‘ประธานสภาที่ปรึกษาปชป.’ ไม่แปลกใจ 8 รมต. ได้รับความไว้วางใจ เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว ยืนยันการลงคะแนนเสียงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เสียงปชป. ‘เป็นเอกภาพ’ พร้อมติงนายกฯ อย่าใช้สื่อของรัฐ เพื่อใช้พูดข้างเดียวโจมตีผู้อื่น
วันนี้ (24 พ.ค.47)เวลา 17.20น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘101 องศาข่าว’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิรต์ ถึงผลการลงมติในการการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งผลการลงคะแนนปรากฏว่ามีคะแนนจากพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เท่ากันว่า เสียงของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเอกภาพอย่างแน่นอน เพราะจากการสอบถาม ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ถึงตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงก็ได้รับคำตอบว่าอาจจะเป็นเสียงของพรรคชาติพัฒนา
ส่วนผลการลงคะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีรัฐมนตรีบางคนได้รับความไว้วางใจไม่เท่ากันโดย ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายกฯ และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยที่สุดนั้น นายชวนกล่าวว่า ผลการลงคะแนนไว้วางใจก็เรื่องของแต่ละพรรค และขึ้นอยู่กับว่าส.ส.คนใดเคยได้รับการช่วยเหลือ เช่น การของบประมาณ หรือการโยกย้ายข้าราชการ จึงต้องมีการตอบแทนกัน แต่ทั้งนี้คิดว่าการลงมติไม่ได้ถือเสียงไว้วางใจ แต่ถือเสียงไม่ไว้วางเป็นหลักมากกว่า
‘ขอยืนยันว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเสียงแตกออกไปเป็นอย่างอื่น ก็สมบูรณ์ทั้งหมด ในส่วนของรัฐบาลก็แน่นอน เพราะว่าพรรคที่ร่วมรัฐบาลจริงๆก็มีอยู่ พรรคชาติไทย พรรคไทยรักไทย ฉะนั้นในส่วนนี้ก็ชัดเจนว่าคงไม่เป็นอย่างอื่น ส่วนพรรคที่เป็นครึ่งๆกลางๆอยู่ก็อาจจะผันแปรไปตามความผกผันส่วนตัวของแต่ละคน คนไหนที่ไม่มีความผูกพันธ์ก็ลงมติไม่ไว้วางใจ คนไหนที่มีความผูกพันธ์มากหน่อยก็ลงมติไว้วางใจ’ นายชวนกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯกล่าวในรายการ ‘นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน’ ว่ารู้สึกระอากับการอภิปราย และจะขอต่อสู้เพื่อเอาชนะกับความยากจนต่อไป ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจกับคำพูดดังกล่าว เพราะนายกฯอาศัยกระบวนการของประชาธิปไตยเป็นที่มาเท่านั้น เพราะตลอด 3 ปีของการบริหารประเทศ นายกฯไม่ยอมรับกระบวนการที่เป็นการคานอำนาจหรือการตรวจสอบเลย
‘ปกติการประชุมสภาฯ ปกติในอดีตนายกฯจะผูกพันธ์ต้องรับผิดชอบ แม้กระทั่งไปต่างประเทศ บางทีบางคนเขาก็จะไม่ไปในช่วงสมัยประชุม เพื่อที่จะมาทำงานในสภาฯ เพื่อมาชี้แจงหรือติดตามว่าฝ่ายนิติบัญญัติในสภาเขาว่าอย่างไร ซึ่งจะตรงกันข้ามกับรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนการอภิปรายผมคิดว่าฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งเพื่อนายกฯอย่างที่วิจารณ์ว่าฝ่ายค้านอภิปรายเพื่อกระทบนายกฯ ผมบอกเลยว่าเท่าที่คุยกับผู้อภิปรายเขาไม่ได้มุ่งเลย แต่บังเอิญว่าสมัยนี้นายกฯมีธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจเกือบทุกประเภทในบ้านเมือง แตะตรงไหนก็โดนตรงนั้น เพราะฉะนั้นการอภิปรายจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเกี่ยวข้อง ส่วนนี้คิดว่านายกฯต้องเข้าใจและอธิบายได้ว่าส่วนไหนที่ไม่จริง แต่เมื่อท่านไม่อยู่แล้วใครเครื่องมือของรัฐ สื่อวิทยุไปพูดข้างเดียว อันนี้ไม่ใช่กระบวนการของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย’ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24/05/47--จบ--
-สส-
วันนี้ (24 พ.ค.47)เวลา 17.20น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘101 องศาข่าว’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิรต์ ถึงผลการลงมติในการการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งผลการลงคะแนนปรากฏว่ามีคะแนนจากพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เท่ากันว่า เสียงของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเอกภาพอย่างแน่นอน เพราะจากการสอบถาม ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ถึงตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงก็ได้รับคำตอบว่าอาจจะเป็นเสียงของพรรคชาติพัฒนา
ส่วนผลการลงคะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีรัฐมนตรีบางคนได้รับความไว้วางใจไม่เท่ากันโดย ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายกฯ และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยที่สุดนั้น นายชวนกล่าวว่า ผลการลงคะแนนไว้วางใจก็เรื่องของแต่ละพรรค และขึ้นอยู่กับว่าส.ส.คนใดเคยได้รับการช่วยเหลือ เช่น การของบประมาณ หรือการโยกย้ายข้าราชการ จึงต้องมีการตอบแทนกัน แต่ทั้งนี้คิดว่าการลงมติไม่ได้ถือเสียงไว้วางใจ แต่ถือเสียงไม่ไว้วางเป็นหลักมากกว่า
‘ขอยืนยันว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเสียงแตกออกไปเป็นอย่างอื่น ก็สมบูรณ์ทั้งหมด ในส่วนของรัฐบาลก็แน่นอน เพราะว่าพรรคที่ร่วมรัฐบาลจริงๆก็มีอยู่ พรรคชาติไทย พรรคไทยรักไทย ฉะนั้นในส่วนนี้ก็ชัดเจนว่าคงไม่เป็นอย่างอื่น ส่วนพรรคที่เป็นครึ่งๆกลางๆอยู่ก็อาจจะผันแปรไปตามความผกผันส่วนตัวของแต่ละคน คนไหนที่ไม่มีความผูกพันธ์ก็ลงมติไม่ไว้วางใจ คนไหนที่มีความผูกพันธ์มากหน่อยก็ลงมติไว้วางใจ’ นายชวนกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯกล่าวในรายการ ‘นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน’ ว่ารู้สึกระอากับการอภิปราย และจะขอต่อสู้เพื่อเอาชนะกับความยากจนต่อไป ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจกับคำพูดดังกล่าว เพราะนายกฯอาศัยกระบวนการของประชาธิปไตยเป็นที่มาเท่านั้น เพราะตลอด 3 ปีของการบริหารประเทศ นายกฯไม่ยอมรับกระบวนการที่เป็นการคานอำนาจหรือการตรวจสอบเลย
‘ปกติการประชุมสภาฯ ปกติในอดีตนายกฯจะผูกพันธ์ต้องรับผิดชอบ แม้กระทั่งไปต่างประเทศ บางทีบางคนเขาก็จะไม่ไปในช่วงสมัยประชุม เพื่อที่จะมาทำงานในสภาฯ เพื่อมาชี้แจงหรือติดตามว่าฝ่ายนิติบัญญัติในสภาเขาว่าอย่างไร ซึ่งจะตรงกันข้ามกับรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนการอภิปรายผมคิดว่าฝ่ายค้านไม่ได้มุ่งเพื่อนายกฯอย่างที่วิจารณ์ว่าฝ่ายค้านอภิปรายเพื่อกระทบนายกฯ ผมบอกเลยว่าเท่าที่คุยกับผู้อภิปรายเขาไม่ได้มุ่งเลย แต่บังเอิญว่าสมัยนี้นายกฯมีธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจเกือบทุกประเภทในบ้านเมือง แตะตรงไหนก็โดนตรงนั้น เพราะฉะนั้นการอภิปรายจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องเกี่ยวข้อง ส่วนนี้คิดว่านายกฯต้องเข้าใจและอธิบายได้ว่าส่วนไหนที่ไม่จริง แต่เมื่อท่านไม่อยู่แล้วใครเครื่องมือของรัฐ สื่อวิทยุไปพูดข้างเดียว อันนี้ไม่ใช่กระบวนการของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย’ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24/05/47--จบ--
-สส-