‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ ระบุนายกฯไม่ควรดูถูกอาชีพนักเขียนการ์ตูน ส่วนกรณีเกือบวางมวยกับ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ นั้นตนไม่ทราบถึงข้อเท็จจริง ทั้งนี้คิดว่าเวทีของสภาฯ ควรต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ไม่ใช่การใช้กำลัง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบนักเขียนการ์ตูนว่า ความจริงตนเป็นนักเขียนการ์ตูนการเมืองมากก่อนก็ยังรักงานนี้ และอนาคตก็จะกลับไปเขียนการ์ตูนการเมืองอีกถ้ามีโอกาส แต่การที่นายกฯพูดเหมือนเป็นการดูถูกอาชีพนักเขียนการ์ตูนการเมือง ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและสุจริต นายกฯไม่ควรแสดงออกด้วยวิธีการอย่างนี้ เพราะตนคิดว่าอาชีพมีเกียรติและสุจริตอย่างพวกตนดีกว่าอาชีพนักธุรกิจที่เอาเปรียบประชาชนและแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร
‘มีข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่านายกฯชอบออกมาพูดคนเดียวข้างนอกเสมอ แต่ว่าพอในสภาฯท่านก็ ผมไม่อยากใช้คำว่าขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญกับข้อเท็จจริงในสภาฯ ซึ่งเป็นเวทีที่สามารถให้ทั้งสองฝ่ายสามารถให้ข้อเท็จจริงต่อหน้าประชาชนได้ แต่สังเกตได้ว่าพอเวทีในสภาท่านนายกฯมักจะหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าประชุมสภาหรือแสดงความคิดเห็นทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็พาดพิงถึงนายกฯหลายกรณี แต่ท่านไม่เคยใช้โอกาสนั้นชี้แจงทำความเข้าใจ อาจเป็นเพราะท่านไม่ถนัดเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงในสภาต่อหน้าประชาชน แต่ท่านชอบออกมาพูดข้างนอกคนเดียว เช่นการพูดผ่านรายการวิทยุ ‘นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน’ ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือของรัฐพูดข้างเดียว ใครเถียงใครถามไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและไม่สง่างาม’ นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่นายกฯ กล่าวหาว่าฝ่ายค้านพูดเรื่องเท็จนั้น ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ฝ่ายค้านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่พูดมีข้อมูลหลักฐาน และมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นโดยแสดงต่อประธานสภาได้อย่างชัดเจน แต่วิธีการตอบหรือแก้ข้อกล่าวหาที่มักง่ายที่สุดก็คือกล่าวหาว่าคนอื่นพูดเท็จทั้งสิ้น โดยไม่สามารถชี้แจงว่าเท็จนั้นเรื่องอะไรอย่างไร ซึ่งตนไม่อยากให้นายกฯใช้วิธีการอย่างนี้ต่อไป และอยากให้นายกฯกล้าเผชิญหน้าต่อความเป็นจริงโดยใช้เวทีสภาที่เป็นเวทีประชาชนให้มากให้มีคุณค่าและสง่างามมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมไม่พอใจการสรุปการอภิปรายฯถึงขั้นเกือบวางมวยกันนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพิ่งทราบภายหลัง แต่ตนคิดว่าการอภิปรายสรุปเป็นการทำหน้าที่ในสภาฯในฐานะที่ตนเป็นผู้แทนราษฎรคนหนึ่งและทำหน้าที่แทนประชาชน และเวทีสภาฯเป็นเวทีต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ไม่ใช่การต่อสู้กันด้วยกำลัง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้พบหรือได้พูดคุยกับนายสุริยะ ซึ่งตนก็ไม่อยากวิจารณ์การกระทำดังกล่าว แต่เชื่อว่าประชาชนคงเห็นแล้วว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร และตนก็เคยเป็นรัฐมนตรีแต่ไม่เคยใช้วิธีการอย่างนี้ เพราะเราเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับการตรวจสอบ อะไรที่คิดว่าไม่ใช่หรือไม่ถูกต้องก็สามารถใช้เวทีสภาฯชี้แจงได้ เพราะสภาฯเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีชี้แจงได้อยู่แล้ว และได้สิทธิพิเศษด้วยจะยกมือชี้แจงเมื่อไรก็ได้
ส่วนที่นายสุริยะประกาศท้าให้ลาออกหากข้อมูลที่ใช้อภิปรายฯไม่เป็นความจริงนั้น ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะตั้งใจทำหน้าที่ให้ครบถ้วนให้สมบูรณ์ก่อน ‘ที่ผมไม่ให้ความสนใจก็เพราะคิดว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีประชาธิปไตยไม่ใช่เวทีนักเลง และสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีที่จะต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลมากกว่าเวทีของการใช้กำลัง ความจริงกรณีตำแหน่งรัฐมนตรีกับตำแหน่งผู้แทนราษฎรผมคิดว่าแลกกันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรียุคนี้แค่เข้าตาท่านนายกฯทักษิณคนเดียวก็เป็นได้แล้ว แต่ตำแหน่งผู้แทนราษฎรอย่างผม ประชาชนทั้งประเทศต้องเลือกมาถึงจะได้เป็น เพราะฉะนั้นมันเอาไปแลกกันไม่ได้ ผมจึงไม่ให้ความสนใจกับคำท้าทายอะไร’ นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคไทยรักไทยระบุว่าการกล่าวสรุปอภิปรายเหมือนเป็นการตีข้างหลังรัฐมนตรี เพราะมีการนำประเด็นใหม่ขึ้นมากล่าวหา ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องการตีข้างหลัง แต่เป็นการทำหน้าที่ของการสรุปการอภิปรายของประเด็นทั้งหมด และตนไม่ได้เปิดประเด็นใหม่ แต่ประเด็นที่พูดเป็นประเด็นที่พูดมาแล้วทั้งสิ้น และประธานสภาฯควบคุมการประชุมอยู่ หากไม่ถูกต้องประธานสภาฯก็ท้วงติงได้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปล่อยลมยางรถยนต์ในคืนวันที่ 21 พ.ค.ภายหลังการกล่าวสรุปการอภิปรายฯนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งตนไม่ได้นั่งรถยนต์คันดังกล่าวกลับบ้าน แต่ได้นั่งรถของนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นน้องชายกลับบ้านแทน จึงทราบภายหลังจากที่กลับบ้านแล้ว โดยคนขับรถบอกว่าระหว่างขับรถได้มียางล้อรถข้างหนึ่งระเบิดขึ้น แต่ไม่ได้เกิดอันตรายอะไ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23/05/47--จบ--
-สส-
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าสรุปการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบนักเขียนการ์ตูนว่า ความจริงตนเป็นนักเขียนการ์ตูนการเมืองมากก่อนก็ยังรักงานนี้ และอนาคตก็จะกลับไปเขียนการ์ตูนการเมืองอีกถ้ามีโอกาส แต่การที่นายกฯพูดเหมือนเป็นการดูถูกอาชีพนักเขียนการ์ตูนการเมือง ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและสุจริต นายกฯไม่ควรแสดงออกด้วยวิธีการอย่างนี้ เพราะตนคิดว่าอาชีพมีเกียรติและสุจริตอย่างพวกตนดีกว่าอาชีพนักธุรกิจที่เอาเปรียบประชาชนและแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร
‘มีข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่านายกฯชอบออกมาพูดคนเดียวข้างนอกเสมอ แต่ว่าพอในสภาฯท่านก็ ผมไม่อยากใช้คำว่าขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญกับข้อเท็จจริงในสภาฯ ซึ่งเป็นเวทีที่สามารถให้ทั้งสองฝ่ายสามารถให้ข้อเท็จจริงต่อหน้าประชาชนได้ แต่สังเกตได้ว่าพอเวทีในสภาท่านนายกฯมักจะหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าประชุมสภาหรือแสดงความคิดเห็นทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็พาดพิงถึงนายกฯหลายกรณี แต่ท่านไม่เคยใช้โอกาสนั้นชี้แจงทำความเข้าใจ อาจเป็นเพราะท่านไม่ถนัดเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงในสภาต่อหน้าประชาชน แต่ท่านชอบออกมาพูดข้างนอกคนเดียว เช่นการพูดผ่านรายการวิทยุ ‘นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน’ ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือของรัฐพูดข้างเดียว ใครเถียงใครถามไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและไม่สง่างาม’ นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนประเด็นที่นายกฯ กล่าวหาว่าฝ่ายค้านพูดเรื่องเท็จนั้น ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ฝ่ายค้านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่พูดมีข้อมูลหลักฐาน และมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นโดยแสดงต่อประธานสภาได้อย่างชัดเจน แต่วิธีการตอบหรือแก้ข้อกล่าวหาที่มักง่ายที่สุดก็คือกล่าวหาว่าคนอื่นพูดเท็จทั้งสิ้น โดยไม่สามารถชี้แจงว่าเท็จนั้นเรื่องอะไรอย่างไร ซึ่งตนไม่อยากให้นายกฯใช้วิธีการอย่างนี้ต่อไป และอยากให้นายกฯกล้าเผชิญหน้าต่อความเป็นจริงโดยใช้เวทีสภาที่เป็นเวทีประชาชนให้มากให้มีคุณค่าและสง่างามมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมไม่พอใจการสรุปการอภิปรายฯถึงขั้นเกือบวางมวยกันนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพิ่งทราบภายหลัง แต่ตนคิดว่าการอภิปรายสรุปเป็นการทำหน้าที่ในสภาฯในฐานะที่ตนเป็นผู้แทนราษฎรคนหนึ่งและทำหน้าที่แทนประชาชน และเวทีสภาฯเป็นเวทีต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ไม่ใช่การต่อสู้กันด้วยกำลัง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้พบหรือได้พูดคุยกับนายสุริยะ ซึ่งตนก็ไม่อยากวิจารณ์การกระทำดังกล่าว แต่เชื่อว่าประชาชนคงเห็นแล้วว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร และตนก็เคยเป็นรัฐมนตรีแต่ไม่เคยใช้วิธีการอย่างนี้ เพราะเราเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับการตรวจสอบ อะไรที่คิดว่าไม่ใช่หรือไม่ถูกต้องก็สามารถใช้เวทีสภาฯชี้แจงได้ เพราะสภาฯเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีชี้แจงได้อยู่แล้ว และได้สิทธิพิเศษด้วยจะยกมือชี้แจงเมื่อไรก็ได้
ส่วนที่นายสุริยะประกาศท้าให้ลาออกหากข้อมูลที่ใช้อภิปรายฯไม่เป็นความจริงนั้น ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้ความสนใจและความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะตั้งใจทำหน้าที่ให้ครบถ้วนให้สมบูรณ์ก่อน ‘ที่ผมไม่ให้ความสนใจก็เพราะคิดว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีประชาธิปไตยไม่ใช่เวทีนักเลง และสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีที่จะต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลมากกว่าเวทีของการใช้กำลัง ความจริงกรณีตำแหน่งรัฐมนตรีกับตำแหน่งผู้แทนราษฎรผมคิดว่าแลกกันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรียุคนี้แค่เข้าตาท่านนายกฯทักษิณคนเดียวก็เป็นได้แล้ว แต่ตำแหน่งผู้แทนราษฎรอย่างผม ประชาชนทั้งประเทศต้องเลือกมาถึงจะได้เป็น เพราะฉะนั้นมันเอาไปแลกกันไม่ได้ ผมจึงไม่ให้ความสนใจกับคำท้าทายอะไร’ นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่าพรรคไทยรักไทยระบุว่าการกล่าวสรุปอภิปรายเหมือนเป็นการตีข้างหลังรัฐมนตรี เพราะมีการนำประเด็นใหม่ขึ้นมากล่าวหา ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องการตีข้างหลัง แต่เป็นการทำหน้าที่ของการสรุปการอภิปรายของประเด็นทั้งหมด และตนไม่ได้เปิดประเด็นใหม่ แต่ประเด็นที่พูดเป็นประเด็นที่พูดมาแล้วทั้งสิ้น และประธานสภาฯควบคุมการประชุมอยู่ หากไม่ถูกต้องประธานสภาฯก็ท้วงติงได้อยู่แล้ว
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปล่อยลมยางรถยนต์ในคืนวันที่ 21 พ.ค.ภายหลังการกล่าวสรุปการอภิปรายฯนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งตนไม่ได้นั่งรถยนต์คันดังกล่าวกลับบ้าน แต่ได้นั่งรถของนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นน้องชายกลับบ้านแทน จึงทราบภายหลังจากที่กลับบ้านแล้ว โดยคนขับรถบอกว่าระหว่างขับรถได้มียางล้อรถข้างหนึ่งระเบิดขึ้น แต่ไม่ได้เกิดอันตรายอะไ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23/05/47--จบ--
-สส-