที่ออกจากโครงการพักชำระหนี้ โดยสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิษณุโลกนครสวรรค์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร น่าน และเชียงใหม่ ด้านการจ่ายเงินให้กู้แก่เกษตรปี 2546 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7 เป็น 32,104.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 13.1 เหลือ 26,154.8 ล้านบาท ปีก่อน ขณะที่การชำระคืนสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เป็น 27,242.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 11.0 เหลือ 22,878.4 ล้านบาท ปีก่อน
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ปี 2546 บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักภาคเหนือ มียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เป็น 11,040.4 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 เป็น 10,546.5 ล้านบาท ปีก่อนโดยในปีที่ผ่านมาได้อนุมัติเงินให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในภาคเหนือรวม 258 โครงการ จำนวนเงิน 3,503.7 ล้านบาท เทียบกับ 304 โครงการ จำนวนเงิน 2,683.5 ล้านบาท ปีก่อน โดยสินเชื่อประเภทเงินทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 เป็น 1,581.6 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เป็น 1,123.9 ล้านบาท ปีก่อน สินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.9 เป็น 1,866.6 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 15.0 เหลือ 1,363.7 ล้านบาท ปีก่อน ขณะที่สินเชื่อประเภทเช่าซื้อลดลงร้อยละ 78.7 เหลือ 14.0 ล้านบาท เทียบกับลดลงร้อยละ 36.8 เหลือ 65.6 ล้านบาทปีก่อน และสินเชื่อประเภท Trade Finance ลดลงร้อยละ 68.1 เหลือ 41.6 ล้านบาท เทียบกับเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.4 เป็น 130.3 ล้านบาท ปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการให้สินเชื่อแก่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม อาทิ ผลิต เฟอร์นิเจอร์ ฟาร์มสุกร ฟาร์มไก่ เซรามิก แปรรูปอาหาร ผลิตภัณฑ์จากไม้ ซ่อมเครื่องยนต์
การโอนเงินเข้าและออกภาคเหนือ
ปี 2546 การโอนเงินของระบบธนาคารระหว่างภาคเหนือกับส่วนกลาง(รวมการโอนผ่านศูนย์กลางการโอนเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ และระบบ BAHTNET)มีปริมาณเงินโอนออกสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 เป็น 172,620.2 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 0.7 เหลือ 139,760.8 ล้านบาทปีก่อน โดยมีเงินโอนออกทั้งสิ้น 512,951.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 27.5 ขณะที่มีเงินโอนเข้าภาคเหนือ 340,331.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 29.7
ทางด้านเงินโอนภายในภาคเหนือของระบบธนาคารระหว่างศูนย์กลางการโอนเงิน(ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ และที่สาขาจังหวัดลำปาง) กับผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยในภาคเหนือมีเงินโอนเข้าสำนักงานเหนือทั้งสิ้น 356,166.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.5 ขณะที่ปริมาณเงินโอนออกจากสำนักงานภาคเหนือทั้งสิ้น 240,229.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25.1 ทำให้ในปี 2546 มีปริมาณเงินโอนเข้าสำนักงานภาคเหนือสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เป็น 115,937.2 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เป็น 113,744.8 ล้านบาท ปีก่อน ทั้งนี้การโอนเงินภายในภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นเงินโอนจากผู้แทน ธปท.ทั้งนี้เพื่อใช้หมุนเวียนตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
การเบิกถอนและนำฝากเงินของระบบธนาคาร
ปี 2546 ปริมาณเงินหมุนเวียนของระบบธนาคารในภาคเหนือพิจารณาจากธุรกรรมการเบิกถอนและนำฝากเงินผ่านระบบธนาคารในภาคเหนือ (ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย) สำนักงานภาคเหนือ และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยในภาคเหนือ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 ปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องในภาคเหนือ โดยมีปริมาณการเบิกถอนทั้งสิ้น 283,296.5 ล้านบาท เทียบกับ 252,135.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12.4 การเบิกถอนเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดพิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก และตาก และมีปริมาณเงินนำฝากทั้งสิ้น 393,633.4 ล้านบาท เทียบกับ 359,330.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 โดยเพิ่มขึ้นมากที่พะเยา ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิษณุโลกและอำเภอแม่สอด ส่งผลให้มีปริมาณเงินนำฝากสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 107,194.4 ล้านบาท ปีก่อน เป็น 110,336.9 ล้านบาท ปีนี้
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--