วันนี้(17 พ.ค.47) เวลา 10.00น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ลาออกจากตำแหน่งประธานศูนย์อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องการประสานงานกับพล.ต.สนั่น ตนจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งเรื่องการพูดคุยกันภายในรวมถึงการหาจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นด้วย
‘ข่าวที่ออกไปผมไม่สบายใจคือ ไปพูดกันไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนเขียนออกไปหรือมีข่าวรั่วออกไป ไปวิเคราะห์กันว่าพรรคประชาธิปัตย์แตก อันนี้ผมขอยืนยันว่าไม่มี ความคิดเห็นแตกต่างกันมีจริงแต่ความแตกแยกไม่มีในพรรคประชาธิปัตย์ และอยากขอว่าใครที่ต้องการให้เกิดความแตกแยกให้หยุด ผมยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีและถ้าพรรคทำงานด้วยความมุ่งมั่น ผมว่าพรรคก็จะกลับมาเป็นความหวัง เป็นพรรคที่มาทำงานให้พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง’ นายประดิษฐ์กล่าว
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้พล.ต.สั่นก็ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องช่วยงานในพรรคต่อไป แต่ขณะนี้มีการไปวิพากษ์วิจารณ์และสื่อมวลชนเองก็วิเคราะห์กันไป ตรงนี้ตนอยากขอร้อง เพราะตั้งแต่หลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรค คำว่าทศวรรษใหม่ตนไม่เคยพูดดังนั้นคำอื่นก็ไม่มีเหมือนกัน แต่สื่อมวลชนไปเขียนเองว่าคนนั้นอยู่กลุ่มนี้คนนี้อยู่กลุ่มนั้น ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ เพราะคำพูดดังกล่าวเป็นคำที่เอาไว้ใช้หาเสียงหัวหน้าพรรค ซึ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะทุกคนคือประชาธิปัตย์
‘ความแตกแยกจะมีหรือไม่มีผมไม่ขอพูด แต่เราต้องหยุด สายผลัดใบ สายทศวรรษใหม่มันไม่มีแล้ว ถ้าจะมีคนใดคนหนึ่งพูด ผมขอว่าให้หยุด เพราะถ้าไม่หยุดมันก็จะไม่ดี คนจะมองว่ามีความแตกแยก อะไรที่มีความเห็นไม่ตรงกันผมก็ต้องรับมาแก้ ผมจึงเรียนว่าผมจะเป็นผู้รับมา เรื่องนี้ผมก็ได้เรียนหลายคนไปแล้วว่าผมจะพูดคนเดียว ให้ข่าวคนเดียว มีปัญหาอะไรผมจะรับผิดชอบคนเดียว ขณะนี้เรื่องอภิปรายเป็นเรื่องใหญ่ ความขัดแย้งความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของบุคคลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าเราต้องเรียงลำดับของปัญหาให้ถูก’ นายประดิษฐ์กล่าว
ต่อข้อถามถึงความเป็นไปได้ที่พล.ต.สนั่นจะกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง นายประดิษฐ์กล่าวว่า ตนจะพูดคุยกับพล.ต.สนั่นอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการเสียมารยาทเพราะเป็นการตัดสินใจส่วนตัว แต่ตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องรับผิดชอบโดยตรงและนำไปแก้ไขให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าพล.ต.สนั่นจะออกไปตั้งพรรคการเมืองที่ 3 ร่วมกับพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา นายประดิษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบเรื่อง
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายประดิษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ตนก็ต้องมาดูตัวเองเหมือนกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพราะว่าตนรับผิดชอบโดยตรง บอกแล้วว่าผมจะรับมาแก้ไขแล้วก็รับมาดู ขอให้ทำก่อนทำได้แค่ไหนหรือว่าทำแล้วจะดีไม่ดีอย่างไร ผมก็ต้องรับผิดชอบ ท่านหัวหน้าแต่งตั้งผมมา ถ้าผมคิดว่าผมยังช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ ยังช่วยกรรมการบริหารได้ ยังช่วยท่านหัวหน้าพรรคได้ ยังช่วยสมาชิกได้ ผมก็ต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าผมยังช่วยได้และแก้ปัญหาได้ผมก็จะพยายามทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะไม่สามารถทำงานเพื่อช่วยเหลือพรรคได้แล้ว เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องของผลงานและการทำงานภายในพรรค อย่างเช่น เรื่องพล.ต.สนั่นที่เกิดขึ้นตนก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ว่าจะต้องเร่งนำมาแก้ไข เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่านายประดิษฐ์จะถอยตามพล.ต.สนั่น นายประดิษฐ์กล่าวว่า ‘ผมรักพรรคประชาธิปัตย์ และผมเคารพท่านเสธ. พรรคประชาธิปัตย์สร้างผมมา ท่านเสธ.สร้างผมมา คนในพรรคส่วนที่ให้ความสนับสนุนผม ท่านหัวหน้าพรรค ผมรักทุกคน แต่การทำงานผมคิดว่าผมก็ต้องทำงานในสิ่งที่ผมคิดว่ามันถูกต้อง ผมก็ต้องทำงานในสิ่งที่คิดว่าทำให้พรรคเกิดประโยชน์ และทำให้บุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบ อยู่ในสายงานนั้นเห็นว่าผมทำงานให้ ผู้ใหญ่อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันผมก็ต้องรับมาพิจารณาดู และดูว่าแนวทางไหนที่มันถูก แต่ผมขอยืนยันว่าไม่ว่าเรื่องการทำงานว่าผมจะตัดสินใจปรับปรุงเปลี่ยนเแปลงอะไรจากนี้ไป ผมจะรับผิดชอบ ในเมื่อมันมีปัญหามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงว่าจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงพรรคอย่างไร ซึ่งคิดว่าจะเกิดขึ้นหลังการอภิปราย’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าเวลานี้เป็นช่วงที่หนักใจที่สุดตั้งแต่รับตำแหน่งเลขาธิการหรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า หนักใจตั้งแต่รับตำแหน่งตั้งแต่แรกแล้ว และรู้ว่าเหตุการณ์ทำนองนี้จะต้องเกิดขึ้น ‘ตั้งแต่รับมาแต่แรกแล้ว และไม่ใช่เฉพาะแต่ผมผมว่าสื่อมวลชนทุกคนก็มองว่ามันมีปัญหา แต่ว่ามันต้องแก้ปัญหาให้ได้ และบอกไปแล้วว่าความแตกแยกไม่มี แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันมี เพราะฉะนั้นใครที่ทำให้แตกแยก ผมคิดว่าอย่าอยู่ในพรรคเลย ในฐานะเลขาธิการพรรคที่รับผิดชอบ ผมจะทำให้เกิดความสามัคคีในพรรคให้ได้ เพราะถ้าเป็นแม่บ้านเป็นเลขาธิการพรรคและทำให้พรรคเกิดความสามัคคีไม่ได้ ผมก็บริหารไม่ได้ แต่ในขณะนี้ผมมั่นใจว่าสามารถสร้างความสามัคคีได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่พรรคแตกแยกเป็นเพียงความแตกต่างทางด้านความคิดเท่านั้น’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17/05/47--จบ--
-สส-
‘ข่าวที่ออกไปผมไม่สบายใจคือ ไปพูดกันไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนเขียนออกไปหรือมีข่าวรั่วออกไป ไปวิเคราะห์กันว่าพรรคประชาธิปัตย์แตก อันนี้ผมขอยืนยันว่าไม่มี ความคิดเห็นแตกต่างกันมีจริงแต่ความแตกแยกไม่มีในพรรคประชาธิปัตย์ และอยากขอว่าใครที่ต้องการให้เกิดความแตกแยกให้หยุด ผมยืนยันตรงนี้ว่าไม่มีและถ้าพรรคทำงานด้วยความมุ่งมั่น ผมว่าพรรคก็จะกลับมาเป็นความหวัง เป็นพรรคที่มาทำงานให้พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง’ นายประดิษฐ์กล่าว
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้พล.ต.สั่นก็ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องช่วยงานในพรรคต่อไป แต่ขณะนี้มีการไปวิพากษ์วิจารณ์และสื่อมวลชนเองก็วิเคราะห์กันไป ตรงนี้ตนอยากขอร้อง เพราะตั้งแต่หลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรค คำว่าทศวรรษใหม่ตนไม่เคยพูดดังนั้นคำอื่นก็ไม่มีเหมือนกัน แต่สื่อมวลชนไปเขียนเองว่าคนนั้นอยู่กลุ่มนี้คนนี้อยู่กลุ่มนั้น ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ เพราะคำพูดดังกล่าวเป็นคำที่เอาไว้ใช้หาเสียงหัวหน้าพรรค ซึ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ทุกอย่างก็ต้องจบ เพราะทุกคนคือประชาธิปัตย์
‘ความแตกแยกจะมีหรือไม่มีผมไม่ขอพูด แต่เราต้องหยุด สายผลัดใบ สายทศวรรษใหม่มันไม่มีแล้ว ถ้าจะมีคนใดคนหนึ่งพูด ผมขอว่าให้หยุด เพราะถ้าไม่หยุดมันก็จะไม่ดี คนจะมองว่ามีความแตกแยก อะไรที่มีความเห็นไม่ตรงกันผมก็ต้องรับมาแก้ ผมจึงเรียนว่าผมจะเป็นผู้รับมา เรื่องนี้ผมก็ได้เรียนหลายคนไปแล้วว่าผมจะพูดคนเดียว ให้ข่าวคนเดียว มีปัญหาอะไรผมจะรับผิดชอบคนเดียว ขณะนี้เรื่องอภิปรายเป็นเรื่องใหญ่ ความขัดแย้งความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของบุคคลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าเราต้องเรียงลำดับของปัญหาให้ถูก’ นายประดิษฐ์กล่าว
ต่อข้อถามถึงความเป็นไปได้ที่พล.ต.สนั่นจะกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง นายประดิษฐ์กล่าวว่า ตนจะพูดคุยกับพล.ต.สนั่นอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการเสียมารยาทเพราะเป็นการตัดสินใจส่วนตัว แต่ตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องรับผิดชอบโดยตรงและนำไปแก้ไขให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าพล.ต.สนั่นจะออกไปตั้งพรรคการเมืองที่ 3 ร่วมกับพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา นายประดิษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบเรื่อง
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายประดิษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ตนก็ต้องมาดูตัวเองเหมือนกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพราะว่าตนรับผิดชอบโดยตรง บอกแล้วว่าผมจะรับมาแก้ไขแล้วก็รับมาดู ขอให้ทำก่อนทำได้แค่ไหนหรือว่าทำแล้วจะดีไม่ดีอย่างไร ผมก็ต้องรับผิดชอบ ท่านหัวหน้าแต่งตั้งผมมา ถ้าผมคิดว่าผมยังช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ ยังช่วยกรรมการบริหารได้ ยังช่วยท่านหัวหน้าพรรคได้ ยังช่วยสมาชิกได้ ผมก็ต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าผมยังช่วยได้และแก้ปัญหาได้ผมก็จะพยายามทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะไม่สามารถทำงานเพื่อช่วยเหลือพรรคได้แล้ว เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องของผลงานและการทำงานภายในพรรค อย่างเช่น เรื่องพล.ต.สนั่นที่เกิดขึ้นตนก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ว่าจะต้องเร่งนำมาแก้ไข เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่านายประดิษฐ์จะถอยตามพล.ต.สนั่น นายประดิษฐ์กล่าวว่า ‘ผมรักพรรคประชาธิปัตย์ และผมเคารพท่านเสธ. พรรคประชาธิปัตย์สร้างผมมา ท่านเสธ.สร้างผมมา คนในพรรคส่วนที่ให้ความสนับสนุนผม ท่านหัวหน้าพรรค ผมรักทุกคน แต่การทำงานผมคิดว่าผมก็ต้องทำงานในสิ่งที่ผมคิดว่ามันถูกต้อง ผมก็ต้องทำงานในสิ่งที่คิดว่าทำให้พรรคเกิดประโยชน์ และทำให้บุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบ อยู่ในสายงานนั้นเห็นว่าผมทำงานให้ ผู้ใหญ่อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันผมก็ต้องรับมาพิจารณาดู และดูว่าแนวทางไหนที่มันถูก แต่ผมขอยืนยันว่าไม่ว่าเรื่องการทำงานว่าผมจะตัดสินใจปรับปรุงเปลี่ยนเแปลงอะไรจากนี้ไป ผมจะรับผิดชอบ ในเมื่อมันมีปัญหามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงว่าจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงพรรคอย่างไร ซึ่งคิดว่าจะเกิดขึ้นหลังการอภิปราย’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
เมื่อถามว่าเวลานี้เป็นช่วงที่หนักใจที่สุดตั้งแต่รับตำแหน่งเลขาธิการหรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า หนักใจตั้งแต่รับตำแหน่งตั้งแต่แรกแล้ว และรู้ว่าเหตุการณ์ทำนองนี้จะต้องเกิดขึ้น ‘ตั้งแต่รับมาแต่แรกแล้ว และไม่ใช่เฉพาะแต่ผมผมว่าสื่อมวลชนทุกคนก็มองว่ามันมีปัญหา แต่ว่ามันต้องแก้ปัญหาให้ได้ และบอกไปแล้วว่าความแตกแยกไม่มี แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันมี เพราะฉะนั้นใครที่ทำให้แตกแยก ผมคิดว่าอย่าอยู่ในพรรคเลย ในฐานะเลขาธิการพรรคที่รับผิดชอบ ผมจะทำให้เกิดความสามัคคีในพรรคให้ได้ เพราะถ้าเป็นแม่บ้านเป็นเลขาธิการพรรคและทำให้พรรคเกิดความสามัคคีไม่ได้ ผมก็บริหารไม่ได้ แต่ในขณะนี้ผมมั่นใจว่าสามารถสร้างความสามัคคีได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่พรรคแตกแยกเป็นเพียงความแตกต่างทางด้านความคิดเท่านั้น’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17/05/47--จบ--
-สส-