ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม
โดย นายสุวโรช พะลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
รายละเอียด
เขื่อน "คลองลัด"
ข้อหา บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ขัดหลักนิติธรรม มุ่งประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าการปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติประเด็นข้อเท็จจริง รมว.สุริยะฯ ดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2546 เป็นต้นมา กำกับดูแลบริหารราชการแผ่นดินหน่วยราชการหลายแห่งรวมทั้งกรมเจ้าท่าเดิมปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีซึ่งมีหน้าที่ดูแลทางน้ำ รวมทั้งออกแบบจัดหางบประมาณเพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง มิให้ประชาชนเจ้าของที่ดินริมน้ำได้รับความเสียหายจากน้ำที่กัดเซาะตลิ่งพัง อันมีกฎหมายเดินเรือในน่านน้ำไทยเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีการออกกฎกระทรวงกำหนดวิธีการกฎเกณฑ์ตามกฎหมายฉบับนี้ให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายในเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องปฏิบัติ แต่รัฐมนตรีสุริยะฯ ในฐานะรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นนักการเมืองใหญ่มีบารมีทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ กล่าวคือได้มีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำสายแยกจากแม่น้ำบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อ “คลองลัด” อำเภอบางคล้า
ปัจจุบันคือกิ่งอำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแนวยาวตั้งอยู่ในลำคลองลัดสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรเดินทางอันเป็นสารธารณะสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ลักษณะเขื่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมในลำน้ำคลองลัดคิดเป็นเนื้อที่ดินประมาณ 4 ไร่ โดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดของเขื่อนนี้ติดกับชายตลิ่งของที่ดินริมแม่น้ำคลองลัดแต่อย่างใด ไม่มีการขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมขนส่งทางน้ำฯ ตามกฎหมายเป็นการขัดขวางทางจราจรทางน้ำในคลองลัด ไม่มีสัญญาณไฟบนเขื่อนอันอาจเป็นอันตรายกับประชาชนที่สัญจรไปมาในคลองลัดนั้นได้ ผู้ที่บังอาจก่อสร้างเขื่อนนั้น ในคลองลัดคือบริษัทของนักการเมืองตำแหน่งรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ ชื่อ “บริษัทบ้านเกาะริมน้ำ จำกัด” ซึ่งมีภริยาและน้องชายของรัฐมนตรีท่านนี้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทได้ โดยรัฐมนตรีท่านนี้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทนี้ จำนวน 15,000 หุ้นๆละ 100 บาท คิดเป็นเงิน 1,500,000 บาทด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารสิทธิของกรมที่ดิน ประกอบกับแผนที่ทางทหารพบว่าเอกสารสิทธิของบริษัทมีเนื้อที่ดินครบถ้วนตามที่ปรากฎในเอกสารสิทธิมีเนื้อที่ดิน เท่ากันและนับแต่บริษัทนี้ได้ซื้อที่ดินไม่เคยมีการร้องขอให้ตรวจสอบเนื้อที่ดินกับเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบางคล้าแต่ประการใด เชื่อได้ว่าสิ่งปลูกสร้างเขื่อนดังกล่าวสร้างรุกล้ำในลำคลองลัดสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพราะขณะก่อสร้างเขื่อนสภาพเป็นแม่น้ำคลองลัดสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์เดินทางสัญจรไปมาร่วมกัน มิได้มีการหวงแหนมีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ก่อนมีการสร้างเขื่อนแต่อย่างใด น่าแปลกใจที่ไม่หน่วยราชการใดกล้าเข้ามาตรวจสอบและคืนลำน้ำดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปใช้เป็นเส้นทางสัญจรอันเป็นสาธารณะสัมบัติของแผ่นดินเช่นเดิม เพราะเป็นการฮุบลำน้ำคลองลัดสาธารณะเป็นสมบัติส่วนตนของรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีคมนาคมทราบเรื่องตลอดมาแต่กลับปล่อยปะละเลยไม่แก้ปัญหาเป็นการปกป้องผลประโยชน์ในพวกพ้องที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ชุดนี้มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนที่ต้องใช้คลองลัดสาธารณะนี้สัญจรไปมาหรือไม่หาทางแก้ปัญหาความเสียหายชายตลิ่งของที่ดินกรรมสิทธิของประชาชนรายอื่นที่อยู่ชายตลิ่งตลอดแนวลำน้ำคลองลัด
เนื่องจากทิศทางของสายน้ำที่ไหลเปลี่ยนไปเพราะเขื่อนของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด เป็นการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ไม่เป็นต้นแบบทางการเมืองที่ดี ขัดหลักนิติธรรม มุ่งเห็นประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19/05/47--จบ--
-ดท-
โดย นายสุวโรช พะลัง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
รายละเอียด
เขื่อน "คลองลัด"
ข้อหา บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ขัดหลักนิติธรรม มุ่งประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าการปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติประเด็นข้อเท็จจริง รมว.สุริยะฯ ดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2546 เป็นต้นมา กำกับดูแลบริหารราชการแผ่นดินหน่วยราชการหลายแห่งรวมทั้งกรมเจ้าท่าเดิมปัจจุบันเปลี่ยนเป็นกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีซึ่งมีหน้าที่ดูแลทางน้ำ รวมทั้งออกแบบจัดหางบประมาณเพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง มิให้ประชาชนเจ้าของที่ดินริมน้ำได้รับความเสียหายจากน้ำที่กัดเซาะตลิ่งพัง อันมีกฎหมายเดินเรือในน่านน้ำไทยเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีการออกกฎกระทรวงกำหนดวิธีการกฎเกณฑ์ตามกฎหมายฉบับนี้ให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหายในเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องปฏิบัติ แต่รัฐมนตรีสุริยะฯ ในฐานะรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นนักการเมืองใหญ่มีบารมีทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ กล่าวคือได้มีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในแม่น้ำสายแยกจากแม่น้ำบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อ “คลองลัด” อำเภอบางคล้า
ปัจจุบันคือกิ่งอำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแนวยาวตั้งอยู่ในลำคลองลัดสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรเดินทางอันเป็นสารธารณะสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ลักษณะเขื่อนเป็นรูปสี่เหลี่ยมในลำน้ำคลองลัดคิดเป็นเนื้อที่ดินประมาณ 4 ไร่ โดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดของเขื่อนนี้ติดกับชายตลิ่งของที่ดินริมแม่น้ำคลองลัดแต่อย่างใด ไม่มีการขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมขนส่งทางน้ำฯ ตามกฎหมายเป็นการขัดขวางทางจราจรทางน้ำในคลองลัด ไม่มีสัญญาณไฟบนเขื่อนอันอาจเป็นอันตรายกับประชาชนที่สัญจรไปมาในคลองลัดนั้นได้ ผู้ที่บังอาจก่อสร้างเขื่อนนั้น ในคลองลัดคือบริษัทของนักการเมืองตำแหน่งรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ ชื่อ “บริษัทบ้านเกาะริมน้ำ จำกัด” ซึ่งมีภริยาและน้องชายของรัฐมนตรีท่านนี้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทได้ โดยรัฐมนตรีท่านนี้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทนี้ จำนวน 15,000 หุ้นๆละ 100 บาท คิดเป็นเงิน 1,500,000 บาทด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารสิทธิของกรมที่ดิน ประกอบกับแผนที่ทางทหารพบว่าเอกสารสิทธิของบริษัทมีเนื้อที่ดินครบถ้วนตามที่ปรากฎในเอกสารสิทธิมีเนื้อที่ดิน เท่ากันและนับแต่บริษัทนี้ได้ซื้อที่ดินไม่เคยมีการร้องขอให้ตรวจสอบเนื้อที่ดินกับเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบางคล้าแต่ประการใด เชื่อได้ว่าสิ่งปลูกสร้างเขื่อนดังกล่าวสร้างรุกล้ำในลำคลองลัดสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพราะขณะก่อสร้างเขื่อนสภาพเป็นแม่น้ำคลองลัดสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์เดินทางสัญจรไปมาร่วมกัน มิได้มีการหวงแหนมีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ก่อนมีการสร้างเขื่อนแต่อย่างใด น่าแปลกใจที่ไม่หน่วยราชการใดกล้าเข้ามาตรวจสอบและคืนลำน้ำดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปใช้เป็นเส้นทางสัญจรอันเป็นสาธารณะสัมบัติของแผ่นดินเช่นเดิม เพราะเป็นการฮุบลำน้ำคลองลัดสาธารณะเป็นสมบัติส่วนตนของรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาลชุดนี้ รัฐมนตรีคมนาคมทราบเรื่องตลอดมาแต่กลับปล่อยปะละเลยไม่แก้ปัญหาเป็นการปกป้องผลประโยชน์ในพวกพ้องที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ชุดนี้มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนที่ต้องใช้คลองลัดสาธารณะนี้สัญจรไปมาหรือไม่หาทางแก้ปัญหาความเสียหายชายตลิ่งของที่ดินกรรมสิทธิของประชาชนรายอื่นที่อยู่ชายตลิ่งตลอดแนวลำน้ำคลองลัด
เนื่องจากทิศทางของสายน้ำที่ไหลเปลี่ยนไปเพราะเขื่อนของรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด เป็นการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ไม่เป็นต้นแบบทางการเมืองที่ดี ขัดหลักนิติธรรม มุ่งเห็นประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19/05/47--จบ--
-ดท-