ในเดือนเมษายน 2548 เศรษฐกิจชะลอตัวจากเดือนก่อนทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนลดลงต่อเนื่องแต่ในอัตราที่น้อยลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกชะลอลง แต่การนำเข้าเร่งตัวขึ้น
ด้านอุปทาน การผลิตภาค
สำหรับอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน จากที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงเล็กน้อย จากผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่จังหวัดสงขลาช่วงต้นเดือนเมษายน ส่วนรายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักขยายตัวในเกณฑ์ดี จากราคาที่ยังคงเพิ่มขึ้นสูง ในขณะที่ผลผลิตพืชผลหลักลดลงไม่มาก
เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเพิ่มขึ้น จากดุลการค้าขาดดุลสูง ขณะที่ดุลบริการเกินดุลลดลง แต่เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเป็นสำคัญ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 5.1 ชะลอลงจาก เดือนก่อน โดยเป็นการชะลอลงเกือบทุกหมวด ยกเว้น หมวดเครื่องดื่มที่มีการเร่งผลิตสุราและเบียร์จากข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่เพิ่มขึ้นมากจากระยะเดียวกันปีก่อนที่การผลิตลดลง เนื่องจากทางการยกเลิกภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นการชั่วคราว ขณะที่หมวดอาหารปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบคลี่คลาย สำหรับหมวดอิเล็กทรอนิกส์ชะลอลงจากเดือนก่อนที่เร่งตัวสูงมากจากคำสั่งซื้อใหม่และเตรียมการก่อนวันหยุดต่อเนื่องช่วง เทศกาลสงกรานต์ และหมวดยานยนต์และชิ้นส่วนยังคงลดลงต่อเนื่องตามอุปสงค์รถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 67.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ลดลงร้อยละ 0.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.8 ในเดือนมีนาคม เป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน เป็นสำคัญ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 4.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของทั้งหมวด ก่อสร้าง และหมวดเครื่องมือเครื่องจักร
3. ภาคการคลัง ในเดือนเมษายน 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 11.8 รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.0 ทั้งนี้ ในรอบ 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 730.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.3
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 1,763 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ตามการนำเข้าที่ยังคง เร่งตัวต่อเนื่อง โดยการนำเข้ามีมูลค่า 9,919 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 33.0 สินค้านำเข้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็ก เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน และเคมีภัณฑ์ โดยในเดือนนี้มีการนำเข้าเครื่องบินจำนวน 2 ลำ มูลค่า 243 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 8,156 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.8 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับสินค้าเกษตรส่งออกลดลง เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 154 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนในจำนวนที่สูงถึง 674 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 442 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 อยู่ที่ระดับ 49.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 6.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. ดัชนีราคาผู้บริโภค ในเดือนเมษายน 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เทียบจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาหมวดผักและผลไม้ ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์นมที่ยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณ ผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่วนราคาหมวดที่ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ตามราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ปรับสูงขึ้นในเดือนก่อน และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าในหมวดสื่อสารปรับลดลงเนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 0.8
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.0 ใกล้เคียงกับร้อยละ 11.1 ในเดือนก่อน เป็นผลจากราคาที่เพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า
ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.0 0.7 และ 9.9 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนเมษายน 2548 ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ที่ร้อยละ 2.7 3.2 และ 4.1 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน สอดคล้องกับการชะลอตัวของทั้งเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้น 22.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ ขณะที่สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์เอกชน) ขยายตัวร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 15.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์และมีวันหยุดทำการหลายวัน ธนาคารพาณิชย์จึงต้องสำรองสภาพคล่องเพื่อการเบิกถอนของประชาชน ส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัวเป็นบางช่วงและอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.08 และ 2.05 ต่อปี ตามลำดับ
7. เงินบาท ในเดือนเมษายน ค่าเงินบาทโน้มอ่อนค่าลงจากเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ 39.53 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ตามการอ่อนลงของค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ (1) เหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดสงขลา ซึ่งส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน และ (2) ความต้องการซื้อดอลลาร์ สรอ.ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งรัฐวิสาหกิจ บริษัทน้ำมัน และบริษัทญี่ปุ่น เพื่อชำระคืนหนี้ ชำระค่าน้ำมัน และส่งคืนกำไร ตามลำดับ
ในช่วงวันที่ 1-25 พฤษภาคม 2548 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ 39.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของเดือนค่าเงินบาทปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากการที่นักลงทุนต่างประเทศลงทุนเพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย กอปรกับบริษัท Fitch ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนค่าเงินบาทกลับอ่อนลงค่อนข้างมากสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากมีข่าวว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ปรับดีขึ้นจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ดีเกินการคาดการณ์ของตลาด อีกทั้งบริษัทน้ำมันในประเทศยังมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมาก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน การผลิตภาค
สำหรับอุตสาหกรรมขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน จากที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงเล็กน้อย จากผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่จังหวัดสงขลาช่วงต้นเดือนเมษายน ส่วนรายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักขยายตัวในเกณฑ์ดี จากราคาที่ยังคงเพิ่มขึ้นสูง ในขณะที่ผลผลิตพืชผลหลักลดลงไม่มาก
เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเพิ่มขึ้น จากดุลการค้าขาดดุลสูง ขณะที่ดุลบริการเกินดุลลดลง แต่เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเป็นสำคัญ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2548 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 5.1 ชะลอลงจาก เดือนก่อน โดยเป็นการชะลอลงเกือบทุกหมวด ยกเว้น หมวดเครื่องดื่มที่มีการเร่งผลิตสุราและเบียร์จากข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่เพิ่มขึ้นมากจากระยะเดียวกันปีก่อนที่การผลิตลดลง เนื่องจากทางการยกเลิกภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดเป็นการชั่วคราว ขณะที่หมวดอาหารปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบคลี่คลาย สำหรับหมวดอิเล็กทรอนิกส์ชะลอลงจากเดือนก่อนที่เร่งตัวสูงมากจากคำสั่งซื้อใหม่และเตรียมการก่อนวันหยุดต่อเนื่องช่วง เทศกาลสงกรานต์ และหมวดยานยนต์และชิ้นส่วนยังคงลดลงต่อเนื่องตามอุปสงค์รถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 67.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน (เบื้องต้น) ลดลงร้อยละ 0.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.8 ในเดือนมีนาคม เป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน เป็นสำคัญ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 4.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของทั้งหมวด ก่อสร้าง และหมวดเครื่องมือเครื่องจักร
3. ภาคการคลัง ในเดือนเมษายน 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.1 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 11.8 รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.0 ทั้งนี้ ในรอบ 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 730.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.3
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 1,763 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ตามการนำเข้าที่ยังคง เร่งตัวต่อเนื่อง โดยการนำเข้ามีมูลค่า 9,919 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 33.0 สินค้านำเข้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ น้ำมันดิบ เหล็ก เครื่องจักรกลและชิ้นส่วน และเคมีภัณฑ์ โดยในเดือนนี้มีการนำเข้าเครื่องบินจำนวน 2 ลำ มูลค่า 243 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่การส่งออกมีมูลค่า 8,156 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 14.8 สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์พลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า สำหรับสินค้าเกษตรส่งออกลดลง เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 154 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชนในจำนวนที่สูงถึง 674 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 1,609 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 442 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 อยู่ที่ระดับ 49.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 6.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. ดัชนีราคาผู้บริโภค ในเดือนเมษายน 2548 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เทียบจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาหมวดผักและผลไม้ ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์นมที่ยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณ ผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่วนราคาหมวดที่ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ตามราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ปรับสูงขึ้นในเดือนก่อน และการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าในหมวดสื่อสารปรับลดลงเนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาของค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 0.8
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.0 ใกล้เคียงกับร้อยละ 11.1 ในเดือนก่อน เป็นผลจากราคาที่เพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า
ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2548 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.0 0.7 และ 9.9 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน ในเดือนเมษายน 2548 ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ที่ร้อยละ 2.7 3.2 และ 4.1 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน สอดคล้องกับการชะลอตัวของทั้งเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้น 22.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ ขณะที่สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน (รวมการถือหลักทรัพย์เอกชน) ขยายตัวร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 15.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์และมีวันหยุดทำการหลายวัน ธนาคารพาณิชย์จึงต้องสำรองสภาพคล่องเพื่อการเบิกถอนของประชาชน ส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัวเป็นบางช่วงและอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดการเงินเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.08 และ 2.05 ต่อปี ตามลำดับ
7. เงินบาท ในเดือนเมษายน ค่าเงินบาทโน้มอ่อนค่าลงจากเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ 39.53 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ตามการอ่อนลงของค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศ ได้แก่ (1) เหตุการณ์ระเบิดในจังหวัดสงขลา ซึ่งส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน และ (2) ความต้องการซื้อดอลลาร์ สรอ.ที่เพิ่มขึ้นจากทั้งรัฐวิสาหกิจ บริษัทน้ำมัน และบริษัทญี่ปุ่น เพื่อชำระคืนหนี้ ชำระค่าน้ำมัน และส่งคืนกำไร ตามลำดับ
ในช่วงวันที่ 1-25 พฤษภาคม 2548 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ 39.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของเดือนค่าเงินบาทปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากการที่นักลงทุนต่างประเทศลงทุนเพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย กอปรกับบริษัท Fitch ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทย อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนค่าเงินบาทกลับอ่อนลงค่อนข้างมากสอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากมีข่าวว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ สรอ. ปรับดีขึ้นจากการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ดีเกินการคาดการณ์ของตลาด อีกทั้งบริษัทน้ำมันในประเทศยังมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมาก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--