นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผยถึงภาวะการส่งออกสิ่งทอและ
เครื่องนุ่งห่มของไทยช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 ว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 1,888.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
ประมาณ 73,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2546 ถึงร้อยละ 15.1 โดยแบ่งเป็นการส่งออก
เครื่องนุ่งห่มมูลค่า 953 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสิ่งทอ 935.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 50.5 และ
49.5 ตามลำดับ การส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นมากทำให้กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าหมายการส่งออกสิ่งทอและเครื่อง
นุ่งห่มปี 2547 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 12
ตลาดในข้อตกลงยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย โดยในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 มี
มูลค่าส่งออก 949.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 4.3 ตลาดที่สำคัญ
คือ สหรัฐอเมริกามีมูลค่าส่งออก 556.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.7 ส่วนสหภาพยุโรปมี
มูลค่า 359.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.7 สำหรับตลาดนอกข้อตกลงมีมูลค่าการส่งออกรวม
ทั้งสิ้น 939 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่นและจีน มีมูลค่าการส่งออก
148.4 และ 83.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 และ 84.4 ตามลำดับ
ในส่วนของการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายใต้โควตาจากการออกหนังสือรับรองการส่งออก
ของกรมการค้าต่างประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 2547 มีมูลค่า 734.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
จากระยะเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 8.2 โดยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สหภาพ ยุโรป และแคนาดา มี
มูลค่า 417.3 , 301.5 และ 15.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 56.8 41.1 และ 2.1 ตามลำดับ
สำหรับการใช้โควตาในช่วงดังกล่าว ส่วนใหญ่ยังใช้โควตาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณโควตาที่ได้รับ โดยสหรัฐฯ
มีการใช้โควตาเกินร้อยละ 50 ของปริมาณโควตาที่ได้รับจำนวน 4 รายการ คือ รายการ 342/642 (
กระโปรง) รายการ 647/648 (กางเกงทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์) รายการ 219 (ผ้าผืน duck) และ
รายการ 301-O (เส้นด้ายฝ้าย) ส่วนสหภาพยุโรปและแคนาดายังไม่มีรายการใดใช้โควตาเกินร้อยละ 50
สำหรับการนำเข้าสิ่งทอในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 มีมูลค่า 867.5 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.2 โดยสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่ร้อยละ 94.5 เป็น
สินค้าสิ่งทอเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต (ผ้าผืน เส้นใย เส้นด้าย) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมี สัดส่วน
เพียงร้อยละ 5.5 แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ
--กรมการค้าต่างประเทศ มิถุนายน 2547--
-สส-
เครื่องนุ่งห่มของไทยช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 ว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 1,888.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
ประมาณ 73,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2546 ถึงร้อยละ 15.1 โดยแบ่งเป็นการส่งออก
เครื่องนุ่งห่มมูลค่า 953 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสิ่งทอ 935.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 50.5 และ
49.5 ตามลำดับ การส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นมากทำให้กระทรวงพาณิชย์ปรับเป้าหมายการส่งออกสิ่งทอและเครื่อง
นุ่งห่มปี 2547 จากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 12
ตลาดในข้อตกลงยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย โดยในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 มี
มูลค่าส่งออก 949.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 4.3 ตลาดที่สำคัญ
คือ สหรัฐอเมริกามีมูลค่าส่งออก 556.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.7 ส่วนสหภาพยุโรปมี
มูลค่า 359.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.7 สำหรับตลาดนอกข้อตกลงมีมูลค่าการส่งออกรวม
ทั้งสิ้น 939 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 ตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่นและจีน มีมูลค่าการส่งออก
148.4 และ 83.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 และ 84.4 ตามลำดับ
ในส่วนของการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายใต้โควตาจากการออกหนังสือรับรองการส่งออก
ของกรมการค้าต่างประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 2547 มีมูลค่า 734.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
จากระยะเดียวกันของปี 2546 ร้อยละ 8.2 โดยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สหภาพ ยุโรป และแคนาดา มี
มูลค่า 417.3 , 301.5 และ 15.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 56.8 41.1 และ 2.1 ตามลำดับ
สำหรับการใช้โควตาในช่วงดังกล่าว ส่วนใหญ่ยังใช้โควตาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปริมาณโควตาที่ได้รับ โดยสหรัฐฯ
มีการใช้โควตาเกินร้อยละ 50 ของปริมาณโควตาที่ได้รับจำนวน 4 รายการ คือ รายการ 342/642 (
กระโปรง) รายการ 647/648 (กางเกงทำด้วยเส้นใยสังเคราะห์) รายการ 219 (ผ้าผืน duck) และ
รายการ 301-O (เส้นด้ายฝ้าย) ส่วนสหภาพยุโรปและแคนาดายังไม่มีรายการใดใช้โควตาเกินร้อยละ 50
สำหรับการนำเข้าสิ่งทอในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2547 มีมูลค่า 867.5 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.2 โดยสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่ร้อยละ 94.5 เป็น
สินค้าสิ่งทอเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต (ผ้าผืน เส้นใย เส้นด้าย) สำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมี สัดส่วน
เพียงร้อยละ 5.5 แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ
--กรมการค้าต่างประเทศ มิถุนายน 2547--
-สส-