นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันสุดท้าย วันนี้ (21 พ.ค.47) ว่า มีข้อกล่าวหาหนึ่งที่รัฐมนตรีทั้ง 8 ท่านที่ถูกอภิปรายนั้นมีพฤติกรรมอย่างเดียวกัน คือ พฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งประโยชน์ตนและพวกพ้องมากกว่าการปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ซึ่งพวกพ้องในที่นี้ก็คือเครือข่ายธุรกิจครอบครัวนายกฯและกลุ่มแวดล้อมนายกฯและรัฐมนตรี
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นข้อกล่าวหาของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ นั้นก็คือบริหารราชการแผ่นดินแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ล้มเหลว ประเมินว่าเป็นการกระทำของโจรกระจอก พวกค้ายาเสพติด คน 2 สัญชาติ การใช้นโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผลักไสประชาชนไปจากอำนาจรัฐ และนอกจากนี้ท่านได้นำเงินงบประมาณของแผ่นดิน 3,500 ล้านบาท ไปจ้างบริษัทจีนที่เคยสร้างปัญหาในการสัมปทานต่อเรือให้กับไทย ได้ทำการต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งของกองทัพเรือจำนวน 2 ลำ โดยแลกกับการที่ไม่ให้ดาวเทียมจีนมารบกวนสัญญาณของดาวเทียมไอพีสตาร์ ถือว่าเอาการสุ่มเสี่ยงเรื่องความมั่นคงของกองทัพไปแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์
‘ส่วนการไม่ไว้วางใจนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พาณิชย์นั้นเพราะการบริหารราชการแผ่นดินที่อุ้มพ่อค้าและพวกพ้อง โดยเฉพาะกลุ่ม บ.เพรสซิเดนท์ ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การประมูลข้าว 1,940,000 ตัน การขายข้าวนาปี 43/44 , 44/45 และข้าวนาปรังปี 2545 จำนวน 1 ล้านตัน’ นายจุรินทร์ กล่าวและว่า สำหรับนพ.สุรพงษ์ รมว.ไอซีที นั้นมีการแก้ไขสัญญาของบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่สัญญากับองค์การโทรศัพท์ฯ ให้ได้รับประโยชน์และการออกกฎหมายที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทดังกล่าว ส่งผลให้องค์การโทรศัพท์ฯสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล จึงไม่สามารถไว้วางใจได้ เช่นเดียวกับร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฏ์ รองนายกฯที่ได้ทำการลดภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10% เหลือ 0% ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์บริษัทมือถือรายใหญ่ ด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความไม่ไว้วางใจที่มีต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เพราะทำผิดกฎหมาย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดกรณีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่งผลกระทบให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ วงการศึกษาทั่วประเทศ ด้วยการปกป้องข้าราชการคนเดียวที่มีมลทิน เพื่อสนองตอบความได้เปรียบของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของใครบางคนเป็นการเฉพาะ และสำหรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังนั้น ได้มีการบริหารงานที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถไว้วางใจได้เช่นกัน
นายจุรินทร์ กล่าวสรุปว่า การอภิปรายครั้งนี้ถือเป็นอภิปรายครั้งสุดท้ายแต่ตนไม่เชื่อว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะมีการหาประโยชน์จากการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งการหาประโยชน์จากการใช้รัฐมนตรีหรือจากการที่รัฐมนตรีถูกใช้ด้วยความเต็มใจ เพื่อสนองความร่ำรวยไม่มีที่สิ้นสุด พวกตนรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่อันมีเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอิสระตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แทนพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งพวกตนไม่หวังที่จะได้รับชัยชนะจากการลงมติในสภาฯ เพราะพวกตนเชื่อว่าที่สุดเสียงข้างมากก็จะลากรัฐมนตรีทั้ง 8 ท่าน ให้หลุดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจไปได้ แต่สิ่งหนึ่งทีตนไม่เชื่อ ก็คือ ตนไม่เชื่อว่า คนโกงไม่ว่าจะโกงเอง ใช้คนอื่นโกง หรือยอมโกงให้คนอื่น ที่สุดท่านไม่มีวันหลุดรอด คำสาปแช่งอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ใครโกงขอให้มีอันเป็นไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/05/47--จบ--
-สส-
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นข้อกล่าวหาของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ นั้นก็คือบริหารราชการแผ่นดินแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ล้มเหลว ประเมินว่าเป็นการกระทำของโจรกระจอก พวกค้ายาเสพติด คน 2 สัญชาติ การใช้นโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผลักไสประชาชนไปจากอำนาจรัฐ และนอกจากนี้ท่านได้นำเงินงบประมาณของแผ่นดิน 3,500 ล้านบาท ไปจ้างบริษัทจีนที่เคยสร้างปัญหาในการสัมปทานต่อเรือให้กับไทย ได้ทำการต่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งของกองทัพเรือจำนวน 2 ลำ โดยแลกกับการที่ไม่ให้ดาวเทียมจีนมารบกวนสัญญาณของดาวเทียมไอพีสตาร์ ถือว่าเอาการสุ่มเสี่ยงเรื่องความมั่นคงของกองทัพไปแลกกับผลประโยชน์ธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์
‘ส่วนการไม่ไว้วางใจนายวัฒนา เมืองสุข รมว.พาณิชย์นั้นเพราะการบริหารราชการแผ่นดินที่อุ้มพ่อค้าและพวกพ้อง โดยเฉพาะกลุ่ม บ.เพรสซิเดนท์ ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การประมูลข้าว 1,940,000 ตัน การขายข้าวนาปี 43/44 , 44/45 และข้าวนาปรังปี 2545 จำนวน 1 ล้านตัน’ นายจุรินทร์ กล่าวและว่า สำหรับนพ.สุรพงษ์ รมว.ไอซีที นั้นมีการแก้ไขสัญญาของบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่สัญญากับองค์การโทรศัพท์ฯ ให้ได้รับประโยชน์และการออกกฎหมายที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทดังกล่าว ส่งผลให้องค์การโทรศัพท์ฯสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล จึงไม่สามารถไว้วางใจได้ เช่นเดียวกับร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฏ์ รองนายกฯที่ได้ทำการลดภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10% เหลือ 0% ซึ่งถือเป็นการเอื้อประโยชน์บริษัทมือถือรายใหญ่ ด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความไม่ไว้วางใจที่มีต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เพราะทำผิดกฎหมาย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดกรณีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่งผลกระทบให้นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ วงการศึกษาทั่วประเทศ ด้วยการปกป้องข้าราชการคนเดียวที่มีมลทิน เพื่อสนองตอบความได้เปรียบของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของใครบางคนเป็นการเฉพาะ และสำหรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รมว.คลังนั้น ได้มีการบริหารงานที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถไว้วางใจได้เช่นกัน
นายจุรินทร์ กล่าวสรุปว่า การอภิปรายครั้งนี้ถือเป็นอภิปรายครั้งสุดท้ายแต่ตนไม่เชื่อว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะมีการหาประโยชน์จากการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งการหาประโยชน์จากการใช้รัฐมนตรีหรือจากการที่รัฐมนตรีถูกใช้ด้วยความเต็มใจ เพื่อสนองความร่ำรวยไม่มีที่สิ้นสุด พวกตนรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่อันมีเกียรติ ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นอิสระตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ แทนพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งพวกตนไม่หวังที่จะได้รับชัยชนะจากการลงมติในสภาฯ เพราะพวกตนเชื่อว่าที่สุดเสียงข้างมากก็จะลากรัฐมนตรีทั้ง 8 ท่าน ให้หลุดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจไปได้ แต่สิ่งหนึ่งทีตนไม่เชื่อ ก็คือ ตนไม่เชื่อว่า คนโกงไม่ว่าจะโกงเอง ใช้คนอื่นโกง หรือยอมโกงให้คนอื่น ที่สุดท่านไม่มีวันหลุดรอด คำสาปแช่งอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า ใครโกงขอให้มีอันเป็นไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22/05/47--จบ--
-สส-