ความพยายามในการซื้อหุ้นของสโมสร “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จำนวน 30 % ที่ต้องใช้เงินถึง 4,600 ล้านบาท ของ นายกฯ ทักษิณ คงไม่จบลงง่ายๆ อีกแล้ว จากช่วงแรกเริ่มที่เป็นข่าวซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล สังคมมีความเข้าใจว่า นายกฯทักษิณ จะใช้เงินส่วนตัวร่วมกับบรรดานักธุรกิจชั้นนำในเมืองไทยร่วมกันลงขันซื้อหุ้น แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นการใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลในการซื้อหุ้นดังกล่าว แต่สุดท้ายกลับให้การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.)ตั้งบริษัทลูก และ กกท.ถือหุ้น 51 % ส่วนที่เหลือ 49 % เป็นการระดมทุนจากประชาชนโดยการออกสลากพิเศษบำรุงการกีฬาเพื่อพัฒนากีฬาไทย หรือ “หวยหงส์” ในขณะที่สิ่งที่สังคมต้องการความกระจ่างในเรื่องนี้ คือ จะใช้เงินงบประมาณส่วนไหนเข้าไปซื้อหุ้น และการถือหุ้นครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อคนไทย
ศูนย์วิจัยฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รวบรวมข้อสงสัยต่างๆ ของสังคมและชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่จะตามมารวมทั้งผลประโยชน์ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังมากมาย ดังนี้
1. ผลประโยชน์ทับซ้อนจากการเข้าถือหุ้น “หงส์แดง”
ประเด็นที่นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ และมีเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบรรดานักวิชาการ เช่น ผศ.ดร.ภวิดา ปานะนนท์ อาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ตั้งข้อสังเกตว่า สังคมต้องมองธุรกิจต่อเนื่องที่จะเกิดจากการซื้อลิเวอร์พูล นั่นคือ (1) การถ่ายทอดฟุตบอลจะตกที่ใครเมื่อมีผู้ประกอบการดาวเทียมในไทยเพียงไม่กี่ราย (2) ธุรกิจทำนายผลฟุตบอลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่คิดค่าบริการ (3) สิทธิขายสินค้าตราลิเวอร์พูลจะตกที่ใครและเอื้อธุรกิจใด
2. การออกหวยหุ้นหงส์แดงของรัฐบาลเป็นการให้ประโยชน์หรือมอมเมาประชาชน
ก่อนหน้านี้ นายกฯทักษิณหรือรัฐบาลต่างมีความพยายามที่จะให้สำนักงานสลากกินแบ่ง รัฐบาลออกสลากพิเศษในชื่อสลากบำรุงการกีฬาเพื่อพัฒนากีฬาไทย และจะให้ธนาคารออมสินเป็นตัวแทนจำหน่ายใบละ 1,000 บาท โดยให้รางวัลล่อใจประชาชนที่ถูกรางวัลที่ 1 ถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อระดมเงินให้ได้ถึง 10,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นการมอมเมาประชาชนให้หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข เพราะถือเป็นการระดมเงินจากคนจนโดยแท้ และยังเป็นการใช้จุดอ่อนของสังคมไทยในการนำรางวัลมูลค่าสูงมาล่อใจ เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้รัฐบาลเองมีการออกสลากมาแล้วหลายรูปแบบ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า รายได้จากการออกสลากที่ผ่านมามีการแบ่งส่วนรายได้โดยส่วนหนึ่งถูกส่งกลับคืนคลังเพื่อเข้าสู่กระบวนการงบประมาณตามแผนนโยบาย กับอีกส่วนที่มีมูลค่านับพันล้าน ถูกนำมาใช้จ่ายตามอำเภอใจ แล้วแต่กรณีนายกฯ สั่งการ จึงนับว่าเป็นช่องทางสำคัญในการหาเงินของรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นถึงแม้จะถูกมองว่า เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการซื้อสลากแต่ก็อย่าลืมว่า ประชาชนที่ซื้อก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิมบุคคลเดิม
ล่าสุดวันที่ 3 มิถุนายน นายกฯทักษิณออกมาเปลี่ยนท่าทีใหม่ต่อกรณีดังกล่าว หลังจากมีคนออกมาคัดค้านมากมาย แต่การเปลี่ยนท่าทีครั้งนี้กลับไม่ใช่การยกเลิกการซื้อหุ้นเป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการระดมเงินจากประชาชน แต่ยังคงน่าเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่น้อย ที่ไม่เข้าใจถึงประเด็นการคัดค้านของประชานอย่างแท้จริงตลอดจนยังแสดงทัศนคติที่แสดงถึงความเข้าใจที่ผิดๆ ในเรื่องการพนันจากการระบุว่า “ถ้าผมสามารถทำให้อบายมุขหมดประเทศได้ถือว่าดีแน่นอน แต่มันเป็นไปไม่ได้ไม่มีสังคมไหนปลอดอบายมุข ถ้ามันมีก็ขอให้มีบนดิน อย่ามีใต้ดิน” เพราะนั่นเท่ากับรัฐสนับสนุนให้มีกิจการพนันในประเทศเต็มตัว
3. จุดพลุเบี่ยงเบนความสนใจช่วงรัฐบาล “ขาลง”
ที่ผ่านมา นายกฯทักษิณ เคยใช้วิธีการนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมหลายครั้ง เมื่อรัฐบาลประสบปัญหาหรือมีมรสุมรุมเร้า ดังกรณีเกิดปัญหาความไม่สงบภาคใต้เริ่มรุนแรงจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว หรือกรณีมีการคัดค้านเรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฯ (กฟผ.) ในคราวนั้นนายกฯ ทักษิณ ก็ใช้แผน “นกขมิ้น” ออกเดินสายหาเสียงกับประชาชนเพื่อกลบเสียงวิจารณ์ดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เรื่องนี้ถูกนำมาเปิดประเด็นในช่วงอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ข้ออ้างที่ นายกฯทักษิณ มักจะยกเป็นเหตุผลสำคัญในการระดมทุนจากประชาชนจากการซื้อหวยหงส์ คือ ส่งเสริมการกีฬาในประเทศนั้นก็ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะหากพิจารณาจากการยกตัวอย่างเปรียบเทียบตัวเลขงบประมาณของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวใน “ประชาธิปัตย์ออนไลน์” ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2547 ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ปี2547 รัฐบาลจัดสรรงบเพื่อการกีฬาเพียงแค่ 1,313 ล้านบาท ส่วนปี 2548 ที่กำลังจะเสนอเข้าสู่สภามีจำนวน 1,644 ล้านบาท ซึ่งแต่ละปีใช้งบเพียงแค่กว่า 1 พันล้านบาท นั่นคือไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบประมาณที่จะใช้ซื้อหุ้นสโมสรหงส์แดงในครั้งนี้ ที่ต้องระดมถึง 4,600 ล้านบาท
สรุป
ถึงบัดนี้ประชาชนยังคงไม่เข้าใจว่า วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่แท้จริงของ นายกฯทักษิณ ที่จะเข้าไปซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลนั้นคืออะไรเพราะแม้จะมีอุปสรรคหรือผู้คัดค้านแค่ไหน นายกฯ ก็ยังคงไม่ยกเลิกแม้อาจจะต้องเปลี่ยนวิธิการต่างๆ ก็ยอม หากที่สุดแล้วนายกจะซื้อจริงๆ ประชาชนก็คงไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่สิ่งที่สังคมต้องการเรียกร้องคำตอบ คือ
-การซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลจะใช้เงินจากส่วนไหนวิธีการใด
-นโยบายการออกสลากจะส่งผลดีอย่างไรต่อคนไทย
-ผลประโยชน์โดยตรงที่ประชาชนจะได้รับจากการนี้คืออะไร คุ้มค่ากับความพยายามของนายกฯ หรือไม่
-การซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล จะส่งผลดีอย่างไรต่อนักกีฬาไทยตลอดจนการพัฒนากีฬาไทย
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
ศูนย์วิจัยฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รวบรวมข้อสงสัยต่างๆ ของสังคมและชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่จะตามมารวมทั้งผลประโยชน์ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังมากมาย ดังนี้
1. ผลประโยชน์ทับซ้อนจากการเข้าถือหุ้น “หงส์แดง”
ประเด็นที่นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ และมีเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบรรดานักวิชาการ เช่น ผศ.ดร.ภวิดา ปานะนนท์ อาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ตั้งข้อสังเกตว่า สังคมต้องมองธุรกิจต่อเนื่องที่จะเกิดจากการซื้อลิเวอร์พูล นั่นคือ (1) การถ่ายทอดฟุตบอลจะตกที่ใครเมื่อมีผู้ประกอบการดาวเทียมในไทยเพียงไม่กี่ราย (2) ธุรกิจทำนายผลฟุตบอลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่คิดค่าบริการ (3) สิทธิขายสินค้าตราลิเวอร์พูลจะตกที่ใครและเอื้อธุรกิจใด
2. การออกหวยหุ้นหงส์แดงของรัฐบาลเป็นการให้ประโยชน์หรือมอมเมาประชาชน
ก่อนหน้านี้ นายกฯทักษิณหรือรัฐบาลต่างมีความพยายามที่จะให้สำนักงานสลากกินแบ่ง รัฐบาลออกสลากพิเศษในชื่อสลากบำรุงการกีฬาเพื่อพัฒนากีฬาไทย และจะให้ธนาคารออมสินเป็นตัวแทนจำหน่ายใบละ 1,000 บาท โดยให้รางวัลล่อใจประชาชนที่ถูกรางวัลที่ 1 ถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อระดมเงินให้ได้ถึง 10,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นการมอมเมาประชาชนให้หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข เพราะถือเป็นการระดมเงินจากคนจนโดยแท้ และยังเป็นการใช้จุดอ่อนของสังคมไทยในการนำรางวัลมูลค่าสูงมาล่อใจ เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้รัฐบาลเองมีการออกสลากมาแล้วหลายรูปแบบ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า รายได้จากการออกสลากที่ผ่านมามีการแบ่งส่วนรายได้โดยส่วนหนึ่งถูกส่งกลับคืนคลังเพื่อเข้าสู่กระบวนการงบประมาณตามแผนนโยบาย กับอีกส่วนที่มีมูลค่านับพันล้าน ถูกนำมาใช้จ่ายตามอำเภอใจ แล้วแต่กรณีนายกฯ สั่งการ จึงนับว่าเป็นช่องทางสำคัญในการหาเงินของรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นถึงแม้จะถูกมองว่า เป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการซื้อสลากแต่ก็อย่าลืมว่า ประชาชนที่ซื้อก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิมบุคคลเดิม
ล่าสุดวันที่ 3 มิถุนายน นายกฯทักษิณออกมาเปลี่ยนท่าทีใหม่ต่อกรณีดังกล่าว หลังจากมีคนออกมาคัดค้านมากมาย แต่การเปลี่ยนท่าทีครั้งนี้กลับไม่ใช่การยกเลิกการซื้อหุ้นเป็นเพียงการเปลี่ยนรูปแบบการระดมเงินจากประชาชน แต่ยังคงน่าเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่น้อย ที่ไม่เข้าใจถึงประเด็นการคัดค้านของประชานอย่างแท้จริงตลอดจนยังแสดงทัศนคติที่แสดงถึงความเข้าใจที่ผิดๆ ในเรื่องการพนันจากการระบุว่า “ถ้าผมสามารถทำให้อบายมุขหมดประเทศได้ถือว่าดีแน่นอน แต่มันเป็นไปไม่ได้ไม่มีสังคมไหนปลอดอบายมุข ถ้ามันมีก็ขอให้มีบนดิน อย่ามีใต้ดิน” เพราะนั่นเท่ากับรัฐสนับสนุนให้มีกิจการพนันในประเทศเต็มตัว
3. จุดพลุเบี่ยงเบนความสนใจช่วงรัฐบาล “ขาลง”
ที่ผ่านมา นายกฯทักษิณ เคยใช้วิธีการนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมหลายครั้ง เมื่อรัฐบาลประสบปัญหาหรือมีมรสุมรุมเร้า ดังกรณีเกิดปัญหาความไม่สงบภาคใต้เริ่มรุนแรงจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ กรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว หรือกรณีมีการคัดค้านเรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฯ (กฟผ.) ในคราวนั้นนายกฯ ทักษิณ ก็ใช้แผน “นกขมิ้น” ออกเดินสายหาเสียงกับประชาชนเพื่อกลบเสียงวิจารณ์ดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เรื่องนี้ถูกนำมาเปิดประเด็นในช่วงอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนี้ข้ออ้างที่ นายกฯทักษิณ มักจะยกเป็นเหตุผลสำคัญในการระดมทุนจากประชาชนจากการซื้อหวยหงส์ คือ ส่งเสริมการกีฬาในประเทศนั้นก็ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะหากพิจารณาจากการยกตัวอย่างเปรียบเทียบตัวเลขงบประมาณของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวใน “ประชาธิปัตย์ออนไลน์” ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2547 ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ปี2547 รัฐบาลจัดสรรงบเพื่อการกีฬาเพียงแค่ 1,313 ล้านบาท ส่วนปี 2548 ที่กำลังจะเสนอเข้าสู่สภามีจำนวน 1,644 ล้านบาท ซึ่งแต่ละปีใช้งบเพียงแค่กว่า 1 พันล้านบาท นั่นคือไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบประมาณที่จะใช้ซื้อหุ้นสโมสรหงส์แดงในครั้งนี้ ที่ต้องระดมถึง 4,600 ล้านบาท
สรุป
ถึงบัดนี้ประชาชนยังคงไม่เข้าใจว่า วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่แท้จริงของ นายกฯทักษิณ ที่จะเข้าไปซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลนั้นคืออะไรเพราะแม้จะมีอุปสรรคหรือผู้คัดค้านแค่ไหน นายกฯ ก็ยังคงไม่ยกเลิกแม้อาจจะต้องเปลี่ยนวิธิการต่างๆ ก็ยอม หากที่สุดแล้วนายกจะซื้อจริงๆ ประชาชนก็คงไม่สามารถที่จะห้ามได้ แต่สิ่งที่สังคมต้องการเรียกร้องคำตอบ คือ
-การซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูลจะใช้เงินจากส่วนไหนวิธีการใด
-นโยบายการออกสลากจะส่งผลดีอย่างไรต่อคนไทย
-ผลประโยชน์โดยตรงที่ประชาชนจะได้รับจากการนี้คืออะไร คุ้มค่ากับความพยายามของนายกฯ หรือไม่
-การซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล จะส่งผลดีอย่างไรต่อนักกีฬาไทยตลอดจนการพัฒนากีฬาไทย
โดยทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-