สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎรการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ฉบับที่ ๑๘

ข่าวการเมือง Tuesday May 25, 2004 15:23 —รัฐสภา

ฉบับที่ ๑๘ 
สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
เวลา ๑๔.๓๐ - ๑๕.๓๐ นาฬิกา
ต่อมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบ
ข้อกล่าวหากรณีการเพิ่มวงเงินประกันยื่นซองประกวดราคาที่ดินบริเวณตรงข้ามสถานทูตเกาหลี ติดถนนเทียมร่วมมิตร จาก ๑๐ ล้าน เป็น ๑๐๐ ล้านนั้น เพราะคณะกรรมการฯ เห็นว่าการซื้อทรัพย์สินราคาสูง แต่วงเงินประกันเพียง ๑๐ ล้าน น่าจะไม่สมเหตุสมผลเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สิน สำหรับประเด็นการขายก่อนการประกาศราคากลางที่ดินของกรมที่ดินและทำให้รัฐเสียประโยชน์นั้นได้มอบหมายให้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตอบชี้แจงแทนว่าการขายที่ดินแปลงนี้ก่อนการประกาศราคากลางของกรมที่ดิน ทำให้รัฐได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์ เนื่องจากหากรอขายหลังจากการประกาศราคากลางแล้วที่ดินแปลงนี้จะมีราคาลดลง เพราะตามประกาศใหม่ที่ดินแปลงนี้อยู่ในพื้นที่สีส้มไม่สามารถสร้างอาคารสูงได้
จากนั้นนายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บริหารราชการแผ่นดิน เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องในขณะที่เป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุนใน ๓ ประเด็น คือ
๑. การออกประกาศเก็บค่าธรรมเนียมการค้าเหล็กกล้า กับผู้นำเข้าเหล็กจากนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการผู้ค้าเหล็กไทยประเภทรีดร้อนและรีดเย็น แต่ก่อนการประกาศจะมีผลบังคับใช้ ได้มีการเพิ่มเติมประเภทเหล็กกล้ารีดเย็นไร้สนิม เข้าไปในประกาศนี้ด้วย ทำให้การนำเข้าเหล็กกล้ารีดเย็น ไร้สนิมจากต่างประเทศมีจำนวนน้อยลง แต่ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นต้องใช้เหล็กประเภทนี้ทำให้ต้องสั่งซื้อจากบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กประเภทนี้เพียงรายเดียวในประเทศไทย กรณีเช่นนี้เป็นการเจาะจงเอื้อประโยชน์กับบริษัทนี้
โดยตรง
๒. การต่ออายุประกาศการเก็บค่าธรรมเนียมและภาษีการนำเข้าเหล็กกล้าจาก
ต่างประเทศก่อนการบังคับใช้จะสิ้นสุดลง BOI ได้ออกประกาศ "มาตรการทุ่มตลาดและการอุดหนุนทางการค้า" ซึ่งเป็นการเก็บภาษีการนำเข้าเหล็กจากนักลงทุนต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และสหภาพยุโรป โดยประกาศฉบับแรกมีผลบังคับใช้ ๖ เดือน ฉบับที่ ๒ มีผลบังคับใช้ ๔ เดือน จากนั้นมีการต่ออายุอีก ๒ เดือน รวมเป็น ๑๒ เดือน ซึ่งการต่ออายุประกาศเช่นนี้ ทำให้บริษัทผู้ผลิตเหล็ก ของไทยรายนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า ๙ พันล้านบาท
๓. จากนั้นคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุนทางการค้า ได้ออกมาตรการการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กกล้ารีดเย็นไร้สนิมชนิดม้วนแผ่นและแผ่นแถบที่มาจากญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และสหภาพยุโรป ให้มีผลบังคับใช้ ๕ ปี นอกจากนี้ยังอนุมัติให้บริษัทผู้ผลิตเหล็กรายเดียวกันนี้ขึ้นราคาขายเหล็กกล้าภายในประเทศ รวมทั้งการขอให้รัฐขึ้นภาษีการนำเข้าเหล็กกล้า รีดเย็นไร้สนิม จากต่างประเทศโดยปรับจากอัตราร้อยละ ๕ เป็น ร้อยละ ๑๒ กรณีเช่นนี้ ชี้ให้เห็นถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้ผลิตเหล็กของไทยรายเดียวนี้อย่างชัดเจน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ