นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่ประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง วันที่ 6 มกราคม 2548 เป็นต้นมา ยังคงประพฤติปฏิบัติ เอาเปรียบทางการเมืองอย่างขาดความละอายโดยไม่เลือกวิธีการ แม้ว่าจะมีการท้วงติงจากหลายฝ่ายในสังคมไทยก็ไร้ความหมาย
พฤติกรรมโจ่งแจ้ง ฉวยโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเวลาราชการ ในการดำเนินภาระหน้าที่ปฏิบัติราชการ หรือนอกเวลาราชการ ในการดำเนินภาระหน้าที่อื่นๆ ล้วนเชื่อมโยงเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งสนับสนุนพรรคไทยรักไทยอย่างออกหน้าออกตา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย ที่จะต้องจารึกไว้ถึงความขาดจริยธรรมทางการเมืองของผู้นำประเทศ ที่การฉกฉวยสร้างภาพหาเสียงกลายเป็นภารกิจของนายกฯและคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ แม้กระทั่งในระยะเวลาเสมือนหนึ่งรัฐบาลรักษาการ ดังต่อไปนี้:1. การใช้เงินซื้อเสียง โพลล์สำนักวิจัยเอแบคฯ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แถลงผลสำรวจโครงการวิจัยการประมาณการจำนวนเงินในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปปี 2548: กรณีศึกษาแกนนำชุมชุนใน 400 เขตทั่วประเทศ พบว่ามียอดการใช้เงินเพื่อการซื้อเสียงสูงกว่า 4,500 ล้านบาท โดยระบุว่าภาคอีสานหนักหน่วงที่สุด
2. การใช้อำนาจ ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ คุกคามต่อผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนนของพรรคฝ่ายตรงข้าม กรณีใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ถล่มบ้านผู้สนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์
3. การใช้กลไกรัฐดำเนินการเพื่ออำนวยการหาเสียงของพรรคใหญ่ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือข่มขู่สั่งการให้ ข้าราชการสนับสนุนผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย
หรือการใช้เวทีประชุมครม.สัญจรถ่ายทอดสด สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ใช้เวลายาวนานกว่า 5 ชั่วโมงเป็นการใช้ “ของหลวง” ที่คู่แข่งไม่สามารถใช้ได้
4. การใช้เครื่องมือเครื่องใช้ของทางราชการดำเนินการเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง สนับสนุนพรรคไทยรักไทยอย่างโจ่งแจ้ง ได้แก่ กรณีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ดูแลภาคเหนือใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่จังหวัดแพร่ เนื้อหาพูดถึงการเตรียมการเลือกตั้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารเลย หรือกรณีที่นายกฯใช้เครื่องบินเจ็ตสตรีมของกองทัพบก จากกรุงเทพฯไป ที่ศูนย์เลือกตั้งจังหวัดร้อยเอ็ด
5. การใช้สื่อของรัฐ โฆษณาชวนเชื่อทุกรูปแบบ สนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ใช้สื่อของรัฐประชาสัมพันธ์ผลงานของตน โดยนำรัฐมนตรีมาออกรายการโชว์ทุกวันเช่นรายการกรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 นายกฯทักษิณ ชินวัตรได้เป็นประธานเปิดงานไชน่าสตรีท อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ของทางราชการ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนผู้ติดตามข่าวสาร เต็มไปด้วยรูปป้ายไทยรักไทยที่มีนายกฯทักษิณติดอยู่ทั่วงาน และมีการกล่าวเป็นนัยกับชาวบ้านที่มาต้อนรับว่า แกนนำของพรรคไทยรักไทยที่ย้ายจากสส.เขตมาลงปาร์ตี้ลิสต์จะได้ทำงานบริหารในรัฐบาลหน้ามากขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า เขตนี้เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงของพรรคไทยรักไทย เป็นต้น
6. การใช้งบประมาณแผ่นดินสัญญาว่าจะให้ ไม่ว่าไปปราศรัยที่จังหวัดใดนายกฯทักษิณ จะใช้เงื่อนไข การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินมาขู่ประชาชนให้เลือกพรรคและคนของพรรคไทยรักไทย มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
ระยะเวลา 10 วันนับตั้งแต่วันประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้งเป็นต้นมา นายกฯทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทย ยังคงดำเนินพฤติกรรมฉกฉวยโอกาส ใช้สื่อของรัฐ งบประมาณของแผ่นดิน ใช้เวทีครม.สัญจรซึ่งเป็นเวลาของการปฏิบัติบริหารราชการแผ่นดินไปเพื่อให้หาเสียงแก่พรรคการเมืองของตนเองอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบธรรมและขาดสำนึกความละอาย
พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้ยุติ การใช้อำนาจและกลไกของรัฐ สื่อของรัฐ งบประมาณของรัฐ เวทีครม.สัญจรของรัฐเพื่อรับใช้ตนเองเสีย หากอ้างว่าการใช้เครื่องมือทุกอย่างของรัฐเป็นไปเพื่อแถลงและรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาล โปรดให้โอกาสแก่พรรคการเมืองอื่นๆอย่างเท่าเทียม เพื่อให้โอกาสแก่ประชาชนในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากพรรคอื่นๆอย่างครบถ้วนและทั่วถึง เพื่อประกอบการตัดสินใจมอบอำนาจเลือกพรรคและผู้แทนของพรรคการเมืองที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
พฤติกรรมโจ่งแจ้ง ฉวยโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเวลาราชการ ในการดำเนินภาระหน้าที่ปฏิบัติราชการ หรือนอกเวลาราชการ ในการดำเนินภาระหน้าที่อื่นๆ ล้วนเชื่อมโยงเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งสนับสนุนพรรคไทยรักไทยอย่างออกหน้าออกตา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทย ที่จะต้องจารึกไว้ถึงความขาดจริยธรรมทางการเมืองของผู้นำประเทศ ที่การฉกฉวยสร้างภาพหาเสียงกลายเป็นภารกิจของนายกฯและคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ แม้กระทั่งในระยะเวลาเสมือนหนึ่งรัฐบาลรักษาการ ดังต่อไปนี้:1. การใช้เงินซื้อเสียง โพลล์สำนักวิจัยเอแบคฯ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แถลงผลสำรวจโครงการวิจัยการประมาณการจำนวนเงินในการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปปี 2548: กรณีศึกษาแกนนำชุมชุนใน 400 เขตทั่วประเทศ พบว่ามียอดการใช้เงินเพื่อการซื้อเสียงสูงกว่า 4,500 ล้านบาท โดยระบุว่าภาคอีสานหนักหน่วงที่สุด
2. การใช้อำนาจ ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ คุกคามต่อผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนนของพรรคฝ่ายตรงข้าม กรณีใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ถล่มบ้านผู้สนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์
3. การใช้กลไกรัฐดำเนินการเพื่ออำนวยการหาเสียงของพรรคใหญ่ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือข่มขู่สั่งการให้ ข้าราชการสนับสนุนผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย
หรือการใช้เวทีประชุมครม.สัญจรถ่ายทอดสด สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ใช้เวลายาวนานกว่า 5 ชั่วโมงเป็นการใช้ “ของหลวง” ที่คู่แข่งไม่สามารถใช้ได้
4. การใช้เครื่องมือเครื่องใช้ของทางราชการดำเนินการเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง สนับสนุนพรรคไทยรักไทยอย่างโจ่งแจ้ง ได้แก่ กรณีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ดูแลภาคเหนือใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่จังหวัดแพร่ เนื้อหาพูดถึงการเตรียมการเลือกตั้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารเลย หรือกรณีที่นายกฯใช้เครื่องบินเจ็ตสตรีมของกองทัพบก จากกรุงเทพฯไป ที่ศูนย์เลือกตั้งจังหวัดร้อยเอ็ด
5. การใช้สื่อของรัฐ โฆษณาชวนเชื่อทุกรูปแบบ สนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ใช้สื่อของรัฐประชาสัมพันธ์ผลงานของตน โดยนำรัฐมนตรีมาออกรายการโชว์ทุกวันเช่นรายการกรองสถานการณ์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 นายกฯทักษิณ ชินวัตรได้เป็นประธานเปิดงานไชน่าสตรีท อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีการถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ของทางราชการ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนผู้ติดตามข่าวสาร เต็มไปด้วยรูปป้ายไทยรักไทยที่มีนายกฯทักษิณติดอยู่ทั่วงาน และมีการกล่าวเป็นนัยกับชาวบ้านที่มาต้อนรับว่า แกนนำของพรรคไทยรักไทยที่ย้ายจากสส.เขตมาลงปาร์ตี้ลิสต์จะได้ทำงานบริหารในรัฐบาลหน้ามากขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่า เขตนี้เป็นเขตพื้นที่เสี่ยงของพรรคไทยรักไทย เป็นต้น
6. การใช้งบประมาณแผ่นดินสัญญาว่าจะให้ ไม่ว่าไปปราศรัยที่จังหวัดใดนายกฯทักษิณ จะใช้เงื่อนไข การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินมาขู่ประชาชนให้เลือกพรรคและคนของพรรคไทยรักไทย มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
ระยะเวลา 10 วันนับตั้งแต่วันประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้งเป็นต้นมา นายกฯทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทย ยังคงดำเนินพฤติกรรมฉกฉวยโอกาส ใช้สื่อของรัฐ งบประมาณของแผ่นดิน ใช้เวทีครม.สัญจรซึ่งเป็นเวลาของการปฏิบัติบริหารราชการแผ่นดินไปเพื่อให้หาเสียงแก่พรรคการเมืองของตนเองอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบธรรมและขาดสำนึกความละอาย
พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้ยุติ การใช้อำนาจและกลไกของรัฐ สื่อของรัฐ งบประมาณของรัฐ เวทีครม.สัญจรของรัฐเพื่อรับใช้ตนเองเสีย หากอ้างว่าการใช้เครื่องมือทุกอย่างของรัฐเป็นไปเพื่อแถลงและรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาล โปรดให้โอกาสแก่พรรคการเมืองอื่นๆอย่างเท่าเทียม เพื่อให้โอกาสแก่ประชาชนในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารจากพรรคอื่นๆอย่างครบถ้วนและทั่วถึง เพื่อประกอบการตัดสินใจมอบอำนาจเลือกพรรคและผู้แทนของพรรคการเมืองที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-