นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุเรือสำราญของร้านอาหารนางนวลชนเรือด่วนเจ้าพระยาที่แล่นระหว่างท่าน้ำนนทบบุรี—วัดราชสิงขรที่บริเวณกลางแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เวลา 20.00 น. เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาตกน้ำสูญหาย 2 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการค้นอยู่ นั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ติดตามตรวจสอบการทำประกันภัยแล้วปรากฏว่า เรือด่วนเจ้าพระยาดังกล่าวมีการทำประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้างไว้กับบริษัท ชับบ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งให้ความคุ้มครองผู้โดยสารที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย ทุพพลภาพ หรือบาดเจ็บ โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต คนละ 50,000 บาท การสูญเสียอวัยวะและสายตา คนละ 50,000 บาท ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง คนละ 50,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลคนละไม่เกิน 10,000 บาท
นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช กล่าวต่อไปว่า กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 (พ.ศ.2539) กำหนดให้เจ้าของเรือโดยสารรับจ้างที่บรรทุกผู้โดยสารตั้งแต่ 12 คน ขึ้นไป ต้องทำประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองผู้โดยสารเรือ หากเสียชีวิตจะได้รับคนละ 50,000 บาท หากสูญเสียอวัยวะเช่น แขน ขา หรือสายตา 2 ข้าง จะได้รับคนละ 50,000 บาท หากสูญเสียอวัยวะ เช่น แขน ขา หรือสายตาข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว จะได้รับคนละ 25,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่ารักษาพยาบาลคนละไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งกรมการประกันภัยได้จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อรองรับกฎกระทรวง ดังกล่าว และกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยในอัตรา 100-150 บาทต่อคนต่อปี ดังนั้น หากเจ้าของเรือทุกลำได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎกระทรวงคมนาคมฉบับดังกล่าวอย่างเคร่งครัดแล้วผู้โดยสารเรือโดยสาร รับจ้างจะได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัยอย่างทั่วถึง ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้น หากเจ้าของเรือลำใดที่อยู่ในข่ายต้องทำประกันภัยการประกันภัยสำหรับผู้โดยสารเรือโดยสารรับจ้าง กรมการประกันภัยขอเชิญชวนให้รีบดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมการประกันภัย ร่วมกับกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี กระทรวงคมนาคม ได้มีการแก้ไขปรับปรุงการประกันภัยดังกล่าวให้เจ้าของเรือโดยสารทุกลำต้องจัดให้มีการทำประกันภัยสำหรับผู้โดยสารโดยไม่ต้องคำนึงถึง จำนวนผู้โดยสารว่าจะเป็นเท่าใดและใช้รับจ้างหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารทุกคนในเรือทุกลำรวมถึงผู้โดยสารเรือที่เป็นนักท่องเที่ยวในเขตชายฝั่งทะเลได้รับความคุ้มครองโดยทั่วกัน ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป หากต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัยดังกล่าว สามารถสอบถามได้ ที่ โทร.0-2547-4548 หรือสายด่วนกรมการประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th