อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
รายละเอียด
ข้อกล่าวหา — เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มทุนธุรกิจ
ในการอภิปรายเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ข้อกล่าวหายังคงเป็นเรื่องเดียวกัน คือการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ บริหารราชการแผ่นดิน ในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างธุรกิจกับนักธุรกิจที่มั่งคั่ง บังเกิดผลก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยการเปิดอภิปรายใน ครั้งนี้เพราะพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องที่ผ่านมายังไม่หยุดลง ซึ่งมีข้อพิสูจน์ถึงความเสียหายให้เห็นปรากฎขึ้นชัดเจน
ประเด็นคือกลุ่มนายทุนยาตราทับเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคณะรัฐมนตรีอย่างมากมายและมีการจัดสรรผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยที่มีการจัดสรร ให้พวกพ้องอย่างชัดเจนซึ่งมีลักษณะเป็นธุรกิจแบบสัมปทานการผูกขาด ที่เห็นได้ชัดคือบริษัทที่เกี่ยวกับการสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการหากิน ที่น่าสนใจ โดยมีการผลักดันจากภาครัฐ ออกเป็นภาษีสรรพสามิต
อีกทั้งการติดตามตรวจสอบผูกขาดธุรกิจผูกขาดเหล่านี้ รมว.สุรพงษ์ ตรวจสอบโดยการใช้ดุลพินิจของตนเอง ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น โดนผลกระทบจากการ เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตนี้ แสดงให้เห็นถึงการละเลยหน้าที่ในการตรวจสอบ และในอนาคตกระทรวงการคลังอาจมีการลดการเก็บภาษีนี้อีก ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น เสียผลประโยชน์จากการเรียกเก็บภาษีนี้
ส่วนสิ่งที่เกิดความเสียหายต่อภาครัฐคือ รายได้ ทศท.ลดลง เพราะในปัจจุบัน ทศท.มีการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยหุ้นที่ขายในตลาดหลักทรัพย ์อาจจะมีการลดราคาลงทำให้บริษัทเอกชน อาจจะเข้ามา ครอบครองได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 47 มีการแก้สัญญาโดยที่ รมว.สุรพงษ์ อนุมัติโดยใช้ดุลพินิจของตนเอง เนื่องจาก บริษัท AIS ทำหนังสือมายังทศท. เพื่อขอเปลี่ยนแปลง วิธีคิดสูตรการใช้อัตราบริการเสริมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องโดยที่ไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19/05/47--จบ--
-ดท-
โดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
รายละเอียด
ข้อกล่าวหา — เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มทุนธุรกิจ
ในการอภิปรายเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ข้อกล่าวหายังคงเป็นเรื่องเดียวกัน คือการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ บริหารราชการแผ่นดิน ในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างธุรกิจกับนักธุรกิจที่มั่งคั่ง บังเกิดผลก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยการเปิดอภิปรายใน ครั้งนี้เพราะพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องที่ผ่านมายังไม่หยุดลง ซึ่งมีข้อพิสูจน์ถึงความเสียหายให้เห็นปรากฎขึ้นชัดเจน
ประเด็นคือกลุ่มนายทุนยาตราทับเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคณะรัฐมนตรีอย่างมากมายและมีการจัดสรรผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยที่มีการจัดสรร ให้พวกพ้องอย่างชัดเจนซึ่งมีลักษณะเป็นธุรกิจแบบสัมปทานการผูกขาด ที่เห็นได้ชัดคือบริษัทที่เกี่ยวกับการสื่อสารโทรคมนาคมซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าเป็นการหากิน ที่น่าสนใจ โดยมีการผลักดันจากภาครัฐ ออกเป็นภาษีสรรพสามิต
อีกทั้งการติดตามตรวจสอบผูกขาดธุรกิจผูกขาดเหล่านี้ รมว.สุรพงษ์ ตรวจสอบโดยการใช้ดุลพินิจของตนเอง ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น โดนผลกระทบจากการ เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตนี้ แสดงให้เห็นถึงการละเลยหน้าที่ในการตรวจสอบ และในอนาคตกระทรวงการคลังอาจมีการลดการเก็บภาษีนี้อีก ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น เสียผลประโยชน์จากการเรียกเก็บภาษีนี้
ส่วนสิ่งที่เกิดความเสียหายต่อภาครัฐคือ รายได้ ทศท.ลดลง เพราะในปัจจุบัน ทศท.มีการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยหุ้นที่ขายในตลาดหลักทรัพย ์อาจจะมีการลดราคาลงทำให้บริษัทเอกชน อาจจะเข้ามา ครอบครองได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 47 มีการแก้สัญญาโดยที่ รมว.สุรพงษ์ อนุมัติโดยใช้ดุลพินิจของตนเอง เนื่องจาก บริษัท AIS ทำหนังสือมายังทศท. เพื่อขอเปลี่ยนแปลง วิธีคิดสูตรการใช้อัตราบริการเสริมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องโดยที่ไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19/05/47--จบ--
-ดท-