ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการเข้าไปประกอบธุรกิจสปา1/ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีแนวโน้มสดใสเพราะประชากรมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง ด้วยรายได้ต่อหัวเฉลี่ยประมาณ 28,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในช่วงปี 2543-2547 ประกอบกับชาวออสเตรเลียนิยมเลือกใช้บริการสปาเป็นกิจกรรมหนึ่งของการพักผ่อน การท่องเที่ยว และการรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ การที่ออสเตรเลียเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดยมีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติเดินทางไปออสเตรเลียเป็นจำนวนกว่า 5 ล้านคนในแต่ละปี คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 25 ของประชากรออสเตรเลียทั้งประเทศ จึงนับเป็นโอกาสของธุรกิจสปาไทยที่จะขยายตลาดไปยังออสเตรเลีย
ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจสปาในออสเตรเลียที่ผู้สนใจลงทุนควรทราบ มีดังนี้
* ลักษณะตลาด ผู้ใช้บริการสปาราวร้อยละ 90 เป็นชาวออสเตรเลีย อีกราวร้อยละ 10 เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในออสเตรเลีย ปัจจุบันบริการสปาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในออสเตรเลียคือ Day Spa ซึ่งเป็นสปาที่ใช้เวลาแต่ละครั้งไม่นานนัก (ราว 2 ชั่วโมง) เมื่อเทียบกับบริการสปาในรูปแบบอื่น ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก รวมทั้งประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ Day Spa เน้นให้บริการนวดแผนไทยซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของชาวออสเตรเลียที่มักให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากกว่าการเสริมความงาม ประกอบกับการให้บริการนวดแผนไทยในออสเตรเลียยังมีไม่มากนัก ทำให้บริการ Day Spa มีแนวโน้มสดใสในออสเตรเลีย นอกจากนี้ Medical Spa หรือ สปาเพื่อบำบัดโรค ก็เริ่มเป็นที่นิยมของชาวออสเตรเลียที่หันมารักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดควบคู่ไปกับการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน
* จำนวนผู้ประกอบการ ในปี 2546 จำนวนผู้ประกอบการธุรกิจสปาในออสเตรเลียมีอยู่ราว 300 รายเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากปี 2545 ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งนี้ จำนวนผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าการแข่งขันของธุรกิจสปาในออสเตรเลียจะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
* กฎระเบียบการลงทุน ออสเตรเลียอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนไทย สามารถลงทุนได้100% ในกิจการสปาที่มีมูลค่าลงทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 300 ล้านบาท) หากกิจการมีมูลค่าลงทุนสูงกว่านั้น นักลงทุนต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของต่างชาติ (Foreign Investment Review Board : FIRB) ของออสเตรเลียก่อน นอกจากนี้ คาดว่าข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยและออสเตรเลีย ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 จะเอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจสปาไทยในออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลีย ผ่อนปรนกฎระเบียบการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทยหลายประการ อาทิ การขยายขอบเขตของประเภทธุรกิจที่อนุญาตให้เข้ามาลงทุน ครอบคลุมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา เช่น กิจการสอนนวดไทย นอกจากนี้ ยังลดขั้นตอนการอนุญาตให้แรงงานไทยเข้าประเทศ รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหลายรายการ รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการให้บริการสปา โดยออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าหมวดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหลือร้อยละ 0 จากเดิมร้อยละ 5 การปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว
คาดว่าจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบธุรกิจสปาไทยที่มุ่งนำเข้าวัตถุดิบจากไทยได้เป็นอย่างดี
* ข้อพึงระวัง อาทิ การตั้งชื่อร้าน ควรหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อด้วยคำว่า "Thai Massage" เนื่องจากชาวต่างชาติส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริการนวดไทย หรือ Thai Massage มักมีการบริการทางเพศแอบแฝงอยู่ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ คุณภาพของบุคลากร โดยเฉพาะทักษะของพนักงานเกี่ยวกับการนวด ซึ่งผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการให้บริการ จนทำให้ลูกค้าได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้ผู้ให้บริการถูกดำเนินคดีหรือถูกเรียกร้องค่าเสียหายได้ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของธุรกิจแล้ว ยังเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของธุรกิจด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนไทยที่สนใจทำธุรกิจสปาในออสเตรเลียควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ อาทิการว่าจ้างทนายความและนักบัญชีเพื่อให้คำปรึกษาในการจัดตั้งธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนบริษัทและทะเบียนการค้าการจัดทำระบบภาษี และระบบบัญชี เป็นต้น การพัฒนาคุณภาพของการให้บริการ รวมถึงการวางแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่การเลือกสถานที่ การตั้งราคา การเลือกบริการสปาที่มีโอกาสสูงในการเจาะตลาด และการประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่าสปาเป็นบริการที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวคาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการสปาไทยได้เป็นอย่างดี
1/ หมายถึง ธุรกิจสปาเป็นธุรกิจที่มุ่งให้บริการในหลายรูปแบบแก่ผู้ใช้บริการ อาทิ การนวดเพื่อเสริมความงาม การนวดเพื่อผ่อนคลาย และการนวดเพื่อบำบัดโรค โดยเน้นใช้บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพร มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการให้บริการ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ตุลาคม 2548--
-พห-
ข้อมูลเบื้องต้นที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจสปาในออสเตรเลียที่ผู้สนใจลงทุนควรทราบ มีดังนี้
* ลักษณะตลาด ผู้ใช้บริการสปาราวร้อยละ 90 เป็นชาวออสเตรเลีย อีกราวร้อยละ 10 เป็นนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในออสเตรเลีย ปัจจุบันบริการสปาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในออสเตรเลียคือ Day Spa ซึ่งเป็นสปาที่ใช้เวลาแต่ละครั้งไม่นานนัก (ราว 2 ชั่วโมง) เมื่อเทียบกับบริการสปาในรูปแบบอื่น ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก รวมทั้งประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ Day Spa เน้นให้บริการนวดแผนไทยซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของชาวออสเตรเลียที่มักให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากกว่าการเสริมความงาม ประกอบกับการให้บริการนวดแผนไทยในออสเตรเลียยังมีไม่มากนัก ทำให้บริการ Day Spa มีแนวโน้มสดใสในออสเตรเลีย นอกจากนี้ Medical Spa หรือ สปาเพื่อบำบัดโรค ก็เริ่มเป็นที่นิยมของชาวออสเตรเลียที่หันมารักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดควบคู่ไปกับการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน
* จำนวนผู้ประกอบการ ในปี 2546 จำนวนผู้ประกอบการธุรกิจสปาในออสเตรเลียมีอยู่ราว 300 รายเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากปี 2545 ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งนี้ จำนวนผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าการแข่งขันของธุรกิจสปาในออสเตรเลียจะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
* กฎระเบียบการลงทุน ออสเตรเลียอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักลงทุนไทย สามารถลงทุนได้100% ในกิจการสปาที่มีมูลค่าลงทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 300 ล้านบาท) หากกิจการมีมูลค่าลงทุนสูงกว่านั้น นักลงทุนต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของต่างชาติ (Foreign Investment Review Board : FIRB) ของออสเตรเลียก่อน นอกจากนี้ คาดว่าข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยและออสเตรเลีย ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 จะเอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจสปาไทยในออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลีย ผ่อนปรนกฎระเบียบการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทยหลายประการ อาทิ การขยายขอบเขตของประเภทธุรกิจที่อนุญาตให้เข้ามาลงทุน ครอบคลุมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา เช่น กิจการสอนนวดไทย นอกจากนี้ ยังลดขั้นตอนการอนุญาตให้แรงงานไทยเข้าประเทศ รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยหลายรายการ รวมถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการให้บริการสปา โดยออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าหมวดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเหลือร้อยละ 0 จากเดิมร้อยละ 5 การปรับลดอัตราภาษีดังกล่าว
คาดว่าจะมีส่วนช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบธุรกิจสปาไทยที่มุ่งนำเข้าวัตถุดิบจากไทยได้เป็นอย่างดี
* ข้อพึงระวัง อาทิ การตั้งชื่อร้าน ควรหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อด้วยคำว่า "Thai Massage" เนื่องจากชาวต่างชาติส่วนใหญ่เข้าใจว่าบริการนวดไทย หรือ Thai Massage มักมีการบริการทางเพศแอบแฝงอยู่ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ คุณภาพของบุคลากร โดยเฉพาะทักษะของพนักงานเกี่ยวกับการนวด ซึ่งผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการให้บริการ จนทำให้ลูกค้าได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้ผู้ให้บริการถูกดำเนินคดีหรือถูกเรียกร้องค่าเสียหายได้ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของธุรกิจแล้ว ยังเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของธุรกิจด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนไทยที่สนใจทำธุรกิจสปาในออสเตรเลียควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น ๆ อาทิการว่าจ้างทนายความและนักบัญชีเพื่อให้คำปรึกษาในการจัดตั้งธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนบริษัทและทะเบียนการค้าการจัดทำระบบภาษี และระบบบัญชี เป็นต้น การพัฒนาคุณภาพของการให้บริการ รวมถึงการวางแผนการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่การเลือกสถานที่ การตั้งราคา การเลือกบริการสปาที่มีโอกาสสูงในการเจาะตลาด และการประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่าสปาเป็นบริการที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวคาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการสปาไทยได้เป็นอย่างดี
1/ หมายถึง ธุรกิจสปาเป็นธุรกิจที่มุ่งให้บริการในหลายรูปแบบแก่ผู้ใช้บริการ อาทิ การนวดเพื่อเสริมความงาม การนวดเพื่อผ่อนคลาย และการนวดเพื่อบำบัดโรค โดยเน้นใช้บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพร มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการให้บริการ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ตุลาคม 2548--
-พห-