ฉบับที่ ๓๐ สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๖.๓๐ - ๑๘.๓๐ นาฬิกา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากบริหารราชการผิดพลาดล้มเหลว สร้างความเสียหายแตกแยก ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม และจริยธรรม รวมทั้งขัดหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นการทำลายระบบการปฏิรูปการศึกษาอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางจงใจใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญและบทบัญญัติของกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านการศึกษาหลายประการ ซึ่งนำไปสู่การทำลายระบบการปฏิรูปการศึกษาของชาติ อันเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่สมควรให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอีกต่อไป โดยได้อภิปรายว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมายและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้- ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติปี ๒๕๔๒ และเสนอให้คณะรัฐมนตรียกเลิกกฎกระทวงที่เกี่ยวกับการสรรหา และแต่งตั้งประธานกรรมการขององค์กรหลักในการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งยังไม่ดำเนินการเสนอรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะกรรมการอุดมศึกษา ซึ่งผ่านกระบวนการสรรหาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง - ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ โดยหลังจากได้ดำรงตำแหน่งแล้ว ได้เสนอร่างกฎหมายและกฎกระทรวง โดยไม่ปฏิบัติตามกระบวนการที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้- มีพฤติกรรมจงใจใช้อำนาจขัดต่อพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยชะลอการดำเนินการเลือกตั้งกรรมการคุรุสภาและคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และนำไปสู่การชะงักของกระบวนการพัฒนาครู- ใช้อำนาจการเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและอำนาจการเป็น รัฐมนตรี ในการสอบคัดเลือกผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะในระดับบริหาร อีกทั้งยังใช้อำนาจรัฐมนตรี ขัดกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๓ และมีการออกระเบียบคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) ซึ่งขัดกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังมีพฤติกรรมในการบริหารงานที่ถือว่าจงใจกระทำการขัดต่อกฎหมาย มีพฤติกรรมในการบริหารงานบกพร่อง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพมุ่งใช้อำนาจที่ขาดคุณธรรม และขาดจริยธรรม ดังนี้ - ไม่ขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาโดยองค์รวม- ใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการชั้นสูงอย่างไม่เป็นธรรม ข่มขู่ข้าราชการโดยตรง และโดยอ้อม - ยกเลิกและชะลอการสรรหา แต่งตั้งกรรมการองค์กรหลักในการบริหาร กระทรวงศึกษาธิการ มีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ในกระทรวงศึกษาธิการ- ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู รวมทั้งได้ทำการประเมินผู้ด้อย ประสิทธิภาพในการทำงานออกร้อยละ ๕ ด้วย - นำกระทรวงศึกษาธิการสู้ยุคมืด โดยการรวบรวมอำนาจในการสอบสวน และไม่มีการกระจายอำนาจลงสู่หน่วยงานทางการศึกษาและสถานศึกษาอย่างแท้จริง- ไม่สามารถทำให้การปลดเปลื้องหนี้สินครูมีความคืบหน้าและมีนโยบายไม่ให้ครูหักเงินเดือน ณที่จ่าย- ไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาภาคบังคับและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่สามารถจัดให้เด็กนักเรียนสามารถเรียนฟรี ๑๒ ปี ได้จริงและอย่างทั่วถึง - ไม่เข้าใจการรองรับมาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานการประเมินผลทางการศึกษา ทำลายระบบความเชื่อมั่นของวงการศึกษาไทย