กรุงเทพ--2 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เดินทางไปพบเลขาธิการองค์การ การประชุมอิสลาม (OIC) เข้าพบหารือที่กระทรวงการต่างประเทศว่า สืบเนื่องจากการที่ OIC ออกเอกสารข่าว (Press Release) แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ นั้น โดยที่เนื้อหาของเอกสารข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนไปจาก ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้มอบหมายให้นายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงเตหะราน และดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปเข้าพบเลขาธิการ OIC ที่นครเจดดาห์ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2548 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภาคใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อุปทูตไทย ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่ไทย ณ นครเจดดาห์ ก็ได้เข้าพบเลขาธิการ OIC ด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อมทั้งชี้แจงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้มาจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล รวมทั้งได้ชี้แจง การดำเนินการของรัฐบาลต่อกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่กรือเซะและตากใบ เช่น การตั้ง คณะกรรมการอิสระ และการดำเนินการตามผลการสอบสวนของคณะกรรรมการฯ เป็นต้น ในโอกาสเดียวกัน นายนิสสัย เวชชาชีวะ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้า คณะผู้แทนพิเศษดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่สื่อมวลชนว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ เพื่อชี้แจงให้ OIC ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากเอกสารข่าวที่ OIC ได้ออกมานั้น มีความ คลาดเคลื่อนในบางประเด็นจากข้อเท็จจริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นว่า
มีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้แทนไปชี้แจงเพื่อให้มีความเข้าใจดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย แต่โดยที่ OIC เป็นองค์การระหว่างประเทศ และได้ออกเอกสารข่าวพาดพิงมาถึงประเทศไทย ไทยจึงมี ความจำเป็นที่จะต้องไปชี้แจง
สำหรับ ดร.จรัญ มะลูลีม หนึ่งในคณะผู้แทนพิเศษได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า คณะผู้แทนพิเศษได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นที่จะนำไปชี้แจงแก่เลขาธิการ OIC โดยเฉพาะ OIC มีสมาชิกถึง 57 ประเทศจึงมีลักษณะคล้ายกับ องค์การสหประชาชาติของโลกมุสลิม และในฐานะที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการไต่สวน ข้อเท็จจริงทั้งสองกรณีที่กรีอเซะและตากใบ จึงจะพยายามอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ให้เลขาธิการ OIC ทราบ และจะอธิบายให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้กระทบกับประชาชนชาวมุสลิมเท่านั้น แต่กระทบกับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป
นอกจากนั้น ในจำนวนผู้ได้รับผลกระทบก็มีชาวมุสลิมเสียชีวิตอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกัน ซึ่งเอกสารข่าวที่ OIC ออกมาจึงอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าว ดร.จรัญฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอธิบายความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ OIC และ โลกมุสลิมอยู่ในวิสัยที่ทำได้ และในฐานะที่ตนเป็นมุสลิมด้วย ตนก็จะพยายามอธิบายให้เลขาธิการ OIC ได้เข้าใจในโอกาสที่เดินทางไปพบครั้งนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังคณะผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เดินทางไปพบเลขาธิการองค์การ การประชุมอิสลาม (OIC) เข้าพบหารือที่กระทรวงการต่างประเทศว่า สืบเนื่องจากการที่ OIC ออกเอกสารข่าว (Press Release) แสดงความห่วงกังวลต่อเหตุการณ์ใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ นั้น โดยที่เนื้อหาของเอกสารข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนไปจาก ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงได้มอบหมายให้นายนิสสัย เวชชาชีวะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายมหดี วิมานะ อดีตเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงเตหะราน และดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปเข้าพบเลขาธิการ OIC ที่นครเจดดาห์ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2548 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภาคใต้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า อุปทูตไทย ณ กรุงริยาด และกงสุลใหญ่ไทย ณ นครเจดดาห์ ก็ได้เข้าพบเลขาธิการ OIC ด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อมทั้งชี้แจงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้มาจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล รวมทั้งได้ชี้แจง การดำเนินการของรัฐบาลต่อกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่กรือเซะและตากใบ เช่น การตั้ง คณะกรรมการอิสระ และการดำเนินการตามผลการสอบสวนของคณะกรรรมการฯ เป็นต้น ในโอกาสเดียวกัน นายนิสสัย เวชชาชีวะ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้า คณะผู้แทนพิเศษดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่สื่อมวลชนว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ เพื่อชี้แจงให้ OIC ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากเอกสารข่าวที่ OIC ได้ออกมานั้น มีความ คลาดเคลื่อนในบางประเด็นจากข้อเท็จจริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงเห็นว่า
มีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้แทนไปชี้แจงเพื่อให้มีความเข้าใจดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย แต่โดยที่ OIC เป็นองค์การระหว่างประเทศ และได้ออกเอกสารข่าวพาดพิงมาถึงประเทศไทย ไทยจึงมี ความจำเป็นที่จะต้องไปชี้แจง
สำหรับ ดร.จรัญ มะลูลีม หนึ่งในคณะผู้แทนพิเศษได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า คณะผู้แทนพิเศษได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นที่จะนำไปชี้แจงแก่เลขาธิการ OIC โดยเฉพาะ OIC มีสมาชิกถึง 57 ประเทศจึงมีลักษณะคล้ายกับ องค์การสหประชาชาติของโลกมุสลิม และในฐานะที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการไต่สวน ข้อเท็จจริงทั้งสองกรณีที่กรีอเซะและตากใบ จึงจะพยายามอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ให้เลขาธิการ OIC ทราบ และจะอธิบายให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้กระทบกับประชาชนชาวมุสลิมเท่านั้น แต่กระทบกับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป
นอกจากนั้น ในจำนวนผู้ได้รับผลกระทบก็มีชาวมุสลิมเสียชีวิตอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกัน ซึ่งเอกสารข่าวที่ OIC ออกมาจึงอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าว ดร.จรัญฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอธิบายความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ OIC และ โลกมุสลิมอยู่ในวิสัยที่ทำได้ และในฐานะที่ตนเป็นมุสลิมด้วย ตนก็จะพยายามอธิบายให้เลขาธิการ OIC ได้เข้าใจในโอกาสที่เดินทางไปพบครั้งนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-