ปัญหาใต้ไม่จบ!! ‘บัญญัติ’ ให้รัฐบาลสนใจแก้ปัญหา แนะผู้ดำเนินนโยบายใช้แนวทางเดียวกัน
‘หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ชี้เหตุสถานการณ์ใต้ลุกลาม เพราะรัฐบาลไม่เร่งจัดการปัญหาเฉพาะหน้า แต่กลับไปสนใจเรื่องอื่น เช่น การซื้อหุ้นลิเวอร์พูล ระบุแนวคิดแบ่งแยก ‘ไทย - มุสลิม’ เป็นการส่งสัญญาณอันตราย
วันนี้(3 มิ.ย.47) เวลา 10.00น. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ในขณะนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนืออำนาจการควบคุมของรัฐ อย่างไรก็ตามตนอยากให้รัฐบาลเร่งนำยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติจะเป็นอย่างไรนั้นก็แล้วแต่ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าเริ่มมึนกับปัญหาที่เกิดขึ้น นายบัญญัติกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่แน่ใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการปัญหาภาคใต้มีความคิดเห็นหรือยุทธศาสตร์ในการคลี่คลายปัญหาตรงกันแล้วหรือไม่ เพราะเท่าที่ฟังขณะนี้ก็ยังรู้ว่าความเห็นยังไปกันคนละทาง ‘หากตราบใดความเห็นยังคนละทิศคนละทางอยู่ นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ผมคิดว่าจะทำให้ชาวบ้านที่ฟังอยู่ขาดความมั่นใจลงไปอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับที่รัฐบาลจะเจรจากับผู้นำกลุ่มเบอร์ซาตูหรือไม่ เพราะหลังจากที่มีข่าวดังกล่าว ความรุนแรงก็เริ่มปะทุขึ้นมา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความไม่ระมัดระวังตัวของรัฐบาลเองมากกว่า อย่างกรณีที่จะเปิดเจรจากับแกนนำกลุ่มเบอร์ซาตู พรรคฝ่ายค้านก็เคยให้ความเห็นไปแล้วว่า เรื่องทำนองนี้หากจะมีการพูดคุยกันก็ควรเป็นไปในทางลับ ไม่น่าจะเปิดเผยออกมาเป็นข่าว ซึ่งให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลไม่สมควรไปยกระดับกลุ่มดังกล่าวถึงต้องมีการเจรจากับรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องไม่ดี
ต่อข้อถามถึงโอกาสที่ภาคใต้จะกลับมาสงบเหมือนที่ผ่านมา นายบัญญัติกล่าวว่า สิ่งสำคัญขณะนี้คือ 1.ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจะต้องชัดเจนและตรงกัน 2.ต้องให้ความสำคัญกับการมีบทบาทร่วมของผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา ‘คือถ้าจะฟังผมคิดว่าอยากให้ฟังกลุ่มนี้มากกว่าที่จะไปฟังขบวนการนั้น ขบวนการนี้ ซึ่งไปๆมาๆก็กลายเป็นเครื่องมือการยกระดับความสำคัญให้กับขบวนการนั้นเสียเปล่าๆ’ นายบัญญัติกล่าว
ส่วนกรณีที่นายกฯตั้งคณะกรรมการลงไปพัฒนาพื้นที่นั้น นายบัญญัติกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหันมาสนใจเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า เพราะหากความสงบเรียบร้อยยังเกิดขึ้นไม่ได้ หรือความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินยังไม่เกิดขึ้น ในพื้นที่คนอยู่ไม่ได้ ค่าขายไม่ได้ เศรษฐกิจในพื้นที่ก็แย่ลง หรือมีการย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่แล้ว มาตรการต่างๆที่รัฐบาลจัดการลงไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งนี้คิดว่าหากรัฐยังคงดำเนินแนวทางการแก้ปัญหาแบบเดิมนั้น ก็เป็นเรื่องยากที่ปัญหาจะได้รับการแก้ไข
เมื่อถามว่าขณะนี้มีความพยายามที่จะแยกชาวไทยพุทธออกจากชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่รัฐบาลจะต้องเร่งเข้าไปจัดการดูแล ‘รัฐบาลต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้จะเป็นสัญญาณอันตราย เพราะเป็นสัญญาณเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว ต้องรีบเข้าไปดู จะเอาอย่างไรจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร ผมคิดว่าต้องชัดเจนหมด ทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ อย่างไรก็ต้องเอาใจช่วยกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคิดว่าแย่ เพราะเรื่องที่สมควรทำก็ไม่ทำ เรื่องที่ไม่จำเป็นก็ไปทำให้เป็นประเด็นปัญหาขึ้นมาในสังคม อย่างเรื่องซื้อหุ้นลิเวอร์พูล เป็นต้น’ หัวหน้าพรรคปประชาธิปัตย์กล่าว
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
‘หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ชี้เหตุสถานการณ์ใต้ลุกลาม เพราะรัฐบาลไม่เร่งจัดการปัญหาเฉพาะหน้า แต่กลับไปสนใจเรื่องอื่น เช่น การซื้อหุ้นลิเวอร์พูล ระบุแนวคิดแบ่งแยก ‘ไทย - มุสลิม’ เป็นการส่งสัญญาณอันตราย
วันนี้(3 มิ.ย.47) เวลา 10.00น. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดภาคใต้ในขณะนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนืออำนาจการควบคุมของรัฐ อย่างไรก็ตามตนอยากให้รัฐบาลเร่งนำยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติจะเป็นอย่างไรนั้นก็แล้วแต่ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าเริ่มมึนกับปัญหาที่เกิดขึ้น นายบัญญัติกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่แน่ใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการปัญหาภาคใต้มีความคิดเห็นหรือยุทธศาสตร์ในการคลี่คลายปัญหาตรงกันแล้วหรือไม่ เพราะเท่าที่ฟังขณะนี้ก็ยังรู้ว่าความเห็นยังไปกันคนละทาง ‘หากตราบใดความเห็นยังคนละทิศคนละทางอยู่ นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ผมคิดว่าจะทำให้ชาวบ้านที่ฟังอยู่ขาดความมั่นใจลงไปอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย’ นายบัญญัติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับที่รัฐบาลจะเจรจากับผู้นำกลุ่มเบอร์ซาตูหรือไม่ เพราะหลังจากที่มีข่าวดังกล่าว ความรุนแรงก็เริ่มปะทุขึ้นมา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความไม่ระมัดระวังตัวของรัฐบาลเองมากกว่า อย่างกรณีที่จะเปิดเจรจากับแกนนำกลุ่มเบอร์ซาตู พรรคฝ่ายค้านก็เคยให้ความเห็นไปแล้วว่า เรื่องทำนองนี้หากจะมีการพูดคุยกันก็ควรเป็นไปในทางลับ ไม่น่าจะเปิดเผยออกมาเป็นข่าว ซึ่งให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลไม่สมควรไปยกระดับกลุ่มดังกล่าวถึงต้องมีการเจรจากับรัฐบาล เพราะถือเป็นเรื่องไม่ดี
ต่อข้อถามถึงโอกาสที่ภาคใต้จะกลับมาสงบเหมือนที่ผ่านมา นายบัญญัติกล่าวว่า สิ่งสำคัญขณะนี้คือ 1.ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจะต้องชัดเจนและตรงกัน 2.ต้องให้ความสำคัญกับการมีบทบาทร่วมของผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา ‘คือถ้าจะฟังผมคิดว่าอยากให้ฟังกลุ่มนี้มากกว่าที่จะไปฟังขบวนการนั้น ขบวนการนี้ ซึ่งไปๆมาๆก็กลายเป็นเครื่องมือการยกระดับความสำคัญให้กับขบวนการนั้นเสียเปล่าๆ’ นายบัญญัติกล่าว
ส่วนกรณีที่นายกฯตั้งคณะกรรมการลงไปพัฒนาพื้นที่นั้น นายบัญญัติกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลหันมาสนใจเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า เพราะหากความสงบเรียบร้อยยังเกิดขึ้นไม่ได้ หรือความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินยังไม่เกิดขึ้น ในพื้นที่คนอยู่ไม่ได้ ค่าขายไม่ได้ เศรษฐกิจในพื้นที่ก็แย่ลง หรือมีการย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่แล้ว มาตรการต่างๆที่รัฐบาลจัดการลงไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งนี้คิดว่าหากรัฐยังคงดำเนินแนวทางการแก้ปัญหาแบบเดิมนั้น ก็เป็นเรื่องยากที่ปัญหาจะได้รับการแก้ไข
เมื่อถามว่าขณะนี้มีความพยายามที่จะแยกชาวไทยพุทธออกจากชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่รัฐบาลจะต้องเร่งเข้าไปจัดการดูแล ‘รัฐบาลต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้จะเป็นสัญญาณอันตราย เพราะเป็นสัญญาณเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว ต้องรีบเข้าไปดู จะเอาอย่างไรจะกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร ผมคิดว่าต้องชัดเจนหมด ทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ อย่างไรก็ต้องเอาใจช่วยกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปผมคิดว่าแย่ เพราะเรื่องที่สมควรทำก็ไม่ทำ เรื่องที่ไม่จำเป็นก็ไปทำให้เป็นประเด็นปัญหาขึ้นมาในสังคม อย่างเรื่องซื้อหุ้นลิเวอร์พูล เป็นต้น’ หัวหน้าพรรคปประชาธิปัตย์กล่าว
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-