แท็ก
กระทรวงการต่างประเทศ
กรุงเทพ--17 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
การประชุมแนวทางการจัดทำ Single Visa กับผู้แทนประเทศเพื่อนบ้านตามกรอบ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS)
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมกับผู้แทนประเทศเพื่อนบ้านระดับอธิบดีกรมการกงสุล และกรมตรวจคนเข้าเมือง เพื่อหารือและนำเสนอท่าทีของฝ่ายไทยเกี่ยวกับการจัดทำการตรวจลงตราเดียว (Single Visa) ตามกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS) ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2547 ที่โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา โดยนายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมในวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2547 เวลา 09.30 น. ณ ห้องกมลทิพย์ 3 โรงแรมสยามซิตี้
ภูมิหลังและพัฒนาการของการจัดทำการตรวจลงตราเดียวตามกรอบยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS) มีดังนี้
1. ความคิดริเริ่มของผู้นำไทย
ในการประชุม ASEAN Summit เป็นกรณีพิเศษว่าด้วยเรื่อง SARS ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่
29 เมษายน 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะแนวคิดยุทธศาสตร์ความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจ ( Ayawady-Chaophya-Mekong Economic Cooperation Strategy-ACMECS) สำหรับประเทศไทยและเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาว พม่า (Cambodia, Laos, Myanmar and Thailand - CLMT) เพื่อให้เป็นกลไกกระตุ้นความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งผู้นำกัมพูชา ลาวและพม่า ได้ให้การตอบรับแนวความคิดนี้ด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง โดยนายกรัฐมนตรีของไทยเชื่อมั่นว่า “ความร่วมมือตามแนวคิด ดังกล่าวนี้ไม่เพียงแต่จะนำสถานะที่เรียกว่า WIN-WIN มาสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสี่เท่านั้น แต่จะเป็นกลไกในการบูรณการระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ให้เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นมั่นคงโดยอาศัยการค้าและการลงทุนระหว่างกันเป็นสะพานหลัก”
2. การลงนามในปฏิญญาพุกาม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546
เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มข้างต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่ม ACMECS ได้มีการพบปะหารือกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2546 ซึ่งต่างก็ได้อภิปรายถึงขอบข่าย แนวคิด หลักการของยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสี่ประเทศ เพื่อหาทางเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน พัฒนาระบบการขนส่งเพื่อให้เป็นตัวเร่งในการจ้างงานและปรับปรุงการกระจายรายได้และ คุณภาพชีวิตในภูมิภาคให้เพิ่มขึ้น ซึ่งต่อมาได้มีการพบปะกันหลายครั้งตลอดปี 2546 ในที่สุดได้นำไปสู่การลงนามในปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 ที่เมืองพุกาม ประเทศพม่า ซึ่งมีจุดประสงค์ในการร่วมมือกัน 5 ด้านหลัก คือ
- ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
- ความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม
- ความร่วมมือทางด้านการขนส่ง
- ความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว
- ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
3. “สี่ประเทศหนึ่งจุดหมาย” (Four Countries One Destination)
นายกรัฐมนตรีของไทยเห็นว่า “การท่องเที่ยวน่าจะเป็นโครงการตัวอย่างที่ง่ายและเห็น ได้ชัดที่สุดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยกว่า 11 ล้านคน เพื่อเป็นการแบ่งปันนักท่องเที่ยวจำนวนนี้ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาวและพม่า จึงได้เสนอแนวคิดเรื่อง Four Countries One Destination คือให้นักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาคเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน 4 ประเทศนี้ด้วยการขอวีซ่าเพียง 1 ประเทศ ในลักษณะคล้ายกับ Schengen Visa ของกลุ่ม Schengen ในยุโรป”
4. “วีซ่าหนึ่งเดียวท่องเที่ยว 4 ประเทศ” (ACMECS Joint Visa/Single Visa)
ด้วยความมุ่งหมายที่จะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค มาท่องเที่ยว ในประเทศ กัมพูชา ลาว พม่าและไทย ด้วยการขอวีซ่าจากเพียงประเทศเดียว ในที่สุดแผนงานจัดทำ ”วีซ่าเดียว หรือ Single Visa/Joint Visa” จึงเกิดขึ้นมา
ทั้งนี้ กรมการกงสุล ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการศึกษาหา
ทางนำนโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต่อไป
5. สถานะปัจจุบันของการจัดทำ Joint Visa/Single Visa
- ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยเพื่อพิจารณาแนวทางจัดทำ Joint Visa เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2546
- มีการพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตของประเทศ
เพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาวและพม่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547
- ส่งเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลไปศึกษาดูงานเรื่อง Schengen Visa ที่กรุงบรัสเซลส์และ
กรุงปารีส ระหว่างวันที่ 19 — 23 กุมภาพันธ์ 2547
- กระทรวงฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและพิจารณาจัดทำข้อเสนอการตรวจลงตราเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2547
- อธิบดีกรมการกงสุล ประธานคณะทำงานฯ ได้เชิญคณะทำงานฯ ฝ่ายไทยเข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดท่าที และแนวทางในการจัดทำวีซ่าเดียว ในวันที่ 21 เมษายน 2547 ที่กรมการกงสุล ซึ่งจะเป็นท่าทีที่จะนำเสนอต่อประเทศเพื่อนบ้านในกรอบ ACMECS
6. การประชุมเรื่องการจัดทำการตรวจลงตราเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว พม่า (The 1st Meeting of the Working Groups on ACMECS-Single Visa Scheme, among Cambodia, Laos PDR, Myanmar and Thailand)
ระหว่างวันที่ 17 — 19 พฤษภาคม 2547 ฝ่ายไทย โดยกรมการกงสุล ได้รับ
อนุมัติจากกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับผู้แทนประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า ในกรอบ ACMECS และเนื่องจากเวียดนามจะเข้าร่วมใน ACMECS ภายในปีนี้ จึงได้เชิญเวียดนามเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วย
การประชุมครั้งนี้ ได้เชิญผู้แทนจาก ADB มาบรรยายผลการศึกษาเรื่องการจัด
ทำการตรวจลงตราเดียวในกรอบ GMS ซึ่งจะพิจารณานำผลการศึกษาดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับแผนการจัดทำการตรวจลงตราเดียวในกรอบ ACMECS และเชิญผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียนมาร่วมให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำ Single Visa ในการประชุมครั้งนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-
การประชุมแนวทางการจัดทำ Single Visa กับผู้แทนประเทศเพื่อนบ้านตามกรอบ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS)
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมกับผู้แทนประเทศเพื่อนบ้านระดับอธิบดีกรมการกงสุล และกรมตรวจคนเข้าเมือง เพื่อหารือและนำเสนอท่าทีของฝ่ายไทยเกี่ยวกับการจัดทำการตรวจลงตราเดียว (Single Visa) ตามกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS) ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2547 ที่โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา โดยนายสรจักร เกษมสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมในวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2547 เวลา 09.30 น. ณ ห้องกมลทิพย์ 3 โรงแรมสยามซิตี้
ภูมิหลังและพัฒนาการของการจัดทำการตรวจลงตราเดียวตามกรอบยุทธศาสตร์ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ACMECS) มีดังนี้
1. ความคิดริเริ่มของผู้นำไทย
ในการประชุม ASEAN Summit เป็นกรณีพิเศษว่าด้วยเรื่อง SARS ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่
29 เมษายน 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะแนวคิดยุทธศาสตร์ความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจ ( Ayawady-Chaophya-Mekong Economic Cooperation Strategy-ACMECS) สำหรับประเทศไทยและเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาว พม่า (Cambodia, Laos, Myanmar and Thailand - CLMT) เพื่อให้เป็นกลไกกระตุ้นความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งผู้นำกัมพูชา ลาวและพม่า ได้ให้การตอบรับแนวความคิดนี้ด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง โดยนายกรัฐมนตรีของไทยเชื่อมั่นว่า “ความร่วมมือตามแนวคิด ดังกล่าวนี้ไม่เพียงแต่จะนำสถานะที่เรียกว่า WIN-WIN มาสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสี่เท่านั้น แต่จะเป็นกลไกในการบูรณการระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ให้เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นมั่นคงโดยอาศัยการค้าและการลงทุนระหว่างกันเป็นสะพานหลัก”
2. การลงนามในปฏิญญาพุกาม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546
เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มข้างต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่ม ACMECS ได้มีการพบปะหารือกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2546 ซึ่งต่างก็ได้อภิปรายถึงขอบข่าย แนวคิด หลักการของยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสี่ประเทศ เพื่อหาทางเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน พัฒนาระบบการขนส่งเพื่อให้เป็นตัวเร่งในการจ้างงานและปรับปรุงการกระจายรายได้และ คุณภาพชีวิตในภูมิภาคให้เพิ่มขึ้น ซึ่งต่อมาได้มีการพบปะกันหลายครั้งตลอดปี 2546 ในที่สุดได้นำไปสู่การลงนามในปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2546 ที่เมืองพุกาม ประเทศพม่า ซึ่งมีจุดประสงค์ในการร่วมมือกัน 5 ด้านหลัก คือ
- ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
- ความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม
- ความร่วมมือทางด้านการขนส่ง
- ความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว
- ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
3. “สี่ประเทศหนึ่งจุดหมาย” (Four Countries One Destination)
นายกรัฐมนตรีของไทยเห็นว่า “การท่องเที่ยวน่าจะเป็นโครงการตัวอย่างที่ง่ายและเห็น ได้ชัดที่สุดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยกว่า 11 ล้านคน เพื่อเป็นการแบ่งปันนักท่องเที่ยวจำนวนนี้ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาวและพม่า จึงได้เสนอแนวคิดเรื่อง Four Countries One Destination คือให้นักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาคเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน 4 ประเทศนี้ด้วยการขอวีซ่าเพียง 1 ประเทศ ในลักษณะคล้ายกับ Schengen Visa ของกลุ่ม Schengen ในยุโรป”
4. “วีซ่าหนึ่งเดียวท่องเที่ยว 4 ประเทศ” (ACMECS Joint Visa/Single Visa)
ด้วยความมุ่งหมายที่จะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค มาท่องเที่ยว ในประเทศ กัมพูชา ลาว พม่าและไทย ด้วยการขอวีซ่าจากเพียงประเทศเดียว ในที่สุดแผนงานจัดทำ ”วีซ่าเดียว หรือ Single Visa/Joint Visa” จึงเกิดขึ้นมา
ทั้งนี้ กรมการกงสุล ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการศึกษาหา
ทางนำนโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมต่อไป
5. สถานะปัจจุบันของการจัดทำ Joint Visa/Single Visa
- ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยเพื่อพิจารณาแนวทางจัดทำ Joint Visa เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2546
- มีการพบปะหารือกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตของประเทศ
เพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาวและพม่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547
- ส่งเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลไปศึกษาดูงานเรื่อง Schengen Visa ที่กรุงบรัสเซลส์และ
กรุงปารีส ระหว่างวันที่ 19 — 23 กุมภาพันธ์ 2547
- กระทรวงฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาและพิจารณาจัดทำข้อเสนอการตรวจลงตราเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2547
- อธิบดีกรมการกงสุล ประธานคณะทำงานฯ ได้เชิญคณะทำงานฯ ฝ่ายไทยเข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดท่าที และแนวทางในการจัดทำวีซ่าเดียว ในวันที่ 21 เมษายน 2547 ที่กรมการกงสุล ซึ่งจะเป็นท่าทีที่จะนำเสนอต่อประเทศเพื่อนบ้านในกรอบ ACMECS
6. การประชุมเรื่องการจัดทำการตรวจลงตราเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว พม่า (The 1st Meeting of the Working Groups on ACMECS-Single Visa Scheme, among Cambodia, Laos PDR, Myanmar and Thailand)
ระหว่างวันที่ 17 — 19 พฤษภาคม 2547 ฝ่ายไทย โดยกรมการกงสุล ได้รับ
อนุมัติจากกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับผู้แทนประเทศกัมพูชา ลาว และพม่า ในกรอบ ACMECS และเนื่องจากเวียดนามจะเข้าร่วมใน ACMECS ภายในปีนี้ จึงได้เชิญเวียดนามเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วย
การประชุมครั้งนี้ ได้เชิญผู้แทนจาก ADB มาบรรยายผลการศึกษาเรื่องการจัด
ทำการตรวจลงตราเดียวในกรอบ GMS ซึ่งจะพิจารณานำผลการศึกษาดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับแผนการจัดทำการตรวจลงตราเดียวในกรอบ ACMECS และเชิญผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียนมาร่วมให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำ Single Visa ในการประชุมครั้งนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-สส-