นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลัง อาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตเหล็กที่เป็นพวกพ้องเดียวกัน
ส.ส.กรุงเทพมหานคร อภิปรายว่า ในช่วงปลายปี 2544 มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในเรื่องของอุตสาหกรรมเหล็ก โดยมีผู้ประกอบการเหล็กได้ร้องเรียนไปยังรัฐบาล ว่าผู้ประกอบการเหล็กในประเทศที่ผลิตเหล็กรีดร้อน และรีดเย็น เดือนร้อนมาก เนื่องจากถูกผู้ผลิตจากต่างประเทศนำเหล็กเข้ามาในราคาถูก
จึงทำให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังได้เรียกประชุม หาทางแก้ไขทันที โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะ โดยมีผลการศึกษารายงานนายสมศิด ว่าต้องใช้มาตรการที่เรียกว่าการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ เซอร์ชาร์จ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีมติเป็นเช่นนี้ ขั้นตอนต่อไป ต้องออกเป็นประกาศให้นายกรัฐมนตรีเซ็น ในช่วงเวลานั้นเองมีบริษัทที่เป็นผู้ผลิตเหล็กรีดเย็นไร้สนิม ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศ ได้ทำหนังสือขอเข้าร่วมมาตรการนี้ด้วย ประกาศที่ในหนังสือที่นายกรัฐมนตรีเซ็น ในวันที่ 25 ม.ค. 2545 ได้มีการรวบรวมทั้งเหล็กรีดร้อนรีดเย็น ไร้สนิมของบริษัทดังกล่าวด้วย
ส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า หลังจากวันนั้นผู้นำเข้าเหล็กรีดเย็นไร้สนิม ไม่สามารถ จะนำเหล็กรีดเย็นไร้สนิม เข้าประเทศได้ เนื่องจากมีการเก็บค่าทำเนียม 15 % มีผลบังคับใช้ 6 เดือน ทำให้เหล็กรีดเย็นไร้สนิมที่นำเข้ามีราคาแพง โดยมีราคาต่างกันถึง ตันละ 16,482 บาท ซึ่งส่งผลให้คนต้องไปซื้อกับบริษัทที่มีแห่งเดียวในประเทศ ซึ่งทำให้บริษัทดังกล่าวนื้ทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ภายหลังจากนั้นอีก 6 เดือน ก็ได้มีคำสั่งออกมาอีกในวันที่ 29 ก.ค. 45 โดยประกาศนั้นเรียกว่ามาตรการทุ่มตลาด และการอุดหนุนทางการค้า โดยในรายละเอียดในประกาศระบุว่าจะมีการเก็บภาษีเหล็กรีดเย็นไร้สนิมเพียงบางประเทศ คือ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหภาพยุโรป มีผลบังคับใช้ 4 เดือน ต่อมามีประกาศคล้าย คำสั่งเดิมออกมาอีกบอกว่าต่ออายุให้อีก 2 เดือน ส่งผลให้บริษัทดังกล่าวมียอดขายเหล็กสูงถึง 9,000 กว่าล้านบาท
นายพุทธิพงษ์ อภิปรายอีกว่า เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังมีการออกประกาศในทำนองเดียวกันอีก แต่ครั้งนี้มีการเอื้อประโยชน์ ให้นานถึง 5 ปี จากวันที่ 10 มี.ค. 46 ถึง 2550
“ผมถามว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะผู้ที่ได้ประโยชน์มีอยู่เจ้าเดียวในประเทศ” นายพุทธิพงศ์ กล่าว
และเมื่อเดือนก.พ.บริษัทดังกล่าวได้ทำจดหมายมาถึงภาครัฐขอขึ้นสินค้าเหล็ก จากเดิม 82.50 ต่อกิโลกรัม เป็น 105.94 บาท ต่อกิโลกรัม คิดเป็น 28 % นอกจากขึ้นราคาเหล็กแล้ว ยังขอให้ภาครัฐขึ้นภาษีการนำเหล็กรีดเย็นไร้สนิม เข้าประเทศจาก 4 ประเทศ จาก 5% เป็น 12%
นายพุทธิพงษ์ กล่าวสรุปต้อนท้ายว่า ต่อมาผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคใหญ่ในรัฐบาล เข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทผลิตเหล็กรีดเย็นไร้สนิม
“ทำให้รู้สึกว่าอยากทราบเหตุผล ทั้งหมดอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตเหล็กที่เป็นพวกพ้องเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถไว้วางใจรัฐมนตรีท่านนี้ได้ ”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/05/47--จบ--
-สส-
ส.ส.กรุงเทพมหานคร อภิปรายว่า ในช่วงปลายปี 2544 มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในเรื่องของอุตสาหกรรมเหล็ก โดยมีผู้ประกอบการเหล็กได้ร้องเรียนไปยังรัฐบาล ว่าผู้ประกอบการเหล็กในประเทศที่ผลิตเหล็กรีดร้อน และรีดเย็น เดือนร้อนมาก เนื่องจากถูกผู้ผลิตจากต่างประเทศนำเหล็กเข้ามาในราคาถูก
จึงทำให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังได้เรียกประชุม หาทางแก้ไขทันที โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะ โดยมีผลการศึกษารายงานนายสมศิด ว่าต้องใช้มาตรการที่เรียกว่าการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ เซอร์ชาร์จ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีมติเป็นเช่นนี้ ขั้นตอนต่อไป ต้องออกเป็นประกาศให้นายกรัฐมนตรีเซ็น ในช่วงเวลานั้นเองมีบริษัทที่เป็นผู้ผลิตเหล็กรีดเย็นไร้สนิม ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศ ได้ทำหนังสือขอเข้าร่วมมาตรการนี้ด้วย ประกาศที่ในหนังสือที่นายกรัฐมนตรีเซ็น ในวันที่ 25 ม.ค. 2545 ได้มีการรวบรวมทั้งเหล็กรีดร้อนรีดเย็น ไร้สนิมของบริษัทดังกล่าวด้วย
ส.ส.กรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า หลังจากวันนั้นผู้นำเข้าเหล็กรีดเย็นไร้สนิม ไม่สามารถ จะนำเหล็กรีดเย็นไร้สนิม เข้าประเทศได้ เนื่องจากมีการเก็บค่าทำเนียม 15 % มีผลบังคับใช้ 6 เดือน ทำให้เหล็กรีดเย็นไร้สนิมที่นำเข้ามีราคาแพง โดยมีราคาต่างกันถึง ตันละ 16,482 บาท ซึ่งส่งผลให้คนต้องไปซื้อกับบริษัทที่มีแห่งเดียวในประเทศ ซึ่งทำให้บริษัทดังกล่าวนื้ทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ภายหลังจากนั้นอีก 6 เดือน ก็ได้มีคำสั่งออกมาอีกในวันที่ 29 ก.ค. 45 โดยประกาศนั้นเรียกว่ามาตรการทุ่มตลาด และการอุดหนุนทางการค้า โดยในรายละเอียดในประกาศระบุว่าจะมีการเก็บภาษีเหล็กรีดเย็นไร้สนิมเพียงบางประเทศ คือ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหภาพยุโรป มีผลบังคับใช้ 4 เดือน ต่อมามีประกาศคล้าย คำสั่งเดิมออกมาอีกบอกว่าต่ออายุให้อีก 2 เดือน ส่งผลให้บริษัทดังกล่าวมียอดขายเหล็กสูงถึง 9,000 กว่าล้านบาท
นายพุทธิพงษ์ อภิปรายอีกว่า เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังมีการออกประกาศในทำนองเดียวกันอีก แต่ครั้งนี้มีการเอื้อประโยชน์ ให้นานถึง 5 ปี จากวันที่ 10 มี.ค. 46 ถึง 2550
“ผมถามว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะผู้ที่ได้ประโยชน์มีอยู่เจ้าเดียวในประเทศ” นายพุทธิพงศ์ กล่าว
และเมื่อเดือนก.พ.บริษัทดังกล่าวได้ทำจดหมายมาถึงภาครัฐขอขึ้นสินค้าเหล็ก จากเดิม 82.50 ต่อกิโลกรัม เป็น 105.94 บาท ต่อกิโลกรัม คิดเป็น 28 % นอกจากขึ้นราคาเหล็กแล้ว ยังขอให้ภาครัฐขึ้นภาษีการนำเหล็กรีดเย็นไร้สนิม เข้าประเทศจาก 4 ประเทศ จาก 5% เป็น 12%
นายพุทธิพงษ์ กล่าวสรุปต้อนท้ายว่า ต่อมาผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคใหญ่ในรัฐบาล เข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทผลิตเหล็กรีดเย็นไร้สนิม
“ทำให้รู้สึกว่าอยากทราบเหตุผล ทั้งหมดอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตเหล็กที่เป็นพวกพ้องเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถไว้วางใจรัฐมนตรีท่านนี้ได้ ”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20/05/47--จบ--
-สส-