บัญญัติ’ ชี้ 4 จุดตกต่ำของรัฐบาล
ในวันนี้ (29 พ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการสัมมนาผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งและทนายความ ภาคกลาง-กรุงเทพฯ ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาว่า สิ่งที่ตนวิเคราะห์ไว้ว่ารัฐบาลจะยุบสภาก่อนครบวาระ และยิ่งรัฐบาลอยู่นานไปคะแนนเสียงก็จะลดน้อยถอยลงนั้น ก็ดูจะเป็นความจริงมากขึ้น เพราะตั้งแต่ปลายปี 2546 เป็นต้นมารัฐบาลได้ประสบกับความรุมเร้าของปัญหาและสถานการณ์ต่างๆเป็นอย่างมากทั้งการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปัญหาการปฏิรูปการศึกษา ปัญหาข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ของรัฐบาลที่ไม่ประสบผลสำเร็จอีกทั้งหลายเรื่องก็เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาลเองทั้งสิ้น จนสื่อมวลชนขนานนามให้ว่าเป็นรัฐบาลขาลง
‘ภาวะขาลงของรัฐบาลยังมีอยู่เรื่อยๆ รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและการแถลงผลงานรัฐบาลเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วจะส่งผลให้ภาวะขาลงของรัฐบาลนี้ดูจะลงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งภาวะการที่เป็นอยู่ในขณะนี้ถ้ายืมคำพูดของนายกฯมาใช้ก็คงจะกล่าวได้ว่า เป็นภาวะของของหล่นทับหัวแม่ตีน’ นายบัญญัติ กล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายค้านได้สะท้อนให้เห็นชัดเจนที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ผ่านมาคือการเอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง จนต้องใช้สุภาษิตคำพังเพยว่า รัฐบาลครึ่งหนึ่ง ประเทศครึ่งหนึ่ง และนอกจากนี้ในการแถลงผลงานรัฐบาลเมื่อวันที่ 26-27 พ.ค.ที่ผ่านมารัฐบาลยังได้เล่นเกมการเมืองโดยการเลื่อนการแถลงผลงานมาไว้หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งยังมีการตั้งแง่และเงื่อนไขในเรื่องเวลาทำให้ฝ่ายค้านไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ประท้วงด้วยการไม่ร่วมอภิปรายผลงานรัฐบาล แต่ด้วยหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบจึงได้มีการอภิปรายผ่านทางเว็ปไซน์ของพรรคซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก และได้ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นคือ นายกฯได้ยอมรับว่าอาจจะมีการปรับครม.เกิดขึ้นในเร็วๆนี้
นายบัญญัติ กล่าวว่า มี 4 องค์ประกอบที่ทำให้รัฐบาลตกต่ำคือ 1.ความล้มเหลวของนโยบายประชานิยมที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ก่อหนี้ให้กับประชาชนและประเทศชาติ 2.ความเป็นอำนาจนิยมของรัฐบาล เชื่อมั่นในนโยบายรวมศูนย์อำนาจ การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป 3.การบริหารงานโดยใช้ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ มีการแต่งตั้งพวกพ้องของตนเข้าไปอยู่ในวงราชการ จึงส่งผลให้การปราบปรามทุจริตไม่ประสบผลสำเร็จ 4.ซ่อนเร้น ปกปิด บิดเบือนและมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยจะเห็นได้จากการจัดหุ้นของปตท.ที่มีคนในรัฐบาลและใกล้ชิดรัฐบาลเข้าไปถือหุ้นจำนวนมาก
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ในวันนี้ (29 พ.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการสัมมนาผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งและทนายความ ภาคกลาง-กรุงเทพฯ ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาว่า สิ่งที่ตนวิเคราะห์ไว้ว่ารัฐบาลจะยุบสภาก่อนครบวาระ และยิ่งรัฐบาลอยู่นานไปคะแนนเสียงก็จะลดน้อยถอยลงนั้น ก็ดูจะเป็นความจริงมากขึ้น เพราะตั้งแต่ปลายปี 2546 เป็นต้นมารัฐบาลได้ประสบกับความรุมเร้าของปัญหาและสถานการณ์ต่างๆเป็นอย่างมากทั้งการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปัญหาการปฏิรูปการศึกษา ปัญหาข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ของรัฐบาลที่ไม่ประสบผลสำเร็จอีกทั้งหลายเรื่องก็เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาลเองทั้งสิ้น จนสื่อมวลชนขนานนามให้ว่าเป็นรัฐบาลขาลง
‘ภาวะขาลงของรัฐบาลยังมีอยู่เรื่อยๆ รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและการแถลงผลงานรัฐบาลเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วจะส่งผลให้ภาวะขาลงของรัฐบาลนี้ดูจะลงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งภาวะการที่เป็นอยู่ในขณะนี้ถ้ายืมคำพูดของนายกฯมาใช้ก็คงจะกล่าวได้ว่า เป็นภาวะของของหล่นทับหัวแม่ตีน’ นายบัญญัติ กล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายค้านได้สะท้อนให้เห็นชัดเจนที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ผ่านมาคือการเอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง จนต้องใช้สุภาษิตคำพังเพยว่า รัฐบาลครึ่งหนึ่ง ประเทศครึ่งหนึ่ง และนอกจากนี้ในการแถลงผลงานรัฐบาลเมื่อวันที่ 26-27 พ.ค.ที่ผ่านมารัฐบาลยังได้เล่นเกมการเมืองโดยการเลื่อนการแถลงผลงานมาไว้หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งยังมีการตั้งแง่และเงื่อนไขในเรื่องเวลาทำให้ฝ่ายค้านไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ประท้วงด้วยการไม่ร่วมอภิปรายผลงานรัฐบาล แต่ด้วยหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบจึงได้มีการอภิปรายผ่านทางเว็ปไซน์ของพรรคซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก และได้ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นคือ นายกฯได้ยอมรับว่าอาจจะมีการปรับครม.เกิดขึ้นในเร็วๆนี้
นายบัญญัติ กล่าวว่า มี 4 องค์ประกอบที่ทำให้รัฐบาลตกต่ำคือ 1.ความล้มเหลวของนโยบายประชานิยมที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ก่อหนี้ให้กับประชาชนและประเทศชาติ 2.ความเป็นอำนาจนิยมของรัฐบาล เชื่อมั่นในนโยบายรวมศูนย์อำนาจ การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป 3.การบริหารงานโดยใช้ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ มีการแต่งตั้งพวกพ้องของตนเข้าไปอยู่ในวงราชการ จึงส่งผลให้การปราบปรามทุจริตไม่ประสบผลสำเร็จ 4.ซ่อนเร้น ปกปิด บิดเบือนและมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยจะเห็นได้จากการจัดหุ้นของปตท.ที่มีคนในรัฐบาลและใกล้ชิดรัฐบาลเข้าไปถือหุ้นจำนวนมาก
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2547--จบ--
-ดท-