รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ‘ไพฑูรย์ แก้วทอง’ เชื่อ ‘พล.ต.สนั่น’ ไม่เคยออกปากสัญญาจะช่วย ‘สุรสิทธิ์ ฉัตรชัยเดช ’ หาเสียงเลือกตั้งที่พิจิตร พร้อมมั่นใจเก้าอี้ ส.ส.ปชป.ภาคเหนือจะอยู่ครบ ในการเลือกตั้งปี 48 ยันไม่มีเหนือ ส.ส.ย้ายพรรคแน่.
วันนี้ ( 18 มิ.ย.47) เวลา 08.20 น. นายไพฑูรย์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิร์ต ถึงกรณีที่นายสุรสิทธิ์ ฉัตรชัยเดช สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดพิจิตร ระบุว่า โดนพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หักหลังเมื่อสมัยการเลือกตั้งส.ว.ที่ผ่านมา เพราะพล.ต.สนั่นได้สัญญาว่าจะช่วยเหลือตนในการเลือกตั้งส.ว.เพื่อแลกกับการหลีกทางให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย ลงสนามเลือกตั้งส.ส. แต่ต่อมาพล.ต.สนั่นกลับส่งคนมาชิงตำแหน่งส.ว.แข่งกับตน ซี่งจขณะนี้นายสุรสิทธิ์ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งส.ว.เพื่อมาลงสมัครส.ส.ในนามพรรคไทยรักไทยเพื่อแกแค้นว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เสนอตัวมาลงสมัครเลือกตั้งส.ส.ในจังหวัดพิจิตรนั้น ตนก็ยอมรับว่าทุกคนเป็นคนดีและประชาชนก็ให้ความสนใจ แต่สำหรับกรณีของนายสุรสิทธิ์นั้น ก็เคยมีข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่านายสุรสิทธิ์มีความประสงค์จะลาออกจากส.ว.มาลงสมัคร ส.ส. แต่จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหนนั้นตนไม่ทราบเรื่อง
‘ผมและท่านพล.ต.สนั่น เล่นการเมืองมากว่า 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนที่เป็นนักการเมืองรุ่นหลังนั้นก็อยู่ในทีมเดียวกัน ก็มีการแข่งขันกันในกลุ่มของลูกน้องตนเอง ส่วนที่ออกมาพูดว่าใครมาหักหลังด้วยความแค้นนั้น ผมคิดว่าการออกมาพูดในลักษณะนี้อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ซึ่งผมขอยืนยันว่าพล.ต.สนั่น ไม่เคยไปสัญญา หรือรับปากและไม่เคยพูดอะไรในลักษณะนี้’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
สำหรับสถานการณ์การเมืองที่มีกระแสข่าวว่า จะมีส.ส.ภาคเหนือของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคเป็นจำนวนมากนั้น นายไพฑูรย์กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ส.ส.ภาคเหนือทุกคนจะยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครย้ายไปอยู่พรรคการเมือง
อื่นอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคเหนือทุกคนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเพียงกระแสข่าวที่ออกมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พื้นที่ยังเป็นของประชาธิปัตย์เช่นเดิม เพราะประชาธิปัตย์อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาโดยตลอด และยังเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวพิจิตรยังไว้ใจประชาธิปัตย์อยู่
‘สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดคือระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คราวที่แล้วเขาอาจจะอยากจะลองของใหม่ กระแสพรรคมาเยอะ พอทำงานปีแรกยังพุ่งอยู่เพราะว่า นโยบายประชานิยมเขาให้โน้นให้นี่ แต่พอปีที่ 2 ก็ยังดีอยู่ พอปีที่ 3 ที่ให้ไปนั้นมันไม่เป็นอย่างนั้น นโยบายต่างก็ผิดพลาด แม้แต่ตัวนายกฯเองก็พูดแล้วก็ไม่เคยรับผิดชอบซักที อันนี้กระแสมันวนกลับ’ นายไพฑูรย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ ( 18 มิ.ย.47) เวลา 08.20 น. นายไพฑูรย์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกกะเฮิร์ต ถึงกรณีที่นายสุรสิทธิ์ ฉัตรชัยเดช สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดพิจิตร ระบุว่า โดนพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หักหลังเมื่อสมัยการเลือกตั้งส.ว.ที่ผ่านมา เพราะพล.ต.สนั่นได้สัญญาว่าจะช่วยเหลือตนในการเลือกตั้งส.ว.เพื่อแลกกับการหลีกทางให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย ลงสนามเลือกตั้งส.ส. แต่ต่อมาพล.ต.สนั่นกลับส่งคนมาชิงตำแหน่งส.ว.แข่งกับตน ซี่งจขณะนี้นายสุรสิทธิ์ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งส.ว.เพื่อมาลงสมัครส.ส.ในนามพรรคไทยรักไทยเพื่อแกแค้นว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน ซึ่งผู้ที่เสนอตัวมาลงสมัครเลือกตั้งส.ส.ในจังหวัดพิจิตรนั้น ตนก็ยอมรับว่าทุกคนเป็นคนดีและประชาชนก็ให้ความสนใจ แต่สำหรับกรณีของนายสุรสิทธิ์นั้น ก็เคยมีข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่านายสุรสิทธิ์มีความประสงค์จะลาออกจากส.ว.มาลงสมัคร ส.ส. แต่จะเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหนนั้นตนไม่ทราบเรื่อง
‘ผมและท่านพล.ต.สนั่น เล่นการเมืองมากว่า 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนที่เป็นนักการเมืองรุ่นหลังนั้นก็อยู่ในทีมเดียวกัน ก็มีการแข่งขันกันในกลุ่มของลูกน้องตนเอง ส่วนที่ออกมาพูดว่าใครมาหักหลังด้วยความแค้นนั้น ผมคิดว่าการออกมาพูดในลักษณะนี้อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ซึ่งผมขอยืนยันว่าพล.ต.สนั่น ไม่เคยไปสัญญา หรือรับปากและไม่เคยพูดอะไรในลักษณะนี้’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
สำหรับสถานการณ์การเมืองที่มีกระแสข่าวว่า จะมีส.ส.ภาคเหนือของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคเป็นจำนวนมากนั้น นายไพฑูรย์กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ส.ส.ภาคเหนือทุกคนจะยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครย้ายไปอยู่พรรคการเมือง
อื่นอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคเหนือทุกคนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเพียงกระแสข่าวที่ออกมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พื้นที่ยังเป็นของประชาธิปัตย์เช่นเดิม เพราะประชาธิปัตย์อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาโดยตลอด และยังเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวพิจิตรยังไว้ใจประชาธิปัตย์อยู่
‘สิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดคือระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คราวที่แล้วเขาอาจจะอยากจะลองของใหม่ กระแสพรรคมาเยอะ พอทำงานปีแรกยังพุ่งอยู่เพราะว่า นโยบายประชานิยมเขาให้โน้นให้นี่ แต่พอปีที่ 2 ก็ยังดีอยู่ พอปีที่ 3 ที่ให้ไปนั้นมันไม่เป็นอย่างนั้น นโยบายต่างก็ผิดพลาด แม้แต่ตัวนายกฯเองก็พูดแล้วก็ไม่เคยรับผิดชอบซักที อันนี้กระแสมันวนกลับ’ นายไพฑูรย์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-