นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้ามันสำปะหลังกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและผู้ประกอบการมันสำปะหลังมากขึ้น เนื่องจากราคาหัวมันสด และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทุกประเภทในปี 2548 พุ่งสูงขึ้นอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้ มีราคาเฉลี่ยสูงถึงกิโลกรัมละ 1.54 บาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 48.08 ส่งผลให้มันเส้น/มันอัดเม็ดส่งออกเฉลี่ยสูงถึงตันละ 3,933 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ปีแล้วร้อยละ 38.68 แป้งมันสำปะหลังส่งออกเฉลี่ยตันละ 12,116 บาท เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ปีแล้วร้อยละ 23.82
นอกจากนี้ การส่งออกก็กำลังมีการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยการส่งออกสินค้าในรูปวัตถุดิบ เช่น มันอัดเม็ด มีแนวโน้มลดต่ำลง และปรับเปลี่ยนไปเป็นการส่งออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังทั้งในรูปของแป้งดิบ และแป้งแปรรูป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2545 มีการส่งออกแป้งดิบ / แป้งแปรรูป ปริมาณ 1.31 ล้านตัน มูลค่า 14,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.60 ล้านตัน มูลค่า 16,118 ล้านบาท ในปี 2546 และเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 ล้านตัน มูลค่า 18,693 ล้านบาท ในปี 2547 ปริมาณ และมูลค่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ย ปีละ 16.37 และ 14.46 ตามลำดับ สำหรับปี 2548 (เดือนมกราคม — เดือนพฤษภาคม) ส่งออกได้ 0.64 ล้านตัน มูลค่า 7,709 ล้านบาท ปริมาณลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 15.86 เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังลดลง แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.18 เพราะราคาสูงขึ้น โดยการส่งออกในรูปของแป้งแปรรูปเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณ และมูลค่า
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับการส่งออกในภาพรวม ปี 2548 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นมูลค่ารวม 13,801 ล้านบาท (ลดลงจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 5.95) แยกออกเป็นการส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด 1.42 ล้านตัน มูลค่า 5,569 ล้านบาท แป้งมันสำปะหลัง (ดิบ/แปรรูป) 0.64 ล้านตัน มูลค่า 7,709 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ อีก 0.19 ล้านตัน มูลค่า 522 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกลดลงเป็นผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ผลผลิตหัวมันสด ในฤดูการผลิตปี 2547/48 ลดลงปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 20.71 ในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.5 ล้านตัน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็น 5.8-6.6 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณมันสำปะหลังที่คาดว่าจะส่งออกลดลง
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลัง ไปผลิตเอทานอลเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามันสำปะหลัง และกระตุ้นให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
นอกจากนี้ การส่งออกก็กำลังมีการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยการส่งออกสินค้าในรูปวัตถุดิบ เช่น มันอัดเม็ด มีแนวโน้มลดต่ำลง และปรับเปลี่ยนไปเป็นการส่งออกในรูปของแป้งมันสำปะหลังทั้งในรูปของแป้งดิบ และแป้งแปรรูป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2545 มีการส่งออกแป้งดิบ / แป้งแปรรูป ปริมาณ 1.31 ล้านตัน มูลค่า 14,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.60 ล้านตัน มูลค่า 16,118 ล้านบาท ในปี 2546 และเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 ล้านตัน มูลค่า 18,693 ล้านบาท ในปี 2547 ปริมาณ และมูลค่า เพิ่มขึ้นเฉลี่ย ปีละ 16.37 และ 14.46 ตามลำดับ สำหรับปี 2548 (เดือนมกราคม — เดือนพฤษภาคม) ส่งออกได้ 0.64 ล้านตัน มูลค่า 7,709 ล้านบาท ปริมาณลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 15.86 เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังลดลง แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.18 เพราะราคาสูงขึ้น โดยการส่งออกในรูปของแป้งแปรรูปเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณ และมูลค่า
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับการส่งออกในภาพรวม ปี 2548 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นมูลค่ารวม 13,801 ล้านบาท (ลดลงจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 5.95) แยกออกเป็นการส่งออกมันเส้น/มันอัดเม็ด 1.42 ล้านตัน มูลค่า 5,569 ล้านบาท แป้งมันสำปะหลัง (ดิบ/แปรรูป) 0.64 ล้านตัน มูลค่า 7,709 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอื่นๆ อีก 0.19 ล้านตัน มูลค่า 522 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกลดลงเป็นผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ผลผลิตหัวมันสด ในฤดูการผลิตปี 2547/48 ลดลงปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 20.71 ในขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้นจาก 4.5 ล้านตัน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เป็น 5.8-6.6 ล้านตัน ส่งผลให้ปริมาณมันสำปะหลังที่คาดว่าจะส่งออกลดลง
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลัง ไปผลิตเอทานอลเพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามันสำปะหลัง และกระตุ้นให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-