แท็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พรรคประชาธิปัตย์
ตลาดหลักทรัพย์
ท่าพระจันทร์
สถานีวิทยุ
เมื่อเวลา 10.30 น.ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงนามในคำสั่งปลดผู้อำนวยการสถานีวิทยุกองทัพบกช่อง 5 เพื่อจะนำบ.อาร์ทีเอ เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ว่า ตนอยากให้รัฐบาลได้มีการกำหนดกรอบที่ชัดเจนและเคารพเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของรัฐธรรมนูญ เวลานี้วงการโทรคมนาคมและสื่อสารมวลชนมองว่ารัฐบาลไม่เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ต้องถือว่าตัวคลื่นความถี่และการใช้สื่อต่างๆ ควรจะเป็นสมบัติของส่วนรวมที่ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม เพราะแนวทางของรัฐธรรมนูญชัดเจนว่าต้องการองค์กรที่เป็นกลาง เข้ามาดำเนินการโดยเคารพเจตนารมณ์และเป้าหมายนี้ แต่บังเอิญเกิดช่องว่างขึ้นในเรื่องของการสรรหาตัวคนที่จะมาทำหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้รัฐบาลมาฉวยโอกาสจากสูญญากาศไปทำข้อผูกมัด ไปอนุญาตหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทั้ง กทช. และ กสช.
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เวลานี้น่าเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนก็ทำให้การตัดสินใจหลายอย่างเอื้อต่อการผูกขาดมากขึ้น และในส่วนรัฐวิสาหกิจเดิมนับวันก็ประสบปัญหามากขึ้น อย่างกรณีขององค์การโทรศัพท์ ทศท. ธุรกิจเดิมคือโทรศัพท์พื้นฐานโดยสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกก็หนักอยู่แล้ว และอนาคตคนทำธุรกิจพื้นฐานก็หมุนไปที่อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ก็กลับให้เอกชนที่อาจจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่เข้ามาดำเนินการ ยิ่งเป็นการตกย้ำความบิดเบี้ยวของโทรคมนาคม กรณีที่สื่อสารโทรคมนาคมมีการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็น อ.ส.ม.ท. หรือ ททบ.5 หรือการมาอ้างการบีบขึ้นสัญญาณยิ่งทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างการทำผิดกติกา และอาจจะไปเป็นเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทอื่นๆ มาร้องเรียนได้
‘ที่ผ่านมาเราจะได้ยินนายกฯและรัฐบาลทำอย่างเดียวคือปฏิเสธว่าไม่ได้แทรกแซงบ้าง ไม่มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนบ้าง แต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะทำอะไรเพื่อจะรักษาผลประโยชน์สูงสุดของรัฐธรรมนูญ’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าควรจะชะลอการแปรรูปไว้ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมองไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วน และไม่ควรจะเป็นอะไร ทำให้ดีที่สุดเมื่อ กทช. หรือกสช. เขาก็ขยับยากในการที่จะทำให้การจัดสรรทรัพยากรของส่วนรวมเพื่อประโยชน์สูงสุด และทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลต้องตั้งโจทย์เสียก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องนำเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ เนื่องจากมีองค์กรของรัฐทำงานด้านนี้ เป็นเพราะไม่ต้องการให้ยึดแต่ประโยชน์สูงสุดทางธุรกิจใช่หรือไม่ แต่ถ้าตั้งโจทย์ว่าต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ และต้องรีบเข้าเพราะภาวะตลาดก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว ส่วนปัญหาที่ว่าจะทำให้รัฐเสียหายหรือไม่อย่างไร ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่ตนอยากให้มีกรอบหรือนโยบายที่ชัดจากรัฐบาลก่อน
เมื่อถามว่า การปลด ผอ.ททบ. 5 ในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สนองนโยบาย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องมีการตรวจสอบว่าเป้าหมายคืออะไร และใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์ แต่ใครที่ไปดำเนินการในขณะนี้ก็ต้องรับผิดชอบ อย่างกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าหากช่อง 11 มีโฆษณาแล้วผิด เมื่อทำไปแล้วก็ต้องเอาผิดจะวางเฉยไม่ได้ หรือกรณีที่เมื่อมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบุคคลากรหรือทำสัญญาอะไรก็ต้องรับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่าจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบเอาความจริงมาบอกประชาชนก่อนว่าข้อดีข้อเสียคืออะไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เวลานี้น่าเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนก็ทำให้การตัดสินใจหลายอย่างเอื้อต่อการผูกขาดมากขึ้น และในส่วนรัฐวิสาหกิจเดิมนับวันก็ประสบปัญหามากขึ้น อย่างกรณีขององค์การโทรศัพท์ ทศท. ธุรกิจเดิมคือโทรศัพท์พื้นฐานโดยสภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกก็หนักอยู่แล้ว และอนาคตคนทำธุรกิจพื้นฐานก็หมุนไปที่อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แต่ก็กลับให้เอกชนที่อาจจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่เข้ามาดำเนินการ ยิ่งเป็นการตกย้ำความบิดเบี้ยวของโทรคมนาคม กรณีที่สื่อสารโทรคมนาคมมีการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็น อ.ส.ม.ท. หรือ ททบ.5 หรือการมาอ้างการบีบขึ้นสัญญาณยิ่งทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างการทำผิดกติกา และอาจจะไปเป็นเงื่อนไขเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทอื่นๆ มาร้องเรียนได้
‘ที่ผ่านมาเราจะได้ยินนายกฯและรัฐบาลทำอย่างเดียวคือปฏิเสธว่าไม่ได้แทรกแซงบ้าง ไม่มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนบ้าง แต่ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะทำอะไรเพื่อจะรักษาผลประโยชน์สูงสุดของรัฐธรรมนูญ’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าควรจะชะลอการแปรรูปไว้ก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมองไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วน และไม่ควรจะเป็นอะไร ทำให้ดีที่สุดเมื่อ กทช. หรือกสช. เขาก็ขยับยากในการที่จะทำให้การจัดสรรทรัพยากรของส่วนรวมเพื่อประโยชน์สูงสุด และทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลต้องตั้งโจทย์เสียก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องนำเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ เนื่องจากมีองค์กรของรัฐทำงานด้านนี้ เป็นเพราะไม่ต้องการให้ยึดแต่ประโยชน์สูงสุดทางธุรกิจใช่หรือไม่ แต่ถ้าตั้งโจทย์ว่าต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ และต้องรีบเข้าเพราะภาวะตลาดก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว ส่วนปัญหาที่ว่าจะทำให้รัฐเสียหายหรือไม่อย่างไร ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่ตนอยากให้มีกรอบหรือนโยบายที่ชัดจากรัฐบาลก่อน
เมื่อถามว่า การปลด ผอ.ททบ. 5 ในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สนองนโยบาย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องมีการตรวจสอบว่าเป้าหมายคืออะไร และใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์ แต่ใครที่ไปดำเนินการในขณะนี้ก็ต้องรับผิดชอบ อย่างกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าหากช่อง 11 มีโฆษณาแล้วผิด เมื่อทำไปแล้วก็ต้องเอาผิดจะวางเฉยไม่ได้ หรือกรณีที่เมื่อมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบุคคลากรหรือทำสัญญาอะไรก็ต้องรับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่าจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบเอาความจริงมาบอกประชาชนก่อนว่าข้อดีข้อเสียคืออะไร
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-