คำต่อคำ : นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้นำฝ่ายค้านฯ แถลงกรณีการอภิปรายฯ นอกสภา ผ่านช่องทางเว็บไซต์
ต้องขอเรียนท่านทั้งหลายว่าการตัดสินใจของพรรคปชป.ในวันนี้ ความจริงต้องถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงพอสมควร นั้นก็หมายถึงว่าถ้าใครไม่ได้ติดตาม ความพยายามในการประสานกับคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล ในการตกลง แบ่งเวลาในการอภิปรายรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลครั้งนี้ว่า อาจจะทำให้เข้าใจได้ว่าพรรคปชป.ตีร่วน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลยครับ ผมเรียนท่านทั้งหลายไว้ตรงนี้ได้เลยครับ เราได้ใช้ความอดทนกันมายาวนานพอสมควรแล้ว จะเรียกว่าวันนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย ซึงสืบเนื่องมาจากการจำกัดกรอบ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งที่แล้ว ก็เห็นจะกล่าวได้ครับ ซึ่งครั้งที่แล้วก็คงทราบกันแล้วนะครับว่า อภิปรายรัฐมนตรีในพฤติกรรมอันๆไม่ควรแก้การจะไว้งวางใจย้อนหลังไปเมื่อ 6- 7 เดือนที่แล้วก็ทำไม่ได้ รัฐมนตรีจะใช้คนอื่นชี้แจงแทนก็ทำได้ แถมในเวลาที่ฝ่ายค้านทำท่าจะนำเสนอข้อมูล ที่ชัดเจน เป็นอันตรายต่อรัฐมนตรีก็ประท้วงกันให้วุ่นเสียหมด แต่เมื่อคราวนั้นผมคิดว่าพวกเราทุกคนได้ใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถที่จะฟันฝ่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาได้ด้วยความเรียบร้อย ก็คิดว่าจะจบเพียงแค่นั้นยังไม่จบครับ มาคราวนี้เอาอีก คราวนี้ที่ทำให้เรามีความรู้สึกถูกดดันมากเป็นพิเศษก็คือ ท่านทั้งหลายจะต้องเข้าใจว่าการเสนอการดำเนินงานของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายพื้นฐานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ รัฐบาลนี้บริหารบ้านเมืองมาแล้ว 3 ปีครับ 2 ปีที่แล้วท่านก็นำรายงานผลงานดังกล่าวนี้ มารายงานรัฐสภา คือแยกกันรายงานวุฒิสภาครั้งหนึ่ง และก็ได้รายงานสภาผู้แทนราษฎรครั้งหนึ่ง การรายงานทั้ง 2 ครั้งเรียบร้อยครับ เพราะดูว่ารัฐบาลจะยอมรับสิทธิของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อรัฐธรรมนูญถือว่านโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายพื้นฐานที่สำคัญ รัฐบาลจะต้องทำแล้ว มาแถลงต่อสภา สภาก็มีสิทธิจะไล่เรียงสักถาม วิพากษ์วิจารณ์ในส่วนที่ไม่เห็นว่าเหมาะสม หรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน ซึ่งแน่นอนครับผมคิดว่าภารกิจดังกล่าวนี้ต้องเป็นภารกิจของสมาชิกฝ่ายค้านเป็นหลัก เพราะจะให้สมาชิกของฝ่ายรัฐบาลเองขึ้นมาทำหน้าที่ซักไซร้ไล่เรียงกันหนักๆ วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ไม่ครบถ้วน ยอมจะเป็นเรื่องเปลี่ยนไปไม่ได้ ทำได้ก็อย่างมากแค่แสดงความชื่นชม สนับสนุนส่งเสริม ซึ่งผมเข้าใจว่า เหล่านี้ก็คือบรรยากาศของการประชุมสภาฯวันนี้ หลังจากพวกเราออกมาแล้ว เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำมาแล้ว 2 ปีเรียบร้อยไม่มีปัญหาครับ เวลาครึ่งหนึ่งเป็นของรัฐบาล เวลาครึ่งหนึ่งให้กับฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วก็ผ่านพ้นมาด้วยความเรียบร้อย แต่ว่าคราวนี้มาแปลกครับ อาจจะระแวงมากเกินไปว่าฝ่ายค้านอย่างพวกเราฉวยโอกาสใช้เวทีเหล่านี้ ลากไส้ท่านรัฐมนตรีเหมือนกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในทางปฏิบัติคงทำอย่างนั้นไม่ได้กันอยู่แล้ว
อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นเรื่อง ความไม่เหมาะสม ส่วนตัวจริงๆ เป็นเรื่องการปฏิบัติเฉพาะตนจริงๆ แต่ว่าการอภิปรายผลการดำเนินงานตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดนั้นเป็นเรื่องการกระทำโดยรวมมากกว่าเรื่องตัวบุคคล ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง 2 หนที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นกันอยู่แล้วว่า เราก็ทำได้เรียบร้อย แยกภารกิจกันได้ แต่ว่าคราวนี้ครับคิดว่าอาจจะด้วยความระแวงแคงใจอย่างที่ว่าครับ บรรยากาศของการเจรจา 2 -3 วันที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศของการเจรจาที่มุ่งจะเอารัดเอาเปรียบพวกเราอยู่ตลอดเวลา มีความพยายามในการยืนยันหลักเกณฑ์ว่า ต้องเอาสัดส่วนของสมาชิกสภาฯในแต่ละพรรคมาเป็นตัวตั้ง ต้องแยกสมาชิกสภาฯฝ่ายรัฐบาลออกจากรัฐมนตรี เพราะเป็นคนละส่วน ซึ่งความจริงไม่ใช่ครับ เพราะว่ารัฐมนตรีกับสมาชิกสภาฯในทางปฏิบัตินั้นเขาประชุมพรรคกันอยู่ตลอดเวลา เขาซักไซร้ไล่เรียงกันได้ทั้งนั้นครับ แต่ว่าทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปก็เป็นความพยายามที่จะจำกัดเวลาของการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งพวกเราคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะทำงานให้สมกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญครับ คือการทำหน้าที่ในการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายถึงความล้มเหลว อภิปรายถึงความไม่ครบถ้วนจากการดำเนินของรัฐบาลในนโยบายขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายจุดครับ ผมก็ต้องถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อสมาชิกสภาฯของพรรคด้วยนะครับ ที่อุตสาห์ข่มตาหลับขับตานอนเตรียมการมาอย่างดีครับ วันนี้หลายคนก็พยายามหอบแผนภูมิ แผ่นชาร์ตอะไรๆไปเยอะแยะครับ ซึ่งกระผมก็บอกไว้แล้วว่าคงลำบากมั้ง เพราะว่าบรรดานักประท้วงทั้งหลายก็ดูจะตั้งป้อมที่จะประท้วงอยู่ เห็นว่าคราวที่แล้วก็ได้รับความสำเร็จพอสมควรว่ากันอย่างนั้น แต่ว่าอย่างไรก็ตั้งใจครับท่านทั้งหลายครับ แต่เมื่อท้ายที่สุดปรากฏข้อเท้จจริงว่าเขายังมุ่งที่จะเอารัดเอาเปรียบพวกเรามากเหลือเกินครับ ท่านประธานสภาฯที่ทำหน้าที่เป็นประธานเป็นคนเป็นกลางไม่สามารถที่จะช่วยทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ขงอการทำหน้ที่ของฝ่ายค้านได้อย่างเต็มที่ นั้นก็คือเท่ากับไม่รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นเมื่อเราไม่อยู่ในวิสัยที่สามารถจะทำหน้าที่อย่างนี้ได้อย่างครบถ้วน ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดครับ ก็ต้องแสดงการประท้วงซึ่งเป็นสิทธิของฝ่ายข้างน้อยที่มีอยู่ในสภาฯ ที่สามารถจะทำได้ อย่างน้อยก็เป็นการทำความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ ต่อสายตาของพวกเขาเอง ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ครับ แต่ว่าอย่างน้อยก็เป็นการฟ้องประชาชน ซึ่งดูจะมีความตั้งอกตั้งใจที่จะฟังการอภิปรายของเราในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ตามสมควร
ผมก็ต้องขอถือโอกาสนี้กราบขอประทานโทษพี่น้องประชาชนเหล่านั้นไว้นะโอกาสนี้ด้วยเช่นเดียวกันครับ ว่าพวกเราก็เสียใจที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้น คือไม่อยู่ในฐานที่จะร่วมอภิปรายตามที่พวกเราตั้งใจเอาไว้ได้ เพราะนั้นก็เท่ากับเป็นการเดินตามเกมที่เขาวางกันเอาไว้ในการบีบคั่นพวกเราทุกอย่างทุกประการครับ เฉพาะในส่วนของข้อมูลที่เตรียมกันเอาไว้ก็เตรียมกันว่าในส่วนไหนสามารถจะนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ได้ เพราะว่าบางส่วนก็อาจจะเอามาผ่านเว็บไซต์ไม่ได้ครับ เพราะการพูดในสภาฯซึ่งก็เป้นความจริงครับ แต่ว่าความจริงที่ว่านี้ก็อาจจะมีปัญหาได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดในสภาฯเราก็มีเอกสิทธิ์คุ้มกันสำหรับคนที่เราจะต่อว่าต่อขานกันตรงนั้น แต่ว่าสำหรับบุคคลภายนอก ซึ่งเราอาจจะพาดพิงถึงในเวลาที่ผ่านมาเราก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างทุกประการ ก็วันนี้เราต้องขออภัยท่านทั้งหลายทุกคนครับที่เราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ให้ครบถ้วนอย่างที่เราตั้งใจได้ เราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่อย่างที่ท่านทั้งหลายอาจจะตั้งความหวังไว้พอสมควร แต่ว่าเราก็ไม่ทราบว่าเราจะทำอย่างไร ก็ขอให้ได้เข้าใจกันว่าเหล่านี้คือการแสดงออกของฝ่ายค้านในการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่อยู่ในวิสัยที่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนได้เราก็ต้องแสดงออกให้เห็นต้องทำให้ปรากฎกับ
บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าฝ่ายข้างมากเหล่านั้น จะได้เข้าใจเสียทีว่าการใช้ฝ่ายข้างมาก ที่ปราศจากเหตุผลโดยการบีบบังคับเสียงข้างน้อยอย่างพวกเรานั้น ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ท่านทั้งหลายจะทำได้ง่ายขนาดนั้น จึงถือโอกาสนี้เรียนให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบโดยทั่วกันในส่วนของการปฏิบัติภาระกิจ ส่วนอื่นเราก็ยังทำตามปกติธรรมดาครับ ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ครับ นั่นก็หมายถึงว่าเมื่อเสร็จวาระของการแถลงผลงานตามรัฐธรรมนูญนี้แล้ว เราก็จะเข้าประชุมในวาระอื่นๆ พวกเราก็เป็นอย่างนี้ละครับขอให้ได้ทำหน้าที่ อย่างการอภิปรายครั้งที่แล้วได้ทราบว่ารัฐมนตรีหลายคนได้เป็นเดือดเป็นร้อน เราก็ได้แต่บอกให้เข้าใจว่าเป็นการทำหน้าที่
เรื่องต่างๆผมคิดว่าเป็นการกล่าวหาแน่นอนครับ เพราะว่าเขาก็ถนัดเรื่องการกล่าวหาอยู่แล้ว แต่ว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นหรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าเราประสงค์จะใช้เวทีในสภาให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ใช่ระยะเวลาที่เขากำหนดให้เหลือน้อยที่สุดจนเราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ต่อไปได้
กราบเรียนให้ทราบว่าสมาชิกของเราหลายคนได้รุกขึ้นประท้วงท่านประธานเป็นอันมากที่ไม่วินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อนก่อนการอภิปราย คือพวกเราหลายคนจำเป็นต้องรุกขึ้นทำหน้าที่เช่นนั้น ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าท่านประธานดำเนินการการประชุมต่อไป โดยไม่วินิจฉัยปัญหาชี้ขาดในเรื่องระยะเวลาให้ชัดเจน ผลที่มันเกิดขึ้นในสภาผู้แทนฯ ก็คือผลที่สมาชิกสภาผู้แทนฯฝ่ายรัฐบาลต้องการกันอยู่แล้ว เขาจะได้อภิปรายมาก แล้วก็จะเหลือเวลาให้พวกเราอภิปรายน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ตกลงก็เท่ากับเป็นไปตามที่เขาต้องการ
ความจำเป็นที่จะต้องตกลงกันก่อนให้ชัดเจนจึงเป็นเรื่องจำเป็น นี่ก็เป็นเหตุผลที่คนของเราหลายคนลุกขึ้นประท้วง ก็อยากถือโอกาสเรียนให้ทราบไว้ด้วยเช่นกัน คือมันมีอะไรผิดปกติหลายอย่าง ผมคิดว่าอันแรกที่สุดก็คือว่าทุกครั้งในเวลาที่มีการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล หลังจากเปิดประชุมแล้วถ้าไม่มีปัญหาหรือประธานจะดำเนินการต่อไป ท่านายกฯจะต้องรุกขึ้นอภิปรายก่อน แล้วหลังจากนั้นผมเองในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องรุกขึ้นเป็นคนที่ 2 ก่อนที่จะมีการอภิปรายทั่วๆไป เพราะฉะนั้นเมื่อเข้ามาท่านนายกฯ ไม่รุกขึ้นอภิปรายก็เป็นเรื่องแปลก ประการที่ 2ทุกครั้งที่ผ่านมาเราจะพบความจริงว่ามีกรณีเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนฯ ท่านประธานต้องวินิจฉัย จะวินิจฉัยด้วยตัวเอง ซึ่งคราวที่แล้วผมก็เห็นท่านประธานหลายคนอ้างข้อบังคับเกี่ยวกับการวินิจฉัยของท่านประธานเป็นเด็ดขาดเถียงไม่ได้ แต่ว่าครั้งนี้ไม่เห็นว่ามีใครวินิจฉัย และท้ายสุดก็วินิจฉัยด้วยมติที่ปรากฎกันออกมาซึ่งเป็นการแสดงความบีบคั้นฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก อย่างที่ได้เรียนท่านทั้งหลายไว้แล้วในเบื้องต้น เราจึงไม่อยู่ในฐานที่ร่วมรับฟังการเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาลได้ ก็เลยต้องกลับมานั่งแถลงที่พรรคอย่างนี้ละครับ
ผมคิดว่าแน่นอนครับว่าในส่วนรัฐบาลก็อย่างที่สื่อมวลชนคาดไว้ก็คือว่าคงจะต้องมีการตำหนิติเตือน วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเวลาให้ใช้มายอมใช้ ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติการข้อบังคับ ก็เห็นออกมาเรียกร้องความสามัคคีกันเป็นอันมาก แต่ว่าต้องเขาใจว่าความสามัคคีที่เหยียบอยู่บนหัวของคนอื่น เป็นความสามัคคีที่ไม่มีใครยอมรับได้หรอกครับ
เราหวังว่าประชาชนจะเข้าใจครับนี่คือสิ่งที่เรากังวล และจะพยายามทำความเข้าใจ เราก็คงจะมีการอธิบายความให้เข้าใจ แต่ว่าหากมีการติดตามกันตลอด ไม่ว่าข่าวทางด้านหนังสือพิมพ์ ว่ามีการปรับปรุงด้านวันเวลา ระยะเวลา กันไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าต้องเอาอย่างนั้น ฝ่ายค้านบอกว่าเอาอย่างเก่า เพราะทำกันมาก็เรียบร้อยดี ผมคิดว่าถ้าใครที่ตามเรื่องนี้มาโดยตลอด เข้าใจ น่าจะวิงวอนตรงนี้ก็คือท่านที่เข้าใจแล้ว ช่วยอธิบายความเข้าใจดังกล่าวนี้ ให้คนที่ไม่เข้าใจได้เข้าใจด้วย ผมคิดว่านี่คือภาระกิจของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน
คำถามจากสื่อมวลชน : จะทำให้ความนิยมของพรรคลดลงหรือไม่ เพราะจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจคนเริ่มเชื่อแล้ว
เป็นเรื่องเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับคนที่ไม่ติดตาม ซึ่งผมก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการตัดสินใจของพวกเราในสภาฯ วันนี้เป็นการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยง แต่ว่าจำเป็นต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก เพราะว่าการเดินตามเกมที่เขากำหนดไว้ทุกอย่าง ก็เป็นเรื่องที่เราไม่บังควรจะกระทำเหมือนกัน .. ขอบคุณท่านสื่อมวลชนครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 พ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ต้องขอเรียนท่านทั้งหลายว่าการตัดสินใจของพรรคปชป.ในวันนี้ ความจริงต้องถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงพอสมควร นั้นก็หมายถึงว่าถ้าใครไม่ได้ติดตาม ความพยายามในการประสานกับคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล ในการตกลง แบ่งเวลาในการอภิปรายรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลครั้งนี้ว่า อาจจะทำให้เข้าใจได้ว่าพรรคปชป.ตีร่วน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลยครับ ผมเรียนท่านทั้งหลายไว้ตรงนี้ได้เลยครับ เราได้ใช้ความอดทนกันมายาวนานพอสมควรแล้ว จะเรียกว่าวันนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย ซึงสืบเนื่องมาจากการจำกัดกรอบ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งที่แล้ว ก็เห็นจะกล่าวได้ครับ ซึ่งครั้งที่แล้วก็คงทราบกันแล้วนะครับว่า อภิปรายรัฐมนตรีในพฤติกรรมอันๆไม่ควรแก้การจะไว้งวางใจย้อนหลังไปเมื่อ 6- 7 เดือนที่แล้วก็ทำไม่ได้ รัฐมนตรีจะใช้คนอื่นชี้แจงแทนก็ทำได้ แถมในเวลาที่ฝ่ายค้านทำท่าจะนำเสนอข้อมูล ที่ชัดเจน เป็นอันตรายต่อรัฐมนตรีก็ประท้วงกันให้วุ่นเสียหมด แต่เมื่อคราวนั้นผมคิดว่าพวกเราทุกคนได้ใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถที่จะฟันฝ่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาได้ด้วยความเรียบร้อย ก็คิดว่าจะจบเพียงแค่นั้นยังไม่จบครับ มาคราวนี้เอาอีก คราวนี้ที่ทำให้เรามีความรู้สึกถูกดดันมากเป็นพิเศษก็คือ ท่านทั้งหลายจะต้องเข้าใจว่าการเสนอการดำเนินงานของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายพื้นฐานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ รัฐบาลนี้บริหารบ้านเมืองมาแล้ว 3 ปีครับ 2 ปีที่แล้วท่านก็นำรายงานผลงานดังกล่าวนี้ มารายงานรัฐสภา คือแยกกันรายงานวุฒิสภาครั้งหนึ่ง และก็ได้รายงานสภาผู้แทนราษฎรครั้งหนึ่ง การรายงานทั้ง 2 ครั้งเรียบร้อยครับ เพราะดูว่ารัฐบาลจะยอมรับสิทธิของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อรัฐธรรมนูญถือว่านโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายพื้นฐานที่สำคัญ รัฐบาลจะต้องทำแล้ว มาแถลงต่อสภา สภาก็มีสิทธิจะไล่เรียงสักถาม วิพากษ์วิจารณ์ในส่วนที่ไม่เห็นว่าเหมาะสม หรือปฏิบัติไม่ครบถ้วน ซึ่งแน่นอนครับผมคิดว่าภารกิจดังกล่าวนี้ต้องเป็นภารกิจของสมาชิกฝ่ายค้านเป็นหลัก เพราะจะให้สมาชิกของฝ่ายรัฐบาลเองขึ้นมาทำหน้าที่ซักไซร้ไล่เรียงกันหนักๆ วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ไม่ครบถ้วน ยอมจะเป็นเรื่องเปลี่ยนไปไม่ได้ ทำได้ก็อย่างมากแค่แสดงความชื่นชม สนับสนุนส่งเสริม ซึ่งผมเข้าใจว่า เหล่านี้ก็คือบรรยากาศของการประชุมสภาฯวันนี้ หลังจากพวกเราออกมาแล้ว เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำมาแล้ว 2 ปีเรียบร้อยไม่มีปัญหาครับ เวลาครึ่งหนึ่งเป็นของรัฐบาล เวลาครึ่งหนึ่งให้กับฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วก็ผ่านพ้นมาด้วยความเรียบร้อย แต่ว่าคราวนี้มาแปลกครับ อาจจะระแวงมากเกินไปว่าฝ่ายค้านอย่างพวกเราฉวยโอกาสใช้เวทีเหล่านี้ ลากไส้ท่านรัฐมนตรีเหมือนกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งในทางปฏิบัติคงทำอย่างนั้นไม่ได้กันอยู่แล้ว
อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นเรื่อง ความไม่เหมาะสม ส่วนตัวจริงๆ เป็นเรื่องการปฏิบัติเฉพาะตนจริงๆ แต่ว่าการอภิปรายผลการดำเนินงานตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดนั้นเป็นเรื่องการกระทำโดยรวมมากกว่าเรื่องตัวบุคคล ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง 2 หนที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นกันอยู่แล้วว่า เราก็ทำได้เรียบร้อย แยกภารกิจกันได้ แต่ว่าคราวนี้ครับคิดว่าอาจจะด้วยความระแวงแคงใจอย่างที่ว่าครับ บรรยากาศของการเจรจา 2 -3 วันที่ผ่านมา เป็นบรรยากาศของการเจรจาที่มุ่งจะเอารัดเอาเปรียบพวกเราอยู่ตลอดเวลา มีความพยายามในการยืนยันหลักเกณฑ์ว่า ต้องเอาสัดส่วนของสมาชิกสภาฯในแต่ละพรรคมาเป็นตัวตั้ง ต้องแยกสมาชิกสภาฯฝ่ายรัฐบาลออกจากรัฐมนตรี เพราะเป็นคนละส่วน ซึ่งความจริงไม่ใช่ครับ เพราะว่ารัฐมนตรีกับสมาชิกสภาฯในทางปฏิบัตินั้นเขาประชุมพรรคกันอยู่ตลอดเวลา เขาซักไซร้ไล่เรียงกันได้ทั้งนั้นครับ แต่ว่าทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปก็เป็นความพยายามที่จะจำกัดเวลาของการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งพวกเราคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะทำงานให้สมกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญครับ คือการทำหน้าที่ในการวิพากษ์วิจารณ์อภิปรายถึงความล้มเหลว อภิปรายถึงความไม่ครบถ้วนจากการดำเนินของรัฐบาลในนโยบายขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีอยู่มากมายหลายจุดครับ ผมก็ต้องถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อสมาชิกสภาฯของพรรคด้วยนะครับ ที่อุตสาห์ข่มตาหลับขับตานอนเตรียมการมาอย่างดีครับ วันนี้หลายคนก็พยายามหอบแผนภูมิ แผ่นชาร์ตอะไรๆไปเยอะแยะครับ ซึ่งกระผมก็บอกไว้แล้วว่าคงลำบากมั้ง เพราะว่าบรรดานักประท้วงทั้งหลายก็ดูจะตั้งป้อมที่จะประท้วงอยู่ เห็นว่าคราวที่แล้วก็ได้รับความสำเร็จพอสมควรว่ากันอย่างนั้น แต่ว่าอย่างไรก็ตั้งใจครับท่านทั้งหลายครับ แต่เมื่อท้ายที่สุดปรากฏข้อเท้จจริงว่าเขายังมุ่งที่จะเอารัดเอาเปรียบพวกเรามากเหลือเกินครับ ท่านประธานสภาฯที่ทำหน้าที่เป็นประธานเป็นคนเป็นกลางไม่สามารถที่จะช่วยทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ขงอการทำหน้ที่ของฝ่ายค้านได้อย่างเต็มที่ นั้นก็คือเท่ากับไม่รักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นเมื่อเราไม่อยู่ในวิสัยที่สามารถจะทำหน้าที่อย่างนี้ได้อย่างครบถ้วน ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดครับ ก็ต้องแสดงการประท้วงซึ่งเป็นสิทธิของฝ่ายข้างน้อยที่มีอยู่ในสภาฯ ที่สามารถจะทำได้ อย่างน้อยก็เป็นการทำความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ ต่อสายตาของพวกเขาเอง ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ครับ แต่ว่าอย่างน้อยก็เป็นการฟ้องประชาชน ซึ่งดูจะมีความตั้งอกตั้งใจที่จะฟังการอภิปรายของเราในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ตามสมควร
ผมก็ต้องขอถือโอกาสนี้กราบขอประทานโทษพี่น้องประชาชนเหล่านั้นไว้นะโอกาสนี้ด้วยเช่นเดียวกันครับ ว่าพวกเราก็เสียใจที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้น คือไม่อยู่ในฐานที่จะร่วมอภิปรายตามที่พวกเราตั้งใจเอาไว้ได้ เพราะนั้นก็เท่ากับเป็นการเดินตามเกมที่เขาวางกันเอาไว้ในการบีบคั่นพวกเราทุกอย่างทุกประการครับ เฉพาะในส่วนของข้อมูลที่เตรียมกันเอาไว้ก็เตรียมกันว่าในส่วนไหนสามารถจะนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ได้ เพราะว่าบางส่วนก็อาจจะเอามาผ่านเว็บไซต์ไม่ได้ครับ เพราะการพูดในสภาฯซึ่งก็เป้นความจริงครับ แต่ว่าความจริงที่ว่านี้ก็อาจจะมีปัญหาได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดในสภาฯเราก็มีเอกสิทธิ์คุ้มกันสำหรับคนที่เราจะต่อว่าต่อขานกันตรงนั้น แต่ว่าสำหรับบุคคลภายนอก ซึ่งเราอาจจะพาดพิงถึงในเวลาที่ผ่านมาเราก็พร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างทุกประการ ก็วันนี้เราต้องขออภัยท่านทั้งหลายทุกคนครับที่เราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ให้ครบถ้วนอย่างที่เราตั้งใจได้ เราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่อย่างที่ท่านทั้งหลายอาจจะตั้งความหวังไว้พอสมควร แต่ว่าเราก็ไม่ทราบว่าเราจะทำอย่างไร ก็ขอให้ได้เข้าใจกันว่าเหล่านี้คือการแสดงออกของฝ่ายค้านในการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่อยู่ในวิสัยที่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนได้เราก็ต้องแสดงออกให้เห็นต้องทำให้ปรากฎกับ
บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าฝ่ายข้างมากเหล่านั้น จะได้เข้าใจเสียทีว่าการใช้ฝ่ายข้างมาก ที่ปราศจากเหตุผลโดยการบีบบังคับเสียงข้างน้อยอย่างพวกเรานั้น ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่ท่านทั้งหลายจะทำได้ง่ายขนาดนั้น จึงถือโอกาสนี้เรียนให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบโดยทั่วกันในส่วนของการปฏิบัติภาระกิจ ส่วนอื่นเราก็ยังทำตามปกติธรรมดาครับ ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ครับ นั่นก็หมายถึงว่าเมื่อเสร็จวาระของการแถลงผลงานตามรัฐธรรมนูญนี้แล้ว เราก็จะเข้าประชุมในวาระอื่นๆ พวกเราก็เป็นอย่างนี้ละครับขอให้ได้ทำหน้าที่ อย่างการอภิปรายครั้งที่แล้วได้ทราบว่ารัฐมนตรีหลายคนได้เป็นเดือดเป็นร้อน เราก็ได้แต่บอกให้เข้าใจว่าเป็นการทำหน้าที่
เรื่องต่างๆผมคิดว่าเป็นการกล่าวหาแน่นอนครับ เพราะว่าเขาก็ถนัดเรื่องการกล่าวหาอยู่แล้ว แต่ว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นหรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าเราประสงค์จะใช้เวทีในสภาให้เป็นประโยชน์ แต่ไม่ใช่ระยะเวลาที่เขากำหนดให้เหลือน้อยที่สุดจนเราไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ต่อไปได้
กราบเรียนให้ทราบว่าสมาชิกของเราหลายคนได้รุกขึ้นประท้วงท่านประธานเป็นอันมากที่ไม่วินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อนก่อนการอภิปราย คือพวกเราหลายคนจำเป็นต้องรุกขึ้นทำหน้าที่เช่นนั้น ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าท่านประธานดำเนินการการประชุมต่อไป โดยไม่วินิจฉัยปัญหาชี้ขาดในเรื่องระยะเวลาให้ชัดเจน ผลที่มันเกิดขึ้นในสภาผู้แทนฯ ก็คือผลที่สมาชิกสภาผู้แทนฯฝ่ายรัฐบาลต้องการกันอยู่แล้ว เขาจะได้อภิปรายมาก แล้วก็จะเหลือเวลาให้พวกเราอภิปรายน้อย เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ตกลงก็เท่ากับเป็นไปตามที่เขาต้องการ
ความจำเป็นที่จะต้องตกลงกันก่อนให้ชัดเจนจึงเป็นเรื่องจำเป็น นี่ก็เป็นเหตุผลที่คนของเราหลายคนลุกขึ้นประท้วง ก็อยากถือโอกาสเรียนให้ทราบไว้ด้วยเช่นกัน คือมันมีอะไรผิดปกติหลายอย่าง ผมคิดว่าอันแรกที่สุดก็คือว่าทุกครั้งในเวลาที่มีการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล หลังจากเปิดประชุมแล้วถ้าไม่มีปัญหาหรือประธานจะดำเนินการต่อไป ท่านายกฯจะต้องรุกขึ้นอภิปรายก่อน แล้วหลังจากนั้นผมเองในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องรุกขึ้นเป็นคนที่ 2 ก่อนที่จะมีการอภิปรายทั่วๆไป เพราะฉะนั้นเมื่อเข้ามาท่านนายกฯ ไม่รุกขึ้นอภิปรายก็เป็นเรื่องแปลก ประการที่ 2ทุกครั้งที่ผ่านมาเราจะพบความจริงว่ามีกรณีเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้นในการประชุมสภาผู้แทนฯ ท่านประธานต้องวินิจฉัย จะวินิจฉัยด้วยตัวเอง ซึ่งคราวที่แล้วผมก็เห็นท่านประธานหลายคนอ้างข้อบังคับเกี่ยวกับการวินิจฉัยของท่านประธานเป็นเด็ดขาดเถียงไม่ได้ แต่ว่าครั้งนี้ไม่เห็นว่ามีใครวินิจฉัย และท้ายสุดก็วินิจฉัยด้วยมติที่ปรากฎกันออกมาซึ่งเป็นการแสดงความบีบคั้นฝ่ายค้านเป็นอย่างมาก อย่างที่ได้เรียนท่านทั้งหลายไว้แล้วในเบื้องต้น เราจึงไม่อยู่ในฐานที่ร่วมรับฟังการเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาลได้ ก็เลยต้องกลับมานั่งแถลงที่พรรคอย่างนี้ละครับ
ผมคิดว่าแน่นอนครับว่าในส่วนรัฐบาลก็อย่างที่สื่อมวลชนคาดไว้ก็คือว่าคงจะต้องมีการตำหนิติเตือน วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเวลาให้ใช้มายอมใช้ ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติการข้อบังคับ ก็เห็นออกมาเรียกร้องความสามัคคีกันเป็นอันมาก แต่ว่าต้องเขาใจว่าความสามัคคีที่เหยียบอยู่บนหัวของคนอื่น เป็นความสามัคคีที่ไม่มีใครยอมรับได้หรอกครับ
เราหวังว่าประชาชนจะเข้าใจครับนี่คือสิ่งที่เรากังวล และจะพยายามทำความเข้าใจ เราก็คงจะมีการอธิบายความให้เข้าใจ แต่ว่าหากมีการติดตามกันตลอด ไม่ว่าข่าวทางด้านหนังสือพิมพ์ ว่ามีการปรับปรุงด้านวันเวลา ระยะเวลา กันไม่ได้ ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าต้องเอาอย่างนั้น ฝ่ายค้านบอกว่าเอาอย่างเก่า เพราะทำกันมาก็เรียบร้อยดี ผมคิดว่าถ้าใครที่ตามเรื่องนี้มาโดยตลอด เข้าใจ น่าจะวิงวอนตรงนี้ก็คือท่านที่เข้าใจแล้ว ช่วยอธิบายความเข้าใจดังกล่าวนี้ ให้คนที่ไม่เข้าใจได้เข้าใจด้วย ผมคิดว่านี่คือภาระกิจของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน
คำถามจากสื่อมวลชน : จะทำให้ความนิยมของพรรคลดลงหรือไม่ เพราะจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจคนเริ่มเชื่อแล้ว
เป็นเรื่องเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับคนที่ไม่ติดตาม ซึ่งผมก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการตัดสินใจของพวกเราในสภาฯ วันนี้เป็นการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยง แต่ว่าจำเป็นต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก เพราะว่าการเดินตามเกมที่เขากำหนดไว้ทุกอย่าง ก็เป็นเรื่องที่เราไม่บังควรจะกระทำเหมือนกัน .. ขอบคุณท่านสื่อมวลชนครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 พ.ค. 2547--จบ--
-ดท-