จากข่าวการเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ 2 ราย เมื่อวันที่ 12 และ 13 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ผู้ประสบภัยทุกคนได้รับการช่วยเหลือจากการประกันภัย
1. อุบัติเหตุรายแรก รถโดยสารฯได้ทำประกันภัยตาม พ.ร.บ.และประกันภัยประเภท 3 กับบริษัททิพยประกันภัย จำกัด รถบรรทุกฯได้ทำประกันภัยตาม พ.ร.บ.และประกันภัยประเภท 1 กับบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการประกันภัยได้ดังนี้
1.1 ผู้โดยสารที่เสียชีวิต ทายาทสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรวมทั้งสิ้นรายละไม่เกิน 450,000 บาท โดยได้รับจากบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ในส่วนของการประกันภัยตาม พ.ร.บ. รายละ 100,000 บาท การประกันภัยประเภท 1 รายละไม่เกิน 250,000 บาท และจากบริษัททิพยประกันภัย จำกัด ในส่วนการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลอีกรายละ 100,000 บาท
1.2 ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลได้ตามความเป็นจริง และค่าอนามัยตามความเหมาะสมรวมทั้งสิ้นรายละไม่เกิน 350,000 บาท โดยได้รับจากบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ในส่วนของการประกันภัยตาม พ.ร.บ.รายละไม่เกิน 50,000 บาท จากการประกันภัยประเภท 1 รายละไม่เกิน 250,000 บาท และจากบริษัททิพยประกันภัย จำกัด ในส่วนของการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลอีกรายละไม่เกิน 50,000 บาท
1.3 ผู้ขับขี่รถบรรทุกฯที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลได้ตามความเป็นจริงแต่ไม่เกิน 65,000 บาท โดยได้รับจากการประกันภัยตาม พ.ร.บ.ไม่เกิน 15,000 บาท และจากการประกันภัยประเภท 1 ในส่วนของการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 50,000 บาท
2. อุบัติเหตุรายที่สองจากการตรวจสอบพบว่า ประกันภัยตาม พ.ร.บ.ของรถปิคอัพสิ้นสุดก่อนวันเกิดเหตุและยังไม่ได้ต่ออายุประกันภัย ทายาทผู้ประสบภัยสามารถเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้นจากเจ้าของรถปิคอัพคันที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หากเจ้าของรถไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นได้ ทายาทผู้ประสบภัยก็สามารถร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเป็นค่าปลงศพได้รายละ 35,000 บาท
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เจ้าของรถรายที่สองได้หลงลืมต่ออายุประกันภัย จึงทำให้ผู้ประสบภัยไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ซึ่งให้ความคุ้มครองกรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิตถึงรายละ 100,000 บาทได้ แต่สามารถยื่นขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้เพียง 35,000 บาทเท่านั้น จึงขอให้เจ้าของรถทุกคนได้ตระหนักถึงการทำประกันภัยรถตามที่กฎหมายกำหนด และตรวจสอบการต่ออายุประกันภัยก่อนวันสิ้นสุดระยะเวลาประกันภัยด้วย
หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถ สามารถสอบถามได้ที่กรมการประกันภัย โทร. 0-2547-4521 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th