ฉบับที่ ๓๔
สรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗
เวลา ๒๒.๓๐ นาฬิกา - เลิกประชุม
ต่อจากนั้น นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ได้มอบหมายให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวสรุปญัตติการเปิดอภิปรายทั่วไป
เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน ๘ คน ดังนี้
๑. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
- การบริหารราชการแผ่นดิน มีการกำหนดนโยบายผิดพลาด การแก้ไขปัญหา
สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ล้มเหลว ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
ใช้นโยบายในการแก้ไขปัญหาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน สั่งการให้ข้าราชการ
ปฏิบัติการสนองนโยบายของรัฐบาล โดยการอุ้มฆ่าประชาชน มีการปล้นปืน
ของค่ายทหาร บุกค้นมัสยิด รวมทั้งมีการยกเลิกศูนย์อำนวยการบริหาร
จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยกองกำลังผสมพลเรือนตำรวจ
ทหารที่ ๔๓ (พตท. ๔๓) ด้วย
- เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องในด้านธุรกิจดาวเทียม โดยมีการเดินทางไปเยือน
ประเทศจีนบ่อยครั้งเป็นพิเศษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ -๒๕๔๕ ซึ่งส่วนหนึ่งไป
เจรจาเรื่องธุรกิจดาวเทียมที่มีปัญหาเกี่ยวกับการโคจรของดาวเทียม
ระหว่างดาวเทียมไอพีสตาร์ของบริษัทในประเทศไทยกับดาวเทียมของจีน
และรองนายกรัฐมนตรียังได้อนุมัติให้บริษัทจีนได้รับสัมปทานในการต่อเรือ
ตรวจเรือไกลฝั่งให้กับประเทศไทย ซึ่งบริษัทจีนเคยต่อเรือให้กับประเทศไทย
มาแล้ว จำนวน ๖ ลำ แต่เรือที่ต่อให้นั้นมีปัญหาเกี่ยวกับระบบ
อำนวยการรบ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง
มากกว่าประเทศชาติ
๒. นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีประเด็นต่าง ๆ
ดังนี้
- เอื้อประโยชน์กับกลุ่มพ่อค้าบางกลุ่ม ไม่สนใจดูแลประชาชน ทำให้
สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง
- เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพวกพ้องในกรณีการขายข้าวนาปี ๔๓/๔๔
๔๔/๔๕ ข้าวนาปรัง ปี ๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ และ
การประมูลข้าวในโครงการรับจ้างนำข้าว
๓. นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไม่ไว้วางใจเพราะ
- เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจสื่อสาร โทรคมนาคมมากกว่าการรักษา
ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนในกรณีออกพระราชกำหนด
ภาษีสรรพสามิต ซึ่งมีผลทำให้บริษัทโทรศัพท์มือถือที่เป็นคู่สัญญากับ
องค์การโทรศัพท์ได้รับประโยชน์ ส่งผลให้องค์การโทรศัพท์เสียรายได้
เนื่องจากมีการแก้สัญญาระหว่างองค์การโทรศัพท์กับบริษัทโทรศัพท์
มือถือ ดังนี้
๑. แก้สัญญาการจ่ายค่าใช้โครงข่ายระหว่างองค์การโทรศัพท์กับ
บริษัทมือถือ ทำให้องค์การโทรศัพท์เสียประโยชน์มหาศาล
๒. แก้สัญญาลดการส่งรายได้ในส่วนบัตรเติมเงินของโทรศัพท์มือถือ
ที่จัดส่งผลประโยชน์ให้กับองค์การโทรศัพท์จาก ๒๕ %
เหลือ ๒๐ % ของรายได้ที่บริษัทได้รับ
๓. แก้สัญญาเรื่องบริการเสริม จากรายได้ของโทรศัพท์มือถือ
จากเดิม บริษัทต้องจ่ายให้องค์การโทรศัพท์ ๒๕ % ของรายได้
ก่อนหักค่าใช้จ่ายเป็น ๒๕ % หลังหักค่าใช้จ่าย ทำให้องค์การ
โทรศัพท์สูญเสียรายได้
๔. นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ไว้วางใจเพราะ
- การกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการของกระทรวงศึกษาธิการ
- การไร้ประสิทธิภาพ การควบคุม กำกับติดตามนโยบายการสอบเข้า
มหาวิทยาลัย (เอ็นทรานซ์)
- การสร้างความแตกแยกในหมู่ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา
๕. นายสุชาติ เชาว์วิศษฐ รองนายกรัฐมนตรี ในกรณีลดภาษีนำเข้าโทรศัพท์
มือถือจาก ๑๐ % เหลือ ๐ % ทำให้บริษัทมือถือรายใหญ่ได้รับผลประโยชน์
๖. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณี
- การนำเอาถนนรถไฟที่จังหวัดสระแก้วไปทำอาคารพาณิชย์
- การปล่อยปละละเลยให้มีการรุกล้ำแม่น้ำลำคลอง ระยะทางยาว ๓๕๐
เมตร ของจังหวัดฉะเชิงเทรา
- การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน
โดยบางโครงการไม่ใช้วิธีการประมูล แต่ใช้วิธีการพิเศษให้ได้รับการอนุมัติ
ให้ก่อสร้าง
- กรณีทางหลวงสายแหลมฉบังบรรจบทางหลวง ๓๓๑ ที่เอื้อประโยชน์ให้
กับบริษัทผู้ประมูลได้ โดยการชะลอเวลาการก่อสร้างถนนจนต้องให้มีการ
ประมูลใหม่ ทำให้มีค่าก่อสร้างสูงเพิ่มขึ้นถึง ๑๐๕ ล้านบาท ทำให้รัฐต้อง
เสียเงินงบประมาณเพิ่ม
- กรณีการสร้างถนนสายรัชดา -รามอินทรา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัดผ่าน
หมู่บ้านบางกอกบูเลอวาร์ดของบริษัทเอสซีแอสเซสของครอบครัว
นายกรัฐมนตรีที่กำลังสร้างบ้านจัดสรร ๒๒๒ แปลง มูลค่า ๒,๔๕๐
ล้านบาท
๗. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณี
- โครงการโซล่าโฮม ซึ่งเป็นโครงการเพื่อให้ประชาชนจำนวน ๓ แสนหลังคาเรือน มีไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใช้มูลค่าหลังละ ๒๕,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗,๖๓๑ ล้านบาท โดยมีการกำหนดคุณสมบัติเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง และมีผู้บริหารของบริษัทนี้เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในคณะรัฐบาล
- โครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ของการไฟฟ้าฯ มูลค่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอขอเปลี่ยนจากโครงการจัดซื้อเป็นการเช่า ซึ่งกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคให้บริษัทที่ประมูลได้ ซึ่งเป็นเครือญาติของนายกรัฐมนตรี
๘. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กรณีการขายที่ดินบริเวณใกล้สถานทูตเกาหลี ถนนเทียมร่วมมิตรในราคาถูก ให้กับเอกชน ซึ่งไม่มีการตรวจสอบทำให้รัฐเสียโอกาสในการได้รับเงินค่าธรรมเนียมที่ควรจะได้ ๑๔
ล้านบาท หากขายหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗
นอกจากนี้ ยังขายที่ดินแปลงนี้ในราคา ๗๗๒ ล้านบาท ซึ่งหากมีการขายหลัง
จากวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ รัฐจะได้รับประโยชน์และมีรายได้มากกว่าเดิม
เลิกประชุมเวลา ๐๐.๓๐ นาฬิกา