ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯกล่าวผ่านรายการนายกฯทักษิณ คุยกับประชาชนว่าฝ่ายค้านเอาเรื่องโกหกมาพูดในสภาเพื่อจะทำร้ายนายกฯและครอบครัว ว่า การพูดจาในลักษณะดังกล่าวในฐานะผู้นำของประเทศเป็นการทำให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายค้านและระบอบประชาธิปไตย หากจะว่าไปแล้วคนที่โกหกจริงๆก็คือนายกฯ เพราะสิ่งที่ฝ่ายค้านนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นความจริงทั้งสิ้น หลายอย่างมีหลักฐานเป็นเอกสารราชการ หรือแม้แต่การตัดถนนผ่านหมู่บ้านของพรรคพวกที่ครอบครัวนายกถือหุ้นจำนวนมากนั้น เจ้าของโครงการดังกล่าวก็ออกมาแถลงในเชิงโปรโมตโครงการด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การซื้อที่ดินราคาถูกจากกองทุนฟื้นฟูก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า เมื่อทุกอย่างเป็นความจริง แต่นายกฯออกมาบอกว่าไม่จริงก็คือการโกหก และเป็นการปฏิเสธการตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะระดับผู้นำประเทศในระบอบประชาธิปไตยไม่เคารพการตรวจสอบตามกติกาที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มีโอกาสชี้แจงในสภาได้ไม่ชี้แจง แต่กลับมาพูดจากันข้างนอกถือว่านี่คือการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะการต่อสู้ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่มีใครเสียเปรียบ ทุกฝ่ายเสมอภาคในการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานและเหตุผลข้อเท็จจริงและเอกสารที่มี ในทางปฏิบัติเราเองก็ทำตามกติกาดังกล่าว แต่รัฐบาลกลับหลีกเลี่ยงด้วยการปรับครม.หนีการอภิปราย และใช้เสียข้างมากกดดันประธานสภาให้วินิจฉัยว่าไม่สามารถอภิปรายย้อนหลังได้ ทำให้ไม่สามารถอภิปรายความผิดพลาดของรัฐมนตรีบางคนเมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมาได้
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากรัฐบาลบอกว่าฝ่ายค้านโกหกก็สามารถจับผิดได้ เพราะรัฐมนตรีก็มีสิทธิชี้แจงและยังใช้เวลามากกว่าฝ่ายค้านอีก แต่ก็ไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าฝ่ายค้านโกหก ได้แต่ใช้วิธีเลี่ยงไปมาว่าฝ่ายค้านจับแพะชนแกะ ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่วิถีทางตามกระบวนการการตรวจสอบของสภา นอกจากนี้ยังมีการพยายามที่จะสร้างกระแสข่าวนอกสภากลบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้แจงโดยการจัดบท แต่ไม่เคยชี้แจงให้เห็นได้ว่าข้อมูลฝ่ายค้านไม่จริง
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นของนายกฯ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่านายกฯเป็นคนที่โกหก โดยสิ่งที่โกหกมากที่สุดคือการบอกว่าที่ถูกอภิปรายครั้งนี้ เป็นเพราะท่านมุ่งเน้นที่จะทำประโยชน์ให้กับคนยากคนจน เพราะเรื่องที่อภิปรายนั้นประเด็นที่เราพูดมากที่สุดคือการทำประโยชน์เพื่อคนรวย ปัญหาที่ทำเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของท่านเอง เราบอกว่าท่านทำเพื่อคนจนน้อยไปเสียด้วยซ้ำ อย่างเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ให้ความสนใจ นอกจากนี้ท่านยังไม่เคารพการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ การที่บอกว่าเรามุ่งร้ายครอบครัวของท่านก็ไม่จริง แต่ประเด็นในการอภิปรายในครั้งนี้คือรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องมากกว่าที่จะมุ่งรักษาผลประโยชน์ของชาติ หลายเรื่องเรารู้สึกว่าชาติเสียหาย ในขณะที่มีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์จากการกระทำของรัฐมนตรี เราก็ต้องเอาออกมาตีแผ่ และไม่เพียงแต่ครอบครัวของนายกฯเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีกจำนวนมาก บริษัทห้างร้านที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่นและได้ประโยชน์เราก็อภิปรายให้เห็นทั้งนั้น ไม่ได้มุ่งหรือเน้นที่ครอบครัวของนายกฯอย่างเดียว ผมเองก็เข้าใจว่านายกฯเข้าใจทั้งหมด แต่เป็นเพียงการพยายามกลบเกลื่อนน้ำหนักของฝ่ายค้านตามที่ท่านถนัด หากนายกฯทำเช่นนี้ต่อไปการตรวจสอบก็น่ากังวล”นายบัญญัติกล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า ความจริงรัฐบาลเองก็มีสื่อในมือเยอะ และใช้สื่อของรัฐเอาเปรียบฝ่ายค้านมาโดยตลอด ถ้าจะตำหนิฝ่ายค้านก็น่าจะเอาหลักฐานมาแจกแจงกัน ไม่ใช่ออกมาพูดตีขลุมรวมๆเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการตามวิถีทางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามในการทำงาน 3-4 วันที่ผ่านมา เราเองก็ยังมีกำลังใจ แม้ว่าจะถูกขัดขวางการทำงานทั้งกระบวนการในสภาและนอกสภา เพราะครั้งนี้เราสามารถสะท้อนข้อมูลความผิดพลาดของรมต. ให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจน ยังแสดงให้เห็นได้ว่าคนเหล่านั้นรักษาผลประโยชน์ของใคร นอกจากนี้สื่อเองก็ได้สะท้อนข้อมูลข้อเท็จจริงตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และประชาชนก็ให้ความสนใจ เฉพาะที่เข้ามาดูในเว็บไซด์ของพรรคในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีมากถึง 6 แสนราย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเมื่อการตรวจสอบของฝ่ายค้านในสภาที่เสียงเราน้อยกว่ามากคงไม่ได้ผล จะได้ผลก็เมื่อประชาชนเจ้าของประเทศ เจ้าของผลประโยชน์ที่ถูกฉกฉวยไปอย่างไม่เป็นธรรมลุกขึ้นมาติดตามข่าวสารด้วยตัวเอง เราจึงรู้สึกว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว แต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มตื่นตัวเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย
นายบัญญัติ กล่าวว่า การชี้แจงของรมต.ทั้ง 8 คน มีหลายประเด็นที่ไม่สามารถชี้แจงได้ เราเองก็พยายามทวงถาม ไม่ว่าจะด้วยวิธีการทางรัฐสภา แต่เมื่อสภาปิดก็จะทวงถามผ่านสื่อสาธารณะ เพื่อยืนยันว่าเราจริงจังกับเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังจะจัดทำเอกสารการอภิปรายออกเผยแพร่ เพื่อให้สังคมช่วยตรวจสอบติดตามอีกทางหนึ่ง
นายบัญญัติกล่าวถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ลุกขึ้นท้าเดิมพันตำแหน่งกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านในการสรุปการอภิปราย ว่า คิดว่าไม่ใช่เรื่องดี เพราะใครก็ตามที่มุ่งจะเข้ามาทำงานการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยต้องพร้อมที่จะยอมรับการตรวจสอบ โดยเฉพาะการตรวจสอบที่เดินตามกติกา ใครที่ไม่มีความอดทนเพียงพอในการยอมรับการตรวจสอบก็ควรจะถอยออกไปจากระบบนี้ ต้องยอมรับว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เพื่อปกป้องประโยชน์ของชาติ เป็นกลไกถ่วงดุลของระบบ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามรวมถึงนายกฯ ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/05/47--จบ--
-สส-
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า เมื่อทุกอย่างเป็นความจริง แต่นายกฯออกมาบอกว่าไม่จริงก็คือการโกหก และเป็นการปฏิเสธการตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะระดับผู้นำประเทศในระบอบประชาธิปไตยไม่เคารพการตรวจสอบตามกติกาที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มีโอกาสชี้แจงในสภาได้ไม่ชี้แจง แต่กลับมาพูดจากันข้างนอกถือว่านี่คือการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะการต่อสู้ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่มีใครเสียเปรียบ ทุกฝ่ายเสมอภาคในการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานและเหตุผลข้อเท็จจริงและเอกสารที่มี ในทางปฏิบัติเราเองก็ทำตามกติกาดังกล่าว แต่รัฐบาลกลับหลีกเลี่ยงด้วยการปรับครม.หนีการอภิปราย และใช้เสียข้างมากกดดันประธานสภาให้วินิจฉัยว่าไม่สามารถอภิปรายย้อนหลังได้ ทำให้ไม่สามารถอภิปรายความผิดพลาดของรัฐมนตรีบางคนเมื่อ 6-7 เดือนที่ผ่านมาได้
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากรัฐบาลบอกว่าฝ่ายค้านโกหกก็สามารถจับผิดได้ เพราะรัฐมนตรีก็มีสิทธิชี้แจงและยังใช้เวลามากกว่าฝ่ายค้านอีก แต่ก็ไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าฝ่ายค้านโกหก ได้แต่ใช้วิธีเลี่ยงไปมาว่าฝ่ายค้านจับแพะชนแกะ ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่วิถีทางตามกระบวนการการตรวจสอบของสภา นอกจากนี้ยังมีการพยายามที่จะสร้างกระแสข่าวนอกสภากลบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้แจงโดยการจัดบท แต่ไม่เคยชี้แจงให้เห็นได้ว่าข้อมูลฝ่ายค้านไม่จริง
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นของนายกฯ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่านายกฯเป็นคนที่โกหก โดยสิ่งที่โกหกมากที่สุดคือการบอกว่าที่ถูกอภิปรายครั้งนี้ เป็นเพราะท่านมุ่งเน้นที่จะทำประโยชน์ให้กับคนยากคนจน เพราะเรื่องที่อภิปรายนั้นประเด็นที่เราพูดมากที่สุดคือการทำประโยชน์เพื่อคนรวย ปัญหาที่ทำเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ของท่านเอง เราบอกว่าท่านทำเพื่อคนจนน้อยไปเสียด้วยซ้ำ อย่างเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ให้ความสนใจ นอกจากนี้ท่านยังไม่เคารพการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ การที่บอกว่าเรามุ่งร้ายครอบครัวของท่านก็ไม่จริง แต่ประเด็นในการอภิปรายในครั้งนี้คือรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องมากกว่าที่จะมุ่งรักษาผลประโยชน์ของชาติ หลายเรื่องเรารู้สึกว่าชาติเสียหาย ในขณะที่มีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์จากการกระทำของรัฐมนตรี เราก็ต้องเอาออกมาตีแผ่ และไม่เพียงแต่ครอบครัวของนายกฯเท่านั้น ยังมีคนอื่นอีกจำนวนมาก บริษัทห้างร้านที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่นและได้ประโยชน์เราก็อภิปรายให้เห็นทั้งนั้น ไม่ได้มุ่งหรือเน้นที่ครอบครัวของนายกฯอย่างเดียว ผมเองก็เข้าใจว่านายกฯเข้าใจทั้งหมด แต่เป็นเพียงการพยายามกลบเกลื่อนน้ำหนักของฝ่ายค้านตามที่ท่านถนัด หากนายกฯทำเช่นนี้ต่อไปการตรวจสอบก็น่ากังวล”นายบัญญัติกล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า ความจริงรัฐบาลเองก็มีสื่อในมือเยอะ และใช้สื่อของรัฐเอาเปรียบฝ่ายค้านมาโดยตลอด ถ้าจะตำหนิฝ่ายค้านก็น่าจะเอาหลักฐานมาแจกแจงกัน ไม่ใช่ออกมาพูดตีขลุมรวมๆเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการตามวิถีทางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามในการทำงาน 3-4 วันที่ผ่านมา เราเองก็ยังมีกำลังใจ แม้ว่าจะถูกขัดขวางการทำงานทั้งกระบวนการในสภาและนอกสภา เพราะครั้งนี้เราสามารถสะท้อนข้อมูลความผิดพลาดของรมต. ให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจน ยังแสดงให้เห็นได้ว่าคนเหล่านั้นรักษาผลประโยชน์ของใคร นอกจากนี้สื่อเองก็ได้สะท้อนข้อมูลข้อเท็จจริงตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และประชาชนก็ให้ความสนใจ เฉพาะที่เข้ามาดูในเว็บไซด์ของพรรคในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีมากถึง 6 แสนราย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเมื่อการตรวจสอบของฝ่ายค้านในสภาที่เสียงเราน้อยกว่ามากคงไม่ได้ผล จะได้ผลก็เมื่อประชาชนเจ้าของประเทศ เจ้าของผลประโยชน์ที่ถูกฉกฉวยไปอย่างไม่เป็นธรรมลุกขึ้นมาติดตามข่าวสารด้วยตัวเอง เราจึงรู้สึกว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว แต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มตื่นตัวเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย
นายบัญญัติ กล่าวว่า การชี้แจงของรมต.ทั้ง 8 คน มีหลายประเด็นที่ไม่สามารถชี้แจงได้ เราเองก็พยายามทวงถาม ไม่ว่าจะด้วยวิธีการทางรัฐสภา แต่เมื่อสภาปิดก็จะทวงถามผ่านสื่อสาธารณะ เพื่อยืนยันว่าเราจริงจังกับเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ยังจะจัดทำเอกสารการอภิปรายออกเผยแพร่ เพื่อให้สังคมช่วยตรวจสอบติดตามอีกทางหนึ่ง
นายบัญญัติกล่าวถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ลุกขึ้นท้าเดิมพันตำแหน่งกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านในการสรุปการอภิปราย ว่า คิดว่าไม่ใช่เรื่องดี เพราะใครก็ตามที่มุ่งจะเข้ามาทำงานการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยต้องพร้อมที่จะยอมรับการตรวจสอบ โดยเฉพาะการตรวจสอบที่เดินตามกติกา ใครที่ไม่มีความอดทนเพียงพอในการยอมรับการตรวจสอบก็ควรจะถอยออกไปจากระบบนี้ ต้องยอมรับว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่เพื่อปกป้องประโยชน์ของชาติ เป็นกลไกถ่วงดุลของระบบ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามรวมถึงนายกฯ ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/05/47--จบ--
-สส-