เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.47 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงว่า ในวันพุธที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น. คณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้เชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มาชี้แจงถึงโครงการในการผลิตข่าวของช่อง 11 /1 และช่อง 11/2 ซึ่งเป็นโครงการที่กรมประชาสัมพันธ์ได้เลือกเอกชนเข้าร่วมผลิตรายการ โดยมีสัญญา 2 ปี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะดำเนินการเป็น 2 ช่องด้วยกัน คือช่อง 11 ONE โดยมีบ.ไทยเดย์ ดอตคอม กับช่อง11/2 โดยมีบ.เบรคพลัส อินเตอร์เนชั่นเนล โดยจะเป็นข่าวผ่านดาวเทียม
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประเด็นที่สร้างความเคลือบแคลงและต้องการคำตอบคือ ประการที่1.ทำไมถึงไม่เปิดให้มีการประมูลทั่วไป ในการคัดเลือกบริษัทที่จะมาร่วมผลิตข่าวและเสนอข่าว โดยเฉพาะการเสนอข่าวผ่านช่องใหม่ถึง 2 ช่องด้วยกัน ประการที่2. จะให้มีการเปิดเผยสัญญา ผลตอบแทนทางผลประโยชน์และรายละเอียดของสัญญาโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา และรายรับรายจ่ายที่มีผลผูกพันต่อกรมประชาสัมพันธ์หรือช่อง 11 กับบริษัทคู่สัญญา ประการที่3.การดำเนินการของกรมประชาสัมพันธ์ดังกล่าวนั้น จะขัดหรือผิดต่อ พ.ร.บ.การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2543 หรือไม่ เพาะการเปิดช่องข่าวใหม่นั้น จะดำเนินการได้หรือไม่ ภายใต้ข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญและภายใต้ อำนาจหน้าที่ของกทช.และกสช. ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น และห้ามหน่วยงานใดๆในการที่จะให้คลื่นความถี่หรือว่าให้ใบอนุญาตประกอบการใหม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาในประเด็นดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำขัดหรือว่าเป็นการพยายามหลีกเลี่ยง เพื่อประโยชน์ของเอกชนบางรายหรือไม่
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประการที่ 4 การดำเนินการดังกล่าว ที่มีเปิดให้มีการโฆษณา พ่วงได้ในช่อง11 ONE และช่อง11/ 2 นั้น จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ไอทีวี กรณีที่มีข้อพิพาท ในการขอลดค่าต๋งสัมปทานกับสำนักปลัดสำนักนายกฯ หรือไม่เนื่องจากว่าการเปิดให้บริษัทเอกชน 2 รายเข้าร่วมดำเนินงานกับช่อง11 ในครั้งนี้ มีการโฆษณาและจะเป็นข้ออ้าง ที่ทำให้ไอทีวีสามารถใช้เป็นประโยชน์ ในการที่จะลดค่าต๋งจ่ายสัมปทานต่อรัฐ และอาจจะเกิดกรณีใหม่ที่เรียกว่าค่าโง่ไอทีวี ค่าโง่ช่อง 11 ขึ้น
‘ทั้งที่เราได้ท้วงติงก่อนหน้านี้แล้วว่า การดำเนินการใดๆที่จะเป็นมูลเหตุให้ไอทีวีสามารถอ้างเป็นเหตุแห่งการลดค่าต๋ง และจะนำไปสู่การที่รัฐแพ้คดี ตรงนี้จะต้องพึงระวังในการดำเนินการอย่างยิ่ง ฉะนั้นกรณีนี้ก็เหมือนกับเรื่องความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกซึ่ง ไม่แน่ใจว่าการเรียกดำเนินการแบบรวบรัดตัดตอนของกรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไร หรือว่ามีใครบงการ เพื่อผลประโยชน์กลุ่มทุนในเครือนายกฯ หรือว่าอย่างไรว่าเป็นเรื่องที่จะต้องการคำชี้แจง’ นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประเด็นที่สร้างความเคลือบแคลงและต้องการคำตอบคือ ประการที่1.ทำไมถึงไม่เปิดให้มีการประมูลทั่วไป ในการคัดเลือกบริษัทที่จะมาร่วมผลิตข่าวและเสนอข่าว โดยเฉพาะการเสนอข่าวผ่านช่องใหม่ถึง 2 ช่องด้วยกัน ประการที่2. จะให้มีการเปิดเผยสัญญา ผลตอบแทนทางผลประโยชน์และรายละเอียดของสัญญาโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา และรายรับรายจ่ายที่มีผลผูกพันต่อกรมประชาสัมพันธ์หรือช่อง 11 กับบริษัทคู่สัญญา ประการที่3.การดำเนินการของกรมประชาสัมพันธ์ดังกล่าวนั้น จะขัดหรือผิดต่อ พ.ร.บ.การจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2543 หรือไม่ เพาะการเปิดช่องข่าวใหม่นั้น จะดำเนินการได้หรือไม่ ภายใต้ข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญและภายใต้ อำนาจหน้าที่ของกทช.และกสช. ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น และห้ามหน่วยงานใดๆในการที่จะให้คลื่นความถี่หรือว่าให้ใบอนุญาตประกอบการใหม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องพิจารณาในประเด็นดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำขัดหรือว่าเป็นการพยายามหลีกเลี่ยง เพื่อประโยชน์ของเอกชนบางรายหรือไม่
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประการที่ 4 การดำเนินการดังกล่าว ที่มีเปิดให้มีการโฆษณา พ่วงได้ในช่อง11 ONE และช่อง11/ 2 นั้น จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ไอทีวี กรณีที่มีข้อพิพาท ในการขอลดค่าต๋งสัมปทานกับสำนักปลัดสำนักนายกฯ หรือไม่เนื่องจากว่าการเปิดให้บริษัทเอกชน 2 รายเข้าร่วมดำเนินงานกับช่อง11 ในครั้งนี้ มีการโฆษณาและจะเป็นข้ออ้าง ที่ทำให้ไอทีวีสามารถใช้เป็นประโยชน์ ในการที่จะลดค่าต๋งจ่ายสัมปทานต่อรัฐ และอาจจะเกิดกรณีใหม่ที่เรียกว่าค่าโง่ไอทีวี ค่าโง่ช่อง 11 ขึ้น
‘ทั้งที่เราได้ท้วงติงก่อนหน้านี้แล้วว่า การดำเนินการใดๆที่จะเป็นมูลเหตุให้ไอทีวีสามารถอ้างเป็นเหตุแห่งการลดค่าต๋ง และจะนำไปสู่การที่รัฐแพ้คดี ตรงนี้จะต้องพึงระวังในการดำเนินการอย่างยิ่ง ฉะนั้นกรณีนี้ก็เหมือนกับเรื่องความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกซึ่ง ไม่แน่ใจว่าการเรียกดำเนินการแบบรวบรัดตัดตอนของกรมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้นอะไร หรือว่ามีใครบงการ เพื่อผลประโยชน์กลุ่มทุนในเครือนายกฯ หรือว่าอย่างไรว่าเป็นเรื่องที่จะต้องการคำชี้แจง’ นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-