"บัญญัติ บรรทัดฐาน" นำทีมแกนนำพรรคอภิปรายนอกสภาฯ ที่จังหวัดปัตตานี ย้ำถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ว่าเกิดจากนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล และไม่ควรโทษข้าราชการประจำ แถมยังทวงสัญญาที่รัฐบาลชุดนี้ให้ไว้กับคนใต้และยังทำไม่ได้
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมแกนนำพรรคพบปะกับประชาชน ตามโครงการเประชาธิปัตย์พบประชาชน โดยก่อนอภิปรายมีการเปิดวิดีโอเทปการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของนายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ และการกล่าวปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน จากนั้นจึงมีการฉายวีดีทัศน์การทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ตั้งแต่เรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม กรณีการระบาดของไข้หวัดนก การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอดีตไม่เคยมีการปล้นปืนในค่ายทหารมาก่อน ไม่มียุคไหนที่ประชาชนหวาดระแวงจากการก่อการไล่ฆ่าประชาชนไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในยุคที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ทั้งๆที่ในยุคที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยมีปัญหาในกรณีดังกล่าว เพราะเรารู้วิธีการแก้ปัญหา รู้ว่าประชาชนในพื้นที่คือหัวใจในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลยุคนี้กลับใช้แนวทางการแก้ปัญหาแบบรัฐตำรวจ เน้นการปราบปรามรุนแรง ขุดรากถอนโคน ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่ง เราไม่ได้มาตำหนิรัฐบาลอย่างเดียว แต่จะมาเสนอวิธีการแก้ไขให้ด้วย หากรัฐบาลเห็นว่าดีจะเอาไปใช้ก็สามารถเอาไปได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากไม่สามารถแก้ได้เราเองก็พร้อมรับคำท้า ขอให้รัฐบาลลาออก นายบัญญัติ จะทำให้ดูเอง
นายประดิษฐ์ กล่าวยืนยันว่าการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์พบประชาชนจะดำเนินต่อไปจนทั่วประเทศ และไม่สนใจคำดูถูกที่ว่าเปลืองค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะเรายังยืนยันว่าทุกที่ที่เราไปไทยรักไทยจะต้องเสียที่นั่งให้พรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นนาย จุรินทร์ ได้กล่าวอภิปรายโดยยังคงโจมตีการบริหารราชการของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน 30 บาทรักษาทุกโรค พักหนี้เกษตรกร ทุกโครงการต่างเพิ่มหนี้ให้กับประชาชน แต่รัฐบาลไม่ได้หาแนวทางเพิ่มงานให้กับประชาชน เงินทั้งหลายจึงใช้ไปเพื่อการบริโภค พร้อมกันนั้น การบริหารราชการยังคงเอื้อประโยชน์ให้กับตัวนายกฯ และครอบครัว รวมทั้งบริวาร โดยดูได้จากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเครือชินวัตรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 7 บริษัทภายใน 3 ปีที่เพิ่มขึ้นกว่า 9 หมื่น 1 พันล้านบาท
‘ศูนย์วิจัยกสิกรฯมีตัวเลขการวิเคราะห์ออกมาว่าในปี 2547 นี้ค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้นกว่ากำลังซื้อ ขณะนี้เนื้อวัวกิโลกรัมละ 125 บาท ไม่ทราบว่าเป็นเนื้อวัวติดทองหรือไม่ และมีการทำนายว่าสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมาม่าจะขายดีขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าคนไทยจนลงจนต้องกินมาม่าแทนทั้งๆที่คณะรัฐมนตรีกินหูฉลาม’ นายจุรินทร์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่นายกรัฐมนตรีออกมาท้านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าแน่จริงจะลาออกจากนายกฯโดยให้นายชวนมาเป็นนายกฯ 3 เดือนเพื่อดูว่าจะแก้ปัญหาใต้ได้หรือไม่ แต่ถ้าเกิน 3 เดือนจะทำให้เศรษฐกิจทรุด ไม่ทันขาดคำนายชวนก็ออกมารับคำท้า เลยตกใจหนีไปอยู่เมืองนอก เพราะคนจริงเจอคนไม่จริง และในเรื่องเศรษฐกิจนั้น เราต้องชี้แจงว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนที่ทำให้เศรษฐกิจทรุด โดยดูได้จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นทุกปีในสมัยนั้น จนกระทั่งทำเงินทุนสำรองไว้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อไทยรักไทยเข้ามาก็เอาเงินตรงไปนี้ไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟพร้อมยังอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง อย่างนี้จึงถือว่าเป็นกระป๋องสีที่ใส่ร้ายประชาธิปัตย์ตัวจริง
“ผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จังหวัดปัตตานีที่มีผู้แทน 4 คน ประชาธิปัตย์จะได้ยกทีมแน่นอน และมั่นใจว่า 6 ที่นั่งใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรายังไม่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องได้เพิ่มอย่างน้อย 3 ที่นั่ง มีส.ส.ไทยรักไทยบางคนให้สัมภาษณ์ว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ที่นั่งในภาคใต้เพิ่มขึ้นอีก 3 จังหวัดเป็น 8 จังหวัด คือปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล สงขลา กระบี่ ระนอง พังงา ซึ่งผมบอกได้เลยว่าเป็นราคาคุยทางการเมือง เรายืนยันได้ว่าสงขลา สตูล ระนอง พังงา กระบี่ ไทยรักไทยจะไม่ได้แม้แต่ที่นั่งเดียว และมั่นใจว่าภาคใต้ที่มีส.ส.ทั้งหมด 54 ที่นั่งและเราได้มา 48 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะได้ที่นั่งอย่างน้อย 51 ที่นั่ง และที่เชื่อมั่นก็เพราะรู้ว่าคนใต้รู้ทันทักษิณหมดแล้วตั้งที่เลือกตั้งซ่อมที่สงขลา ที่พิสูจน์ว่าคนใต้ไม่เอาทักษิณแล้ว เพราะ1.คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลโกง ไม่ว่าจะเป็นการโกงที่ผิดหรือถูกกฎหมาย 2.คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลโกหก และ3. คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลขี้โม้”นายจุรินทร์กล่าว และว่า จริงๆแล้วเสียงในภาคใต้มีทั้งหมด 65 เสียง เพราะรวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในการเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 11 ที่นั่ง ซึ่งประชาธิปัตย์คิดว่าจะได้คะแนนเสียงทั้งหมดนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่นายกฯบอกว่าจะไม่คิดนโยบายบนเครื่องบินและจะเป็นนโยบายเหนือเมฆนั้น ตนไม่รู้ว่าจะเป็นนโยบายเหนือเมฆหรือยกเมฆกันแน่ ซึ่งเราไม่ให้ความสนใจ แต่วันนี้ขอทวงสัญญาแทนคนใต้ 4 เรื่อง คือ
1.การสัญญาในการสร้างศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางพาราในภาคใต้
2. ทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองสินค้าปลอดภาษี
3. ศูนย์กลางอาหารฮาลาลของภูมิภาคที่ปัตตานี และ
4. การแก้ปัญหาความไม่สงบภาคใต้ภายใน 3 เดือน และอยากเตือนพ.ต.ท.ทักษิณว่า คนใต้ไม่ได้กินแกลบ ไม่ชอบกระป๋องสี เมื่อสัญญาอะไรไว้ก็ควรจะทำตาม
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ว่าปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ฟังใคร ซึ่งที่ผ่านมาบ้านเมืองอยู่กันดีมาตลอดทั้งพี่น้องมุสลิม และพี่น้องพุทธ มีปัญหานิดหน่วยเรื่องแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ที่มีกลุ่มเล็กนิดเดียว แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากตอนที่รัฐบาลชุดนี้ยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังผสมร่วมพลเรือน ตำรวจ และทหารที่ 43 (พตท.43) ซึ่งเมื่อไม่มีหน่วยงานดังกล่าว ก็ไม่มีงบราชการลับในการหาข่าว พอเกิดปัญหาอะไรก็ไม่ทราบ เพราะนายกรัฐมนตรีฟังข้อมูลจากเฉพาะตำรวจ และพอเกิดความไม่สงบ ก็มีการส่งทีมทหารลงไปดูแล พร้อมกับบอกว่าจะต้องปัญหาให้เรียบร้อยใน 2 เดือน จากนั้นจึงเกิดการอุ้มฆ่าเกิดขึ้นมากมาย เพราะมีการโยกย้ายตำรวจ ทหาร ส่งมือปืนนักฆ่าลงมาทางใต้ และมีนายตำรวจบางคนมาถึงให้นโยบายเลยว่า ต่อไปนี้เป็นนโยบายว่า หากชาวพุทธ ตายไป 1 คน มุสลิม จะต้องตาย 3 คน ทำให้มีการแก้แค้นฆ่ากันไปมา ดังนั้นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้เป็นเรื่องที่รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ไม่ควรโทษข้าราชการประจำ
“ผู้กำกับ แม่ทัพภาคก็ไปย้ายเขา ย้ายไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วทีทหารล่ะ ทหารก็ผิดพลาดด้วยถ้าอย่างนั้น แล้วทำไมย้ายเฉพาะแม่ทัพ ทำไมไม่ย้ายผู้บัญชาการทหารบกด้วย เพราะเป็นญาติพ่อใช่หรือไม่ เพราะถ้าญาติพ่อก็นามสกุลด้วยกัน แต่ถ้าญาติแม่ก็คนละนามสกุล แล้วทำไมไม่ย้าย เพราะเป็นญาติมัน มันไม่ยุติธรรมหรอก มันแก้ไม่ได้หรอกความในใจของพี่น้องมุสลิม เจ็บช้ำน้ำใจที่รัฐบาลทักษิณทำ มันลึกเกิดกว่าจะแก้ ตราบใดที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็แก้ไม่ได้ ต้องให้พวกผมเป็น ถึงจะแก้ได้” นายไตรรงค์ กล่าว
ด้านนายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาภาคใต้เกิดจากนโยบายที่ผิดพลาด และไม่ฟังใครของนายกรัฐมนตรี ยิ่งกว่ายุคเผด็จการ ถ้าเทียบแล้วตนคิดว่า 3 จอมพลรวมกัน คือจอมพลป. พิบูลสงคราม จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สามคนรวมกันเป็นจอมพลทักษิณ 1 คน และที่บอกว่า “ข้าราชการจะกลัวตายทำไม” พูดเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมไม่ลองส่ง “โอ๊ค” ลูกชายตัวเองมาอยู่ดู ถ้าอยากรู้ว่าความรู้สึกของผู้ปกครอง พ่อแม่ ลูกหลานเขามีความคิดอย่างไรที่มาอยู่ตรงนี้ และยังให้ทหารตำรวจใส่ชุดพราง แล้วใส่เสื้อเกราะทับอีกทีในชุดพราง แล้วถือเอ็ม 16 เตรียมพร้อมเต็มที่ยืนตากแดดวันหนึ่งเต็ม ๆ 8 ชั่วโมง ขณะที่นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมาก ลองมายืนใส่เสื้อเกราะ ถือปืนอย่างนี้สัก 1 ชั่วโมงก็พอ จะได้รู้ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะย้ำคือความล้มเหลวดังกล่าวเกิดจากนายกรัฐมนตรี จึงขอว่าอย่าเลือกพรรคไทยรักไทย แล้วมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมแกนนำพรรคพบปะกับประชาชน ตามโครงการเประชาธิปัตย์พบประชาชน โดยก่อนอภิปรายมีการเปิดวิดีโอเทปการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของนายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ และการกล่าวปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน จากนั้นจึงมีการฉายวีดีทัศน์การทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ตั้งแต่เรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม กรณีการระบาดของไข้หวัดนก การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และกรณีข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอดีตไม่เคยมีการปล้นปืนในค่ายทหารมาก่อน ไม่มียุคไหนที่ประชาชนหวาดระแวงจากการก่อการไล่ฆ่าประชาชนไม่เว้นแต่ละวัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในยุคที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาล ทั้งๆที่ในยุคที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยมีปัญหาในกรณีดังกล่าว เพราะเรารู้วิธีการแก้ปัญหา รู้ว่าประชาชนในพื้นที่คือหัวใจในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลยุคนี้กลับใช้แนวทางการแก้ปัญหาแบบรัฐตำรวจ เน้นการปราบปรามรุนแรง ขุดรากถอนโคน ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่ง เราไม่ได้มาตำหนิรัฐบาลอย่างเดียว แต่จะมาเสนอวิธีการแก้ไขให้ด้วย หากรัฐบาลเห็นว่าดีจะเอาไปใช้ก็สามารถเอาไปได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากไม่สามารถแก้ได้เราเองก็พร้อมรับคำท้า ขอให้รัฐบาลลาออก นายบัญญัติ จะทำให้ดูเอง
นายประดิษฐ์ กล่าวยืนยันว่าการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์พบประชาชนจะดำเนินต่อไปจนทั่วประเทศ และไม่สนใจคำดูถูกที่ว่าเปลืองค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะเรายังยืนยันว่าทุกที่ที่เราไปไทยรักไทยจะต้องเสียที่นั่งให้พรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นนาย จุรินทร์ ได้กล่าวอภิปรายโดยยังคงโจมตีการบริหารราชการของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารประชาชน 30 บาทรักษาทุกโรค พักหนี้เกษตรกร ทุกโครงการต่างเพิ่มหนี้ให้กับประชาชน แต่รัฐบาลไม่ได้หาแนวทางเพิ่มงานให้กับประชาชน เงินทั้งหลายจึงใช้ไปเพื่อการบริโภค พร้อมกันนั้น การบริหารราชการยังคงเอื้อประโยชน์ให้กับตัวนายกฯ และครอบครัว รวมทั้งบริวาร โดยดูได้จากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเครือชินวัตรที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 7 บริษัทภายใน 3 ปีที่เพิ่มขึ้นกว่า 9 หมื่น 1 พันล้านบาท
‘ศูนย์วิจัยกสิกรฯมีตัวเลขการวิเคราะห์ออกมาว่าในปี 2547 นี้ค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้นกว่ากำลังซื้อ ขณะนี้เนื้อวัวกิโลกรัมละ 125 บาท ไม่ทราบว่าเป็นเนื้อวัวติดทองหรือไม่ และมีการทำนายว่าสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างมาม่าจะขายดีขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าคนไทยจนลงจนต้องกินมาม่าแทนทั้งๆที่คณะรัฐมนตรีกินหูฉลาม’ นายจุรินทร์ กล่าว
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าการที่นายกรัฐมนตรีออกมาท้านายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าแน่จริงจะลาออกจากนายกฯโดยให้นายชวนมาเป็นนายกฯ 3 เดือนเพื่อดูว่าจะแก้ปัญหาใต้ได้หรือไม่ แต่ถ้าเกิน 3 เดือนจะทำให้เศรษฐกิจทรุด ไม่ทันขาดคำนายชวนก็ออกมารับคำท้า เลยตกใจหนีไปอยู่เมืองนอก เพราะคนจริงเจอคนไม่จริง และในเรื่องเศรษฐกิจนั้น เราต้องชี้แจงว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนที่ทำให้เศรษฐกิจทรุด โดยดูได้จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นทุกปีในสมัยนั้น จนกระทั่งทำเงินทุนสำรองไว้ 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อไทยรักไทยเข้ามาก็เอาเงินตรงไปนี้ไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟพร้อมยังอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง อย่างนี้จึงถือว่าเป็นกระป๋องสีที่ใส่ร้ายประชาธิปัตย์ตัวจริง
“ผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จังหวัดปัตตานีที่มีผู้แทน 4 คน ประชาธิปัตย์จะได้ยกทีมแน่นอน และมั่นใจว่า 6 ที่นั่งใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรายังไม่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องได้เพิ่มอย่างน้อย 3 ที่นั่ง มีส.ส.ไทยรักไทยบางคนให้สัมภาษณ์ว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ที่นั่งในภาคใต้เพิ่มขึ้นอีก 3 จังหวัดเป็น 8 จังหวัด คือปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล สงขลา กระบี่ ระนอง พังงา ซึ่งผมบอกได้เลยว่าเป็นราคาคุยทางการเมือง เรายืนยันได้ว่าสงขลา สตูล ระนอง พังงา กระบี่ ไทยรักไทยจะไม่ได้แม้แต่ที่นั่งเดียว และมั่นใจว่าภาคใต้ที่มีส.ส.ทั้งหมด 54 ที่นั่งและเราได้มา 48 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะได้ที่นั่งอย่างน้อย 51 ที่นั่ง และที่เชื่อมั่นก็เพราะรู้ว่าคนใต้รู้ทันทักษิณหมดแล้วตั้งที่เลือกตั้งซ่อมที่สงขลา ที่พิสูจน์ว่าคนใต้ไม่เอาทักษิณแล้ว เพราะ1.คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลโกง ไม่ว่าจะเป็นการโกงที่ผิดหรือถูกกฎหมาย 2.คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลโกหก และ3. คนใต้ไม่ชอบรัฐบาลขี้โม้”นายจุรินทร์กล่าว และว่า จริงๆแล้วเสียงในภาคใต้มีทั้งหมด 65 เสียง เพราะรวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในการเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 11 ที่นั่ง ซึ่งประชาธิปัตย์คิดว่าจะได้คะแนนเสียงทั้งหมดนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่นายกฯบอกว่าจะไม่คิดนโยบายบนเครื่องบินและจะเป็นนโยบายเหนือเมฆนั้น ตนไม่รู้ว่าจะเป็นนโยบายเหนือเมฆหรือยกเมฆกันแน่ ซึ่งเราไม่ให้ความสนใจ แต่วันนี้ขอทวงสัญญาแทนคนใต้ 4 เรื่อง คือ
1.การสัญญาในการสร้างศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางพาราในภาคใต้
2. ทำให้ภูเก็ตเป็นเมืองสินค้าปลอดภาษี
3. ศูนย์กลางอาหารฮาลาลของภูมิภาคที่ปัตตานี และ
4. การแก้ปัญหาความไม่สงบภาคใต้ภายใน 3 เดือน และอยากเตือนพ.ต.ท.ทักษิณว่า คนใต้ไม่ได้กินแกลบ ไม่ชอบกระป๋องสี เมื่อสัญญาอะไรไว้ก็ควรจะทำตาม
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ว่าปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ฟังใคร ซึ่งที่ผ่านมาบ้านเมืองอยู่กันดีมาตลอดทั้งพี่น้องมุสลิม และพี่น้องพุทธ มีปัญหานิดหน่วยเรื่องแบ่งแยกดินแดนภาคใต้ ที่มีกลุ่มเล็กนิดเดียว แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากตอนที่รัฐบาลชุดนี้ยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองกำลังผสมร่วมพลเรือน ตำรวจ และทหารที่ 43 (พตท.43) ซึ่งเมื่อไม่มีหน่วยงานดังกล่าว ก็ไม่มีงบราชการลับในการหาข่าว พอเกิดปัญหาอะไรก็ไม่ทราบ เพราะนายกรัฐมนตรีฟังข้อมูลจากเฉพาะตำรวจ และพอเกิดความไม่สงบ ก็มีการส่งทีมทหารลงไปดูแล พร้อมกับบอกว่าจะต้องปัญหาให้เรียบร้อยใน 2 เดือน จากนั้นจึงเกิดการอุ้มฆ่าเกิดขึ้นมากมาย เพราะมีการโยกย้ายตำรวจ ทหาร ส่งมือปืนนักฆ่าลงมาทางใต้ และมีนายตำรวจบางคนมาถึงให้นโยบายเลยว่า ต่อไปนี้เป็นนโยบายว่า หากชาวพุทธ ตายไป 1 คน มุสลิม จะต้องตาย 3 คน ทำให้มีการแก้แค้นฆ่ากันไปมา ดังนั้นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้เป็นเรื่องที่รัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ไม่ควรโทษข้าราชการประจำ
“ผู้กำกับ แม่ทัพภาคก็ไปย้ายเขา ย้ายไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วทีทหารล่ะ ทหารก็ผิดพลาดด้วยถ้าอย่างนั้น แล้วทำไมย้ายเฉพาะแม่ทัพ ทำไมไม่ย้ายผู้บัญชาการทหารบกด้วย เพราะเป็นญาติพ่อใช่หรือไม่ เพราะถ้าญาติพ่อก็นามสกุลด้วยกัน แต่ถ้าญาติแม่ก็คนละนามสกุล แล้วทำไมไม่ย้าย เพราะเป็นญาติมัน มันไม่ยุติธรรมหรอก มันแก้ไม่ได้หรอกความในใจของพี่น้องมุสลิม เจ็บช้ำน้ำใจที่รัฐบาลทักษิณทำ มันลึกเกิดกว่าจะแก้ ตราบใดที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็แก้ไม่ได้ ต้องให้พวกผมเป็น ถึงจะแก้ได้” นายไตรรงค์ กล่าว
ด้านนายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาภาคใต้เกิดจากนโยบายที่ผิดพลาด และไม่ฟังใครของนายกรัฐมนตรี ยิ่งกว่ายุคเผด็จการ ถ้าเทียบแล้วตนคิดว่า 3 จอมพลรวมกัน คือจอมพลป. พิบูลสงคราม จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สามคนรวมกันเป็นจอมพลทักษิณ 1 คน และที่บอกว่า “ข้าราชการจะกลัวตายทำไม” พูดเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมไม่ลองส่ง “โอ๊ค” ลูกชายตัวเองมาอยู่ดู ถ้าอยากรู้ว่าความรู้สึกของผู้ปกครอง พ่อแม่ ลูกหลานเขามีความคิดอย่างไรที่มาอยู่ตรงนี้ และยังให้ทหารตำรวจใส่ชุดพราง แล้วใส่เสื้อเกราะทับอีกทีในชุดพราง แล้วถือเอ็ม 16 เตรียมพร้อมเต็มที่ยืนตากแดดวันหนึ่งเต็ม ๆ 8 ชั่วโมง ขณะที่นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องมาก ลองมายืนใส่เสื้อเกราะ ถือปืนอย่างนี้สัก 1 ชั่วโมงก็พอ จะได้รู้ ดังนั้นสิ่งที่อยากจะย้ำคือความล้มเหลวดังกล่าวเกิดจากนายกรัฐมนตรี จึงขอว่าอย่าเลือกพรรคไทยรักไทย แล้วมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 13 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-