วันนี้ (1 พ.ย.48) เวลา14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวขอบคุณประชาชนทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง ที่มีการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา โดยเฉพาะเขต 2 จ.สตูล ที่แม้จะไม่มีการแข่งขัน แต่ประชาชนจำนวนมากถึง 14,000 คน ได้ไปออกเสียงลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรค ซึ่งมากกว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ถึง 8,000 คะแนน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า พรรคมองว่าการออกมาลงคะแนนเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง แม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยในเรื่องของตัวบุคคลหรือในเรื่องของความผูกพันอาจจะมีต่อผู้สมัคร แต่ขณะเดียวกันจากการพบปะประชาชน จึงทราบเหตุผลที่แท้จริงอย่างหนึ่งจากประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมว่า การเลือกตั้งซ่อมเป็นโอกาสที่ประชาชนจะสะท้อนความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างถึงรัฐบาล การเลือกตั้งซ่อมไม่ใช่การเลือกตั้งใหญ่ จึงไม่ใช่เป็นการมาเลือกนโยบายแข่งขันกัน แต่การเลือกตั้งซ่อมเป็นโอกาสที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยจะสะท้อนความรู้สึกต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการเมืองในภาพรวม ผลการเลือกตั้งในทั้ง 4 เขตเลือกตั้งบ่งบอกว่าประชาชนอยากจะเห็นการเมืองที่มีความสมดุลมากขึ้น
“อย่างน้อย ๆ ที่มีการพูดจากันในช่วงรณรงค์หาเสียงก็ด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ เหตุผลที่หนึ่งคือ ต้องการที่จะเร่งรัดให้รัฐบาลตอบสนองความต้องการของประชาชนมากขึ้น ทั้งในแง่ของการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่เคยเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ จนทำให้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไปมอบความไว้วางใจให้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ว่าสภาพปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องความมั่นคง และเรื่องอื่นได้ทำให้ประชาชนต้องการสะท้อนว่ารัฐบาลต้องเร่งรัด ต้องมีการปรับปรุงการทำงาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง เป็นการสะท้อนว่าการเมืองที่ไม่สมดุลนำไปสู่การใช้อำนาจซึ่งเกินขอบเขต โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ดังจะเห็นได้จากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง และในหลาย ๆ กรณีมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตนคิดว่าเสียงสะท้อนตรงนี้รัฐบาลไม่ควรปฏิเสธ และพยายามหลีกเลี่ยง เพราะที่จริงเสียงสะท้อนเหล่านี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเสียหายในการที่รัฐบาลจะรับฟัง แต่ว่าเป็นการใช้เสียงสะท้อนตามกลไกของประชาธิปไตยอย่างมีคุณค่า คือต้องการเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความโปร่งใสของการบริหารราชการแผ่นดิน เสียงของฝ่ายค้านที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ไปล้มรัฐบาล แต่เสียงของฝ่ายค้านที่เพิ่มขึ้นเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนให้รัฐบาลรับฟัง ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนมากขึ้น
“ในส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านถือว่าเสียงที่มอบให้ทำให้ต้องตระหนักว่าตัวเลข 125 ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ในการใช้กลไกการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญจะต้องทำให้พวกเราทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะติดตามตรวจสอบให้กลไกนี้เกิดผลตามความต้องการของประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันพุธที่ 9 พ.ย. นี้ ตนได้นัดหมายกับหัวหน้าพรรคชาติไทย และพรรคมหาชน เพื่อหารือถึงแนวทางการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน ที่มอบคะแนนเสียงให้กับพรรคฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 พ.ย.2548--จบ--
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า พรรคมองว่าการออกมาลงคะแนนเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ออกเสียงเลือกตั้ง แม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยในเรื่องของตัวบุคคลหรือในเรื่องของความผูกพันอาจจะมีต่อผู้สมัคร แต่ขณะเดียวกันจากการพบปะประชาชน จึงทราบเหตุผลที่แท้จริงอย่างหนึ่งจากประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมว่า การเลือกตั้งซ่อมเป็นโอกาสที่ประชาชนจะสะท้อนความรู้สึกบางสิ่งบางอย่างถึงรัฐบาล การเลือกตั้งซ่อมไม่ใช่การเลือกตั้งใหญ่ จึงไม่ใช่เป็นการมาเลือกนโยบายแข่งขันกัน แต่การเลือกตั้งซ่อมเป็นโอกาสที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยจะสะท้อนความรู้สึกต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการเมืองในภาพรวม ผลการเลือกตั้งในทั้ง 4 เขตเลือกตั้งบ่งบอกว่าประชาชนอยากจะเห็นการเมืองที่มีความสมดุลมากขึ้น
“อย่างน้อย ๆ ที่มีการพูดจากันในช่วงรณรงค์หาเสียงก็ด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ เหตุผลที่หนึ่งคือ ต้องการที่จะเร่งรัดให้รัฐบาลตอบสนองความต้องการของประชาชนมากขึ้น ทั้งในแง่ของการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่เคยเป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ จนทำให้พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไปมอบความไว้วางใจให้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ว่าสภาพปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องความมั่นคง และเรื่องอื่นได้ทำให้ประชาชนต้องการสะท้อนว่ารัฐบาลต้องเร่งรัด ต้องมีการปรับปรุงการทำงาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง เป็นการสะท้อนว่าการเมืองที่ไม่สมดุลนำไปสู่การใช้อำนาจซึ่งเกินขอบเขต โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ดังจะเห็นได้จากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง และในหลาย ๆ กรณีมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตนคิดว่าเสียงสะท้อนตรงนี้รัฐบาลไม่ควรปฏิเสธ และพยายามหลีกเลี่ยง เพราะที่จริงเสียงสะท้อนเหล่านี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเสียหายในการที่รัฐบาลจะรับฟัง แต่ว่าเป็นการใช้เสียงสะท้อนตามกลไกของประชาธิปไตยอย่างมีคุณค่า คือต้องการเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความโปร่งใสของการบริหารราชการแผ่นดิน เสียงของฝ่ายค้านที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ไปล้มรัฐบาล แต่เสียงของฝ่ายค้านที่เพิ่มขึ้นเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชนให้รัฐบาลรับฟัง ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนมากขึ้น
“ในส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านถือว่าเสียงที่มอบให้ทำให้ต้องตระหนักว่าตัวเลข 125 ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ในการใช้กลไกการถอดถอนตามรัฐธรรมนูญจะต้องทำให้พวกเราทำงานหนักขึ้นเพื่อที่จะติดตามตรวจสอบให้กลไกนี้เกิดผลตามความต้องการของประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันพุธที่ 9 พ.ย. นี้ ตนได้นัดหมายกับหัวหน้าพรรคชาติไทย และพรรคมหาชน เพื่อหารือถึงแนวทางการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของประชาชน ที่มอบคะแนนเสียงให้กับพรรคฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 พ.ย.2548--จบ--