นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนพฤษภาคม 2547 และในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 - พฤษภาคม 2547) พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2547 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนเงินกู้จากธนาคารโลกก่อนครบกำหนด 12.53 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 512 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 512 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 127 ล้านบาท นอกจากนั้น ได้กู้เงินโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Notes : FRN) เพื่อ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท นอกจากนั้น ได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามนัยที่กล่าวข้างต้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 51,923 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) การRoll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,221 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 3,747 ล้านบาท และส่วนที่เหลือได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 10,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2547 ในเดือนนี้ 3,500 ล้านบาท และได้รับเงินงวดแรกจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 25,000 ล้านบาท ในเดือนนี้ 15,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทำการประมูลในเดือนมิถุนายน 2547
สำหรับการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้กู้เงินตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ในวงเงิน 97.92 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 3,888 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตร 1,200 ล้านบาท โดยกู้เพื่อเป็นเงินบาทสมทบ 169 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 31 ล้านบาท และเพื่อลงทุน 1,000 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 88,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 45,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 4,140 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 12,514 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 2,374 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 10,140 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 71,680 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 14,660 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 57,020 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 มีจำนวน 2,850,238 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.01 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,614,347 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 848,515 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 387,375 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 10,800 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 13,757 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 9,209 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 6,252 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ในประเทศ 2,178,969 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.45 และหนี้ต่างประเทศ 671,269 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.55 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,375,603 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.35 และหนี้ระยะสั้น 474,635 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.65 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 45/2547 9 มิถุนายน 2547--
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนเงินกู้จากธนาคารโลกก่อนครบกำหนด 12.53 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 512 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 512 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 127 ล้านบาท นอกจากนั้น ได้กู้เงินโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Notes : FRN) เพื่อ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลก วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 39,500 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 3,950 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศก่อนครบกำหนดในวงเงินรวม 4,766 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 4,766 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้ 1,207 ล้านบาท และได้ Roll Over เงินกู้ ECP (Euro Commercial Paper) 190 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 7,452 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการ Refinance เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ล้านบาท นอกจากนั้น ได้ Refinance เงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกโดยวิธีการออกตราสารอัตราดอกเบี้ยลอยตัว วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามนัยที่กล่าวข้างต้น
สำหรับรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศเป็นวงเงินรวม 51,923 ล้านบาท โดย 1) การชำระคืนก่อนกำหนด 17,266 ล้านบาท 2) การ Refinance 24,253 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 21,378 ล้านบาท และ 3) การRoll Over จำนวนรวม 10,404 ล้านบาท ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 17,266 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 7,221 ล้านบาท
ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF1) วงเงิน 50,000 ล้านบาท ด้วยการชำระคืนเงินต้น 3,747 ล้านบาท และส่วนที่เหลือได้ทำการ Roll Over โดยเป็นพันธบัตรระยะยาว 30,000 ล้านบาท ตั๋วปรับโครงสร้างหนี้ 10,000 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น 6,253 ล้านบาท และชำระคืนพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน (FIDF2) ที่ครบกำหนด 22,000 ล้านบาท รวมทั้งการลดยอดหนี้คงค้างอันเกิดจากการตั้งบัญชีเงินทดรองจ่ายอีก 315 ล้านบาท นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ก่อนครบกำหนดในวงเงิน 25,075 ล้านบาท ทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 25,075 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ย 6,305 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ทำการกู้เงินในประเทศเพื่อการ Roll Over หนี้เดิมรวม 8,000 ล้านบาท และเพื่อการ Refinance หนี้ต่างประเทศรวม 20,000 ล้านบาท
2. การกู้เงินของภาครัฐ
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้รับเงินงวดสุดท้ายจากการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณวงเงิน 30,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมีนาคม 2547 ในเดือนนี้ 3,500 ล้านบาท และได้รับเงินงวดแรกจากการออกพันธบัตรเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF3) วงเงิน 25,000 ล้านบาท ในเดือนนี้ 15,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทำการประมูลในเดือนมิถุนายน 2547
สำหรับการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจนั้น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้กู้เงินตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ในวงเงิน 97.92 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 3,888 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กู้เงินในประเทศด้วยการออกพันธบัตร 1,200 ล้านบาท โดยกู้เพื่อเป็นเงินบาทสมทบ 169 ล้านบาท เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 31 ล้านบาท และเพื่อลงทุน 1,000 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศไปแล้วทั้งสิ้น 88,000 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 43,000 ล้านบาท และการออกพันธบัตร FIDF3 45,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ 4,140 ล้านบาท และกู้เงินจากต่างประเทศ 20,746 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนพฤษภาคม 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 12,514 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 2,374 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 10,140 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนผ่านมาของปีงบประมาณ 2547 :-
กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้จากงบประมาณรวมทั้งสิ้น 71,680 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 14,660 ล้านบาท และดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 57,020 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2547
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 มีจำนวน 2,850,238 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.01 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,614,347 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 848,515 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 387,375 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 10,800 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลง 13,757 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 9,209 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 6,252 ล้านบาท
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ในประเทศ 2,178,969 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.45 และหนี้ต่างประเทศ 671,269 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.55 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,375,603 ล้านบาท หรือร้อยละ 83.35 และหนี้ระยะสั้น 474,635 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.65 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 45/2547 9 มิถุนายน 2547--