รัฐบาลลุแก่อำนาจ!! สั่งการให้ผู้ว่าฯ ห้ามพรรคประชาธิปัตย์ลงพบประชาชนในพื้นที่ อ้าง ปชป.เปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างเดียว ด้านนริศ ขำนุรักษ์ ระบุปชป.ยังไม่ได้ทำอะไร แค่เสนอนโยบาย พร้อมสวนกลับ ‘อย่าตีตนก่อนไข้’
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้โครงการ ‘ประชาธิปัตย์พบประชาชน’ ซึ่งหลังจากการดำเนินโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดปัตตานี ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ดังนั้นพรรคจึงดำเนินโครงการต่อ โดยจะเป็นการจัดเวทีการปราศรัยขยายผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหน้าที่ปกติของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการเดินสายจะมีขึ้นทั่วประเทศ โดยมีการเน้นหนักไปที่จังหวัดภาคใต้ อาทิ พังงา ระนอง ภูเก็ต ชุมพร กระบี่ ตรัง เป็นต้น แต่ขณะนี้มีการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบางแห่ง ห้ามไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยในจังหวัด โดยอ้างว่า เป็นการปราศรัยโจมตีรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยตามโครงการ ‘ประชาธิปัตย์พบประชาชน’ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือในภายหลัง แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามโจมตีรัฐบาล ห้ามเปิดเครื่องเสียงดัง ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าขณะนี้ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลให้ตามประกบนายเอกชัย ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งเจ้าของเวทีและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามพฤติกรรมด้วย
นายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การจัดโครงการเดินสายพบประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการลงพื้นที่ตามปกติของ ส.ส.ในสมัยปิดประชุมสภาฯ ซึ่งการเดินสายดังกล่าวก็เพิ่งจะมีขึ้นเพียงวันเดียวคือเมื่อวานนี้ที่ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งการปราศรัยบนเวทีก็เป็นเพียงการนำเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีการตำหนิโครงการหรือนโยบายของรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งคิดว่าการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่กล้าที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์ไปเปิดเวทีในจังหวัดของตัวเองนั้น ก็คงเพราะถูกผู้ใหญ่ในรัฐบาลสั่งห้าม เพราะรัฐบาลกลัวว่าประชาชนจะรับรู้ถึงความผิดพลาดบกพร่องหรือการเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลต่อพวกพ้อง
‘ผมอยากจะบอกว่าประเทศไทยไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดหรือรัฐบาลใด เพราะประเทศไทยไม่ใช่บริษัท ที่ผู้บริหารจะสามารถออกคำสั่งให้ลูกน้องในบริษัททำตามที่ตัวเองต้องการ ผมคิดว่ากำลังมีคนตีตนไปก่อนไข้หรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้พาดพิงหรือกล่าวหาในนโยบายของรัฐบาลเลย การกระทำแบบนี้ผมถือว่ารัฐบาลกำลังละเมิดสิทธิเสรีทางการเมือง ผมคิดว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อสนองตอบความต้องการปกป้องรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งการสั่งการให้ทุกจังหวัดห้ามไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ลงพบประชาชน ก็ถือเป็นการกดดันผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องทำตามคำสั่งด้วย’ นายนริศกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองภายใต้โครงการ ‘ประชาธิปัตย์พบประชาชน’ ซึ่งหลังจากการดำเนินโครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดปัตตานี ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ดังนั้นพรรคจึงดำเนินโครงการต่อ โดยจะเป็นการจัดเวทีการปราศรัยขยายผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหน้าที่ปกติของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงปิดสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการเดินสายจะมีขึ้นทั่วประเทศ โดยมีการเน้นหนักไปที่จังหวัดภาคใต้ อาทิ พังงา ระนอง ภูเก็ต ชุมพร กระบี่ ตรัง เป็นต้น แต่ขณะนี้มีการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบางแห่ง ห้ามไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยในจังหวัด โดยอ้างว่า เป็นการปราศรัยโจมตีรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เจรจากับผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยตามโครงการ ‘ประชาธิปัตย์พบประชาชน’ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือในภายหลัง แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามโจมตีรัฐบาล ห้ามเปิดเครื่องเสียงดัง ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าขณะนี้ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลให้ตามประกบนายเอกชัย ศรีวิชัย นักร้องลูกทุ่งเจ้าของเวทีและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามพฤติกรรมด้วย
นายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การจัดโครงการเดินสายพบประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการลงพื้นที่ตามปกติของ ส.ส.ในสมัยปิดประชุมสภาฯ ซึ่งการเดินสายดังกล่าวก็เพิ่งจะมีขึ้นเพียงวันเดียวคือเมื่อวานนี้ที่ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งการปราศรัยบนเวทีก็เป็นเพียงการนำเสนอนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีการตำหนิโครงการหรือนโยบายของรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งคิดว่าการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่กล้าที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์ไปเปิดเวทีในจังหวัดของตัวเองนั้น ก็คงเพราะถูกผู้ใหญ่ในรัฐบาลสั่งห้าม เพราะรัฐบาลกลัวว่าประชาชนจะรับรู้ถึงความผิดพลาดบกพร่องหรือการเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลต่อพวกพ้อง
‘ผมอยากจะบอกว่าประเทศไทยไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดหรือรัฐบาลใด เพราะประเทศไทยไม่ใช่บริษัท ที่ผู้บริหารจะสามารถออกคำสั่งให้ลูกน้องในบริษัททำตามที่ตัวเองต้องการ ผมคิดว่ากำลังมีคนตีตนไปก่อนไข้หรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้พาดพิงหรือกล่าวหาในนโยบายของรัฐบาลเลย การกระทำแบบนี้ผมถือว่ารัฐบาลกำลังละเมิดสิทธิเสรีทางการเมือง ผมคิดว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อสนองตอบความต้องการปกป้องรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งการสั่งการให้ทุกจังหวัดห้ามไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ลงพบประชาชน ก็ถือเป็นการกดดันผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องทำตามคำสั่งด้วย’ นายนริศกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-