ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ออกเกณฑ์ผ่อนผันมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกเกณฑ์ผ่อนผันมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท รวมทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาการออกตราสารหนี้ในประเทศ
ให้มีความหลากหลายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดตราสารหนี้ในประเทศ โดยอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศสามารถออก พธบ.
หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยได้ โดยที่สถาบันการเงินสามารถลงทุนใน พธบ.หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทของสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่ออก
จำหน่ายในประเทศไทยได้ และให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศผู้ออก พธบ.หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท นำเงินบาทที่ได้ ฝากเข้าบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่น
ที่อยู่นอกประเทศที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ (SNA) สำหรับสถาบันการเงินที่รับเปิดบัญชีจะเปิดบัญชีได้เพียง 1 บัญชี และเงินบาทที่นำเข้าบัญชีต้องเป็น
เงินบาทที่ได้จากการออก พธบ.หรือหุ้นกู้ตามที่ได้รับอนุญาตจาก ก.คลัง และเป็นเงินบาทที่ได้รับชำระคืนจากธุรกรรมที่ ธปท.ผ่อนผันให้สถาบันการ
เงินระหว่างประเทศเจ้าของบัญชี SNA ทำได้ โดยมีการผ่อนผันให้ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชีมีจำนวนเกินกว่า 300 ล.บาทได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.เอเชียเป็นการเตรียมการเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินเท่านั้น นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีประชาชนถอนเงินฝากเป็นจำนวนมากทำให้ ธ.เอเชียต้องปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยว่า จากการตรวจสอบของ ธปท.ไม่พบรายงานการถอนเงินที่ผิดปกติแต่อย่างใด และฐานะการเงินของ ธ.เอเชียก็ไม่มีปัญหา โดย
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.เอเชีย เป็นการปรับในส่วนของเงินฝากระยะยาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมการสำหรับการปรับโครงสร้างทาง
การเงิน สำหรับกรณีที่ ธ.เอบีเอ็นแอมโร ตัดสินใจขายหุ้นใน ธ.เอเชียให้แก่ ธ.ยูโอบี สิงคโปร์ เกิดขึ้นเพราะ ธ.เอบีเอ็นแอมโร พิจารณาว่า
การลงทุนใน ธ.เอเชียไม่มีความเหมาะสม ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ ธ.เอเชียฐานะไม่ดี ซึ่งในช่วงที่มีการขายหุ้น ธปท.ได้รับทราบภาวะการดำเนิน
งานของ ธ.เอเชีย ซึ่งไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด (ผู้จัดการรายวัน)
3. สศช.เชื่อมั่นการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยของไอเอ็มเอฟไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 47 ของกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จาก 7% เหลือ 6.5% นั้น อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประมาณการของ สศช.ที่คาดว่าจะขยายตัว 6.5-7% ซึ่ง
ถือว่ายอมรับได้ และเห็นว่าการปรับลดประมาณการของไอเอ็มเอฟดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบด้านจิตวิทยาแต่อย่างใด สำหรับกรณีที่ไอเอ็มเอฟตั้ง
ข้อสังเกตุให้รัฐบาลไทยระมัดระวังวินัยทางการคลังและการใช้เงินนอก งปม.ผ่านธนาคารรัฐนั้น เนื่องจากปัจจุบันมีเงินกองทุนต่างๆ เป็นจำนวน
มาก และการใช้จ่ายผ่านธนาคารรัฐและรัฐวิสาหกิจก็มีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลที่สามารถตรวจสอบได้ มีเพียงการ
ใช้จ่ายผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่านั้น ไอเอ็มเอฟจึงเห็นว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว (กรุงเทพธุรกิจ)
4. อันดับความสามารถทางการแข่งขันของไทยเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงอยู่ในอันดับต่ำ รองเลขาธิการสำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยเทียบกับ 60
ประเทศซึ่งจัดอันดับโดยสถาบัน IMD พบว่า อันดับการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่อันดับ 50 แต่ถ้าเทียบกับประเทศ
ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 15 ประเทศ ไทยมีอันดับการแข่งขันที่ 10 ซึ่งสาเหตุที่อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับ
ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น เนื่องจากข้อจำกัดด้านความสามารถของคุณภาพคน และโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนของไทยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เป็นการลงทุนด้านก่อสร้าง เงินเดือน และค่าจ้าง มากกว่า
การนำไปปรับปรุงคุณภาพและบริการ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้จะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.47 สถาบันวิจัยและภาคการธนาคาร
ของเยอรมนีกำลังปรับเพิ่มตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 47 หลังจากที่การเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นสูงเกิน
คาดที่ระดับร้อยละ 0.4 สาเหตุจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการส่งออกในช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 แม้ว่าใน
เดือน ก.พ. ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.จะแข็งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม จึงเป็นสัญญานว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ว่า
เศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.5 น่าจะมีความเป็นไปได้ โดยก่อนหน้านี้ Deutsche Bank และ HSBC ได้ปรับเพิ่มพยากรณ์การเติบโต
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 47 เป็นร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.7 ตามลำดับ จากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิมที่ร้อยละ 1.5 ในขณะที่สถาบัน
DIW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำ 1 ใน 6 แห่งของประเทศที่มองการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในแง่ร้ายที่สุด ได้คาดการณ์
เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตที่ระดับร้อยละ 1.4 มากเป็นเท่าตัวของที่ประมาณการว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.6 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
จึงนับเป็นการมองแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในด้านดีขึ้นทั้งสิ้น (รอยเตอร์)
2. ยังไม่ถึงเวลาที่ ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อ 17 มิ.ย.47 Li Yang สมาชิกคณะกรรมการนโยบาย
การเงินของ ธ.กลางจีนให้ความเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสิ้นสุดเดือน พ.ค.47 ดัชนี
ราคาผู้บริโภคของจีนจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.4 สูงสุดในรอบ 7 ปี จากการที่เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 แต่จาก
การที่ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม ปริมาณเงินหมุนเวียน ยอดสินเชื่อรายใหม่ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรลดลงในเดือน พ.ค.47 แสดงให้เห็น
ว่ามาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนได้ผล ธ.กลางจีนได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
สูงกว่าร้อยละ 5.0 โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเงินให้กู้ยืมระยะเวลา 1 ปีของจีนอยู่ที่ร้อยละ 5.31 (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้วางแผนเพิ่มรายจ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รายงานจากโซล เมื่อ 16 มิ.ย.47 รัฐบาลเกาหลีใต้วางแผนเพิ่ม
รายจ่ายภาครัฐอีก 4.5 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 3.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 0.6 ของ GDP
โดยประมาณของปีนี้ เพื่อหวังสร้างงานใหม่และกระตุ้นการบริโภคในประเทศซึ่งซบเซาจากการที่ผู้บริโภคยังไม่กล้าใช้จ่ายเพิ่มเนื่องจากมีภาระต้อง
ผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตซึ่งขยายตัวอย่างมากในช่วงหลังปี 45 และทำให้ผู้ใหญ่ชาวเกาหลีใต้ทุก 1 ใน 10 คนผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตในเวลาต่อมา
โดยจะมุ่งให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งพึ่งพาการบริโภคในประเทศและต้องการการสนับสนุนทางการเงินในการส่งออก แต่
นักวิเคราะห์เกรงว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้เกิดผลข้างเคียงและภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ขึ้น รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินนโยบายการ
คลังอย่างระมัดระวังเนื่องจากมีภาระต้องดูแลประชากรสูงอายุซึ่งมีจำนวนมากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหากมีการรวมประเทศหรือมีกรณีพิพาทกับ
เกาหลีเหนือ โดยมีงบประมาณเกินดุลตั้งแต่ปี 45 และเกินดุล 1.5 ล้านล้านวอนในปี 46 แม้ว่าจะมีงบสำรองอีก 7.5 ล้านล้านวอนก็ตาม(รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เทียบต่อเดือน รายงานจากโซล เมื่อ 17 มิ.ย.47
สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
จากร้อยละ 3.4 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.47 ทั้งนี้ ตลาดแรงงานของเกาหลีใต้เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 46 หลังจากที่อัตราการว่างงาน
เคยสูงสุดอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6 เมื่อเดือน ต.ค.และ พ.ย.46 .ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี สำหรับจำนวนการจ้างงานในเดือน
พ.ค.47 ลดลงอยู่ที่จำนวน 22.44 ล้านคน จากจำนวน 22.58 และ 22.69 ล้านคนในเดือน เม.ย.และ มี.ค.47 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
ทั้งนี้ ตัวเลขการส่งออกสินค้าหมวดรถยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่และไมโครชิพ สนับสนุนให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้รอดพ้นจากภาวะถดถอยและนำประเทศ
เข้าสู่แนวโน้มของการฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอตัวจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ดังนั้น
นักวิเคราะห์และรัฐบาลจึงเห็นว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ รัฐบาลจึงมี
แผนใช้จ่ายงบประมาณประมาณ 4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 เพื่อการสร้างงานใหม่ รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อันจะ
ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศกระเตื้องขึ้นและสามารถรักษาความเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกไว้ได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 มิ.ย. 47 16 มิ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.888 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.6960/40.9814 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 624.36/19.11 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.94 33.63 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.19*/14.59 18.19*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 8 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ออกเกณฑ์ผ่อนผันมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกเกณฑ์ผ่อนผันมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท รวมทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาการออกตราสารหนี้ในประเทศ
ให้มีความหลากหลายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดตราสารหนี้ในประเทศ โดยอนุญาตให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศสามารถออก พธบ.
หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยได้ โดยที่สถาบันการเงินสามารถลงทุนใน พธบ.หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทของสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่ออก
จำหน่ายในประเทศไทยได้ และให้สถาบันการเงินระหว่างประเทศผู้ออก พธบ.หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท นำเงินบาทที่ได้ ฝากเข้าบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่น
ที่อยู่นอกประเทศที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ (SNA) สำหรับสถาบันการเงินที่รับเปิดบัญชีจะเปิดบัญชีได้เพียง 1 บัญชี และเงินบาทที่นำเข้าบัญชีต้องเป็น
เงินบาทที่ได้จากการออก พธบ.หรือหุ้นกู้ตามที่ได้รับอนุญาตจาก ก.คลัง และเป็นเงินบาทที่ได้รับชำระคืนจากธุรกรรมที่ ธปท.ผ่อนผันให้สถาบันการ
เงินระหว่างประเทศเจ้าของบัญชี SNA ทำได้ โดยมีการผ่อนผันให้ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชีมีจำนวนเกินกว่า 300 ล.บาทได้ (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.ยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.เอเชียเป็นการเตรียมการเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินเท่านั้น นางธาริษา วัฒนเกส
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีประชาชนถอนเงินฝากเป็นจำนวนมากทำให้ ธ.เอเชียต้องปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยว่า จากการตรวจสอบของ ธปท.ไม่พบรายงานการถอนเงินที่ผิดปกติแต่อย่างใด และฐานะการเงินของ ธ.เอเชียก็ไม่มีปัญหา โดย
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.เอเชีย เป็นการปรับในส่วนของเงินฝากระยะยาว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมการสำหรับการปรับโครงสร้างทาง
การเงิน สำหรับกรณีที่ ธ.เอบีเอ็นแอมโร ตัดสินใจขายหุ้นใน ธ.เอเชียให้แก่ ธ.ยูโอบี สิงคโปร์ เกิดขึ้นเพราะ ธ.เอบีเอ็นแอมโร พิจารณาว่า
การลงทุนใน ธ.เอเชียไม่มีความเหมาะสม ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ ธ.เอเชียฐานะไม่ดี ซึ่งในช่วงที่มีการขายหุ้น ธปท.ได้รับทราบภาวะการดำเนิน
งานของ ธ.เอเชีย ซึ่งไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด (ผู้จัดการรายวัน)
3. สศช.เชื่อมั่นการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยของไอเอ็มเอฟไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า การปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 47 ของกองทุนการเงิน
ระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จาก 7% เหลือ 6.5% นั้น อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประมาณการของ สศช.ที่คาดว่าจะขยายตัว 6.5-7% ซึ่ง
ถือว่ายอมรับได้ และเห็นว่าการปรับลดประมาณการของไอเอ็มเอฟดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบด้านจิตวิทยาแต่อย่างใด สำหรับกรณีที่ไอเอ็มเอฟตั้ง
ข้อสังเกตุให้รัฐบาลไทยระมัดระวังวินัยทางการคลังและการใช้เงินนอก งปม.ผ่านธนาคารรัฐนั้น เนื่องจากปัจจุบันมีเงินกองทุนต่างๆ เป็นจำนวน
มาก และการใช้จ่ายผ่านธนาคารรัฐและรัฐวิสาหกิจก็มีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านบาท ขณะที่การใช้จ่ายของรัฐบาลที่สามารถตรวจสอบได้ มีเพียงการ
ใช้จ่ายผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่านั้น ไอเอ็มเอฟจึงเห็นว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว (กรุงเทพธุรกิจ)
4. อันดับความสามารถทางการแข่งขันของไทยเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงอยู่ในอันดับต่ำ รองเลขาธิการสำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยเทียบกับ 60
ประเทศซึ่งจัดอันดับโดยสถาบัน IMD พบว่า อันดับการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่อันดับ 50 แต่ถ้าเทียบกับประเทศ
ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 15 ประเทศ ไทยมีอันดับการแข่งขันที่ 10 ซึ่งสาเหตุที่อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับ
ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น เนื่องจากข้อจำกัดด้านความสามารถของคุณภาพคน และโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี รวมถึงการลงทุนของไทยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เป็นการลงทุนด้านก่อสร้าง เงินเดือน และค่าจ้าง มากกว่า
การนำไปปรับปรุงคุณภาพและบริการ (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้จะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.47 สถาบันวิจัยและภาคการธนาคาร
ของเยอรมนีกำลังปรับเพิ่มตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 47 หลังจากที่การเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นสูงเกิน
คาดที่ระดับร้อยละ 0.4 สาเหตุจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการส่งออกในช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 แม้ว่าใน
เดือน ก.พ. ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ.จะแข็งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม จึงเป็นสัญญานว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ว่า
เศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.5 น่าจะมีความเป็นไปได้ โดยก่อนหน้านี้ Deutsche Bank และ HSBC ได้ปรับเพิ่มพยากรณ์การเติบโต
ทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 47 เป็นร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.7 ตามลำดับ จากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิมที่ร้อยละ 1.5 ในขณะที่สถาบัน
DIW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจชั้นนำ 1 ใน 6 แห่งของประเทศที่มองการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในแง่ร้ายที่สุด ได้คาดการณ์
เมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตที่ระดับร้อยละ 1.4 มากเป็นเท่าตัวของที่ประมาณการว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.6 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
จึงนับเป็นการมองแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในด้านดีขึ้นทั้งสิ้น (รอยเตอร์)
2. ยังไม่ถึงเวลาที่ ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อ 17 มิ.ย.47 Li Yang สมาชิกคณะกรรมการนโยบาย
การเงินของ ธ.กลางจีนให้ความเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ ธ.กลางจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสิ้นสุดเดือน พ.ค.47 ดัชนี
ราคาผู้บริโภคของจีนจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.4 สูงสุดในรอบ 7 ปี จากการที่เศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวถึงร้อยละ 9.8 แต่จาก
การที่ตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรม ปริมาณเงินหมุนเวียน ยอดสินเชื่อรายใหม่ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรลดลงในเดือน พ.ค.47 แสดงให้เห็น
ว่ามาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนได้ผล ธ.กลางจีนได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
สูงกว่าร้อยละ 5.0 โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเงินให้กู้ยืมระยะเวลา 1 ปีของจีนอยู่ที่ร้อยละ 5.31 (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้วางแผนเพิ่มรายจ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รายงานจากโซล เมื่อ 16 มิ.ย.47 รัฐบาลเกาหลีใต้วางแผนเพิ่ม
รายจ่ายภาครัฐอีก 4.5 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 3.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 0.6 ของ GDP
โดยประมาณของปีนี้ เพื่อหวังสร้างงานใหม่และกระตุ้นการบริโภคในประเทศซึ่งซบเซาจากการที่ผู้บริโภคยังไม่กล้าใช้จ่ายเพิ่มเนื่องจากมีภาระต้อง
ผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตซึ่งขยายตัวอย่างมากในช่วงหลังปี 45 และทำให้ผู้ใหญ่ชาวเกาหลีใต้ทุก 1 ใน 10 คนผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตในเวลาต่อมา
โดยจะมุ่งให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งพึ่งพาการบริโภคในประเทศและต้องการการสนับสนุนทางการเงินในการส่งออก แต่
นักวิเคราะห์เกรงว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้เกิดผลข้างเคียงและภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ขึ้น รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินนโยบายการ
คลังอย่างระมัดระวังเนื่องจากมีภาระต้องดูแลประชากรสูงอายุซึ่งมีจำนวนมากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหากมีการรวมประเทศหรือมีกรณีพิพาทกับ
เกาหลีเหนือ โดยมีงบประมาณเกินดุลตั้งแต่ปี 45 และเกินดุล 1.5 ล้านล้านวอนในปี 46 แม้ว่าจะมีงบสำรองอีก 7.5 ล้านล้านวอนก็ตาม(รอยเตอร์)
4. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เทียบต่อเดือน รายงานจากโซล เมื่อ 17 มิ.ย.47
สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
จากร้อยละ 3.4 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.47 ทั้งนี้ ตลาดแรงงานของเกาหลีใต้เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 46 หลังจากที่อัตราการว่างงาน
เคยสูงสุดอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.6 เมื่อเดือน ต.ค.และ พ.ย.46 .ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี สำหรับจำนวนการจ้างงานในเดือน
พ.ค.47 ลดลงอยู่ที่จำนวน 22.44 ล้านคน จากจำนวน 22.58 และ 22.69 ล้านคนในเดือน เม.ย.และ มี.ค.47 (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล)
ทั้งนี้ ตัวเลขการส่งออกสินค้าหมวดรถยนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่และไมโครชิพ สนับสนุนให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้รอดพ้นจากภาวะถดถอยและนำประเทศ
เข้าสู่แนวโน้มของการฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอตัวจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ดังนั้น
นักวิเคราะห์และรัฐบาลจึงเห็นว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานในประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ รัฐบาลจึงมี
แผนใช้จ่ายงบประมาณประมาณ 4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.ในปี 47 เพื่อการสร้างงานใหม่ รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อันจะ
ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศกระเตื้องขึ้นและสามารถรักษาความเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกไว้ได้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 มิ.ย. 47 16 มิ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.888 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.6960/40.9814 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.1250 - 1.2500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 624.36/19.11 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,400/7,500 7,450/7,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.94 33.63 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 18.19*/14.59 18.19*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 8 มิ.ย.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-