นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้ง 9 คน มีความผิดฐานกระทำทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการว่า แม้ ป.ป.ช.จะมองว่าตัวเองไม่ขาดคุณสมบัติ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 300 บัญญัติชัดเจนว่า นับตั้งแต่ศาลฯ รับคำร้อง ทาง ป.ป.ช.จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่ามีคำพิพากษายกคำร้อง ซึ่งขณะนี้คำพิพากษาออกมาแล้ว โดยไม่ได้เป็นการยกคำร้อง และไม่มีคำพิพากษาอื่นตามมา ดังนั้นแม้ว่า ป.ป.ช.อยู่ในตำแหน่ง ก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จึงมั่นใจว่าในที่สุดคงต้องดำเนินการให้มีการสรรหา ป.ป.ช.ชุดใหม่ โดยในส่วนของพรรคได้เตรียมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้แล้วในประเด็นการสรรหา และกำลังหารือกับพรรคชาติไทย โดยคาดว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ในวันอังคารนี้
‘หลักสำคัญ คือ เราจะแก้ปัญหาเทคนิคตรงนี้ และถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะตัดกระบวนการสรรหาที่มีพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเท่ากับเป็นการลดช่องทาง ซึ่งการเมืองอาจจะเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ เพราะฉะนั้นหลักการสำคัญตรงนี้ก็อยากจะให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุน และจะทำให้นอกจากเราแก้ปัญหาทางเทคนิคแล้ว ถือว่าเราได้พยายามที่จะผลักดันแก้ไขปัญหาในเชิงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่คนมีความคลางแคลงใจว่าการเมืองเข้าไปยุ่งกับองค์กรอิสระ’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในประเด็นสัดส่วนของพรรคการเมืองนี้ คิดว่าคงไม่ต้องให้องค์กรใดเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาแทน เพียงแต่กำลังหารือกับพรรคชาติไทยว่าจะเพิ่มจำนวนของอธิการบดี หรือบุคคลในส่วนใดเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาแทน ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ส่วนหนึ่งอาจไม่ลาออก แล้วจะเสนอถอดถอนหรือไม่นั้น เชื่อว่าในที่สุด ป.ป.ช.คงต้องลาออก เพราะหากยังอยู่ก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และคงตอบคำถามยากว่าอยู่เพื่ออะไร แต่ต้องให้เวลา ป.ป.ช.ในการตัดสินใจด้วย ส่วนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเสนอแก้เพียงประเด็นเดียวคือ เรื่องการสรรหาองค์กรอิสระ และจะไม่นำประเด็นอื่นมาปะปน เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน หากเอาเรื่องอื่นมาปะปน ก็จะมีความเห็นหลากหลาย และขัดแย้งกันได้ ซึ่งคิดว่าประเด็นนี้สังคมยอมรับได้ เนื่องจากผู้เสนอแก้ไขได้ตัดอำนาจของตัวเอง แต่เรื่องอื่นเกรงว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ และคงวิจารณ์กันอีกยืดเยื้อว่าใครได้ หรือเสียประโยชน์
เมื่อถามว่า เป็นห่วงองค์กรอิสระอื่นที่อาจมีปัญหาเรื่องเพิ่มค่าตอบแทนให้ตัวเองในลักษณะเดียวกับ ป.ป.ช.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะองค์กรอื่นหากมีปัญหาเช่นนี้ ก็ต้องผ่านกระบวนการของ ป.ป.ช. ไม่เหมือนกรณีของ ป.ป.ช. เพราะในขณะนี้ไม่มีใครปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ จึงต้องรอให้มีชุดใหม่ก่อน ส่วนที่มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับอายุความของหลายๆคดีที่อยู่ใน ปปช. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นคือเหตุผลที่เราพยายามเร่งดำเนินการ และในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรทำอะไรให้ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ค. 2548--จบ--
-ดท-
‘หลักสำคัญ คือ เราจะแก้ปัญหาเทคนิคตรงนี้ และถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะตัดกระบวนการสรรหาที่มีพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเท่ากับเป็นการลดช่องทาง ซึ่งการเมืองอาจจะเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ เพราะฉะนั้นหลักการสำคัญตรงนี้ก็อยากจะให้ทุกฝ่ายช่วยกันสนับสนุน และจะทำให้นอกจากเราแก้ปัญหาทางเทคนิคแล้ว ถือว่าเราได้พยายามที่จะผลักดันแก้ไขปัญหาในเชิงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่คนมีความคลางแคลงใจว่าการเมืองเข้าไปยุ่งกับองค์กรอิสระ’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในประเด็นสัดส่วนของพรรคการเมืองนี้ คิดว่าคงไม่ต้องให้องค์กรใดเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาแทน เพียงแต่กำลังหารือกับพรรคชาติไทยว่าจะเพิ่มจำนวนของอธิการบดี หรือบุคคลในส่วนใดเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาแทน ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ส่วนหนึ่งอาจไม่ลาออก แล้วจะเสนอถอดถอนหรือไม่นั้น เชื่อว่าในที่สุด ป.ป.ช.คงต้องลาออก เพราะหากยังอยู่ก็ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และคงตอบคำถามยากว่าอยู่เพื่ออะไร แต่ต้องให้เวลา ป.ป.ช.ในการตัดสินใจด้วย ส่วนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเสนอแก้เพียงประเด็นเดียวคือ เรื่องการสรรหาองค์กรอิสระ และจะไม่นำประเด็นอื่นมาปะปน เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน หากเอาเรื่องอื่นมาปะปน ก็จะมีความเห็นหลากหลาย และขัดแย้งกันได้ ซึ่งคิดว่าประเด็นนี้สังคมยอมรับได้ เนื่องจากผู้เสนอแก้ไขได้ตัดอำนาจของตัวเอง แต่เรื่องอื่นเกรงว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ และคงวิจารณ์กันอีกยืดเยื้อว่าใครได้ หรือเสียประโยชน์
เมื่อถามว่า เป็นห่วงองค์กรอิสระอื่นที่อาจมีปัญหาเรื่องเพิ่มค่าตอบแทนให้ตัวเองในลักษณะเดียวกับ ป.ป.ช.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เพราะองค์กรอื่นหากมีปัญหาเช่นนี้ ก็ต้องผ่านกระบวนการของ ป.ป.ช. ไม่เหมือนกรณีของ ป.ป.ช. เพราะในขณะนี้ไม่มีใครปฏิบัติหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ จึงต้องรอให้มีชุดใหม่ก่อน ส่วนที่มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับอายุความของหลายๆคดีที่อยู่ใน ปปช. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นคือเหตุผลที่เราพยายามเร่งดำเนินการ และในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติก็ควรทำอะไรให้ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ค. 2548--จบ--
-ดท-