วันนี้ (19 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าสืบเนื่องมาจากกรณีที่ทางนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ได้แถลงข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นต้นเหตุของปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ตนขอชี้แจงยกตัวอย่างที่สะท้อนสถานการณ์ขณะนั้นทางหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 2 สิงหาคม 2540 บอกว่า “ปิด 42 ไฟแนนซ์ช็อก! แห่ถอนเงินแบงก์ เอทีเอ็มก็เกลี้ยง คลัง-แบงก์ชาติ ยันไม่ มีรอบสาม สั่ง "กรุงไทย" อุ้ม! เปลี่ยนตั๋วได้วันนี้” และหนังสือพิมพ์ข่าวสดวันที่ 8 สิงหา 2540 บอกว่า“เข้าเฝ้าร่วม 3 ชม. "จิ๋ว" ทูลเกล้า รายงาน "วิกฤต" ศก. พร้อมรมว.คลัง-ผู้ว่า ธปท. "ทนง" บุกญี่ปุ่นขอกู้เงินสภาฯ วุ่นญัตติไฟแนนซ์ไฟเขียว "ยา" ขึ้นราคา !” ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และคนที่เป็น รมต.กระทรวงการคลัง และเป็นผู้ประกาศลดค่าเงินบาท เมื่อวันที 2 กค. 2540 ปัจจุบัน คือเป็นรมต.กระทรวงการคลัง
‘และก็เป็นคนเดียวกันกับที่ปิด 42 ไฟแนนซ์ และคนที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลของพลเอกชวลิต วันนี้ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร วันที่ประเทศประสบปัญหา เป็นรัฐบาลที่นำประเทศไปประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและใหญ่หลวงที่สุด ซึ่งวันนี้มีรัฐมนตรีในเมื่อปี 2540 ก็ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน’ นายยุทธพงศ์กล่าว
รองโฆษกพรรคฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่นำประเทศไปสู่ภาวะวิกฤตเมื่อปี 40 ก็คือรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปัตย์ และตนต้องขอฝากเรื่องนี้ไปถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองฆากพรรคไทยรักไทย ว่านายจตุพรอาจจะไม่รู้ และไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อปี 40 ว่าเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ 2 ด้านคือ วิกฤตทางการเงินและวิกฤตสถาบันการเงิน เมื่อเดือน พฤษภาคม 2540 เงินสำรองระหว่างประเทศถูกใช้ในการปกป้องค่าเงินบาทจนหมด และปัจจุบันที่รัฐบาลปัจจุบันบอกว่ามีเงินคงคลัง หรือเงิน Reserve อยู่ 4 หมื่นล้าน 2 ใน 3 ของเงิน 4 หมื่นล้าน ก็เป็นเงินที่รัฐบาลในพรรคประชาธิปัตย์ได้หาและสะสมเอาไว้ กฎหมายปรส.ก็เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
‘ตรงนี้ต้องขออภัยที่จะต้องเอาเรื่องนี้มาเรียนอีก เพราะว่ามีบางคน บางพรรคการเมือง เล่นการเมืองใช้วิธีการเมืองน้ำเน่า ใส่ร้าย ต่อพรรคการเมืองอื่น’รองโฆษกพรรคฯ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2548--จบ--
‘และก็เป็นคนเดียวกันกับที่ปิด 42 ไฟแนนซ์ และคนที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลของพลเอกชวลิต วันนี้ก็มาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร วันที่ประเทศประสบปัญหา เป็นรัฐบาลที่นำประเทศไปประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและใหญ่หลวงที่สุด ซึ่งวันนี้มีรัฐมนตรีในเมื่อปี 2540 ก็ได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน’ นายยุทธพงศ์กล่าว
รองโฆษกพรรคฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่นำประเทศไปสู่ภาวะวิกฤตเมื่อปี 40 ก็คือรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปัตย์ และตนต้องขอฝากเรื่องนี้ไปถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองฆากพรรคไทยรักไทย ว่านายจตุพรอาจจะไม่รู้ และไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อปี 40 ว่าเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ 2 ด้านคือ วิกฤตทางการเงินและวิกฤตสถาบันการเงิน เมื่อเดือน พฤษภาคม 2540 เงินสำรองระหว่างประเทศถูกใช้ในการปกป้องค่าเงินบาทจนหมด และปัจจุบันที่รัฐบาลปัจจุบันบอกว่ามีเงินคงคลัง หรือเงิน Reserve อยู่ 4 หมื่นล้าน 2 ใน 3 ของเงิน 4 หมื่นล้าน ก็เป็นเงินที่รัฐบาลในพรรคประชาธิปัตย์ได้หาและสะสมเอาไว้ กฎหมายปรส.ก็เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
‘ตรงนี้ต้องขออภัยที่จะต้องเอาเรื่องนี้มาเรียนอีก เพราะว่ามีบางคน บางพรรคการเมือง เล่นการเมืองใช้วิธีการเมืองน้ำเน่า ใส่ร้าย ต่อพรรคการเมืองอื่น’รองโฆษกพรรคฯ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2548--จบ--