‘ส.ส.เมืองคอน’ ชินวรณ์ บุญเกียรติ ชี้ งบประมาณปี 48 เป็นงบ ‘ซุกงบประมาณ’ ไม่มีที่มาของรายได้ ผลักภาระไปให้ประชาชน ซุกที่ไปของรายจ่าย เอื้อประโยชน์ ขยายฐานทางธุรกิจ ของกลุ่มทุนใหญ่ในรัฐบาล
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่า จากการตั้งงบประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยมีการจัดสรรอย่างเป็นสัดส่วน และความจำเป็นตามที่นายกฯแถลงไว้เบื้องต้น จากการพิจารณาจากการจัดสรรงบประมาณ ปี 48 ชี้ให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการบริหารของรัฐบาล ว่าภายนโยบาย ‘ทักษินอมิค’ ทำให้คนรวยยิ่งรวย ทำให้คนจนยิ่งจนลง
ซึ่งพบว่างบประมาณที่รัฐบาลตั้งในปีนี้ เป็นงบที่มาจากภาษีโดยตรง ร้อยละ 90.7 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรายได้ที่มาจากการที่รัฐบาลผลักภาระภาษีไปให้ประชาชน เพราะภาษีที่ได้จากเก็บภาษีศุลกากรขาเข้า 1,100 ล้านบาท ขาออก 200ล้านบาท แสดงว่ารายได้ส่วนใหญ่เก็บมาจากนโยบายที่รัฐบาลผลักเป็นภาระใช้จ่ายให้กับประชาชน ไม่ใช่รายได้ที่ได้จากภาคผลิตโดยตรง
ในการจัดลำดับความสามารถในการแข่งขัน เทียบ 60 ประเทศ ผลจากการจัดลำดับ จากไอเอ็มอี ในปี 2547 เมื่อด้านคุณภาพของคน วิทยศาสตร์ เทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องสมรรถภภาพเศรษฐกิจ ประเทศไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 48
หากดูอย่างละเอียดจะเห็นว่างบประมาณปีนี้ เป็นงบประมาณแบบ ซุกงบประมาณ เพราะซุกที่มาของรายได้ ผลักภาระไปให้ประชาชน ซุกที่ไปของรายจ่าย เอื้อประโยชน์ ขยายฐานทางธุรกิจ ของกลุ่มทุนใหญ่ในรัฐบาล
วันนี้รัฐบาลได้ไปจัดตั้งงบประมาณ เป็นกองทุนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นความช่วยเหลือแบบให้เปล่า หรือกู้ยืม 6,490 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ในขณะที่บริษัทไอพีสตาร์ ได้รับยกเว้นภาษี
ในขณะที่ประเทศไทยยังมีหนี้สาธารณะอยู่มาก จากการกู้ยืม ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี เดิมมีกำหนดว่าการช่วยเหลือในรูปแบบให้กู้ โดยการผ่อนปน แต่วันที่ 14. ก.พ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนระเบียบเป็นการช่วยเหลือโดยการให้เปล่า โดยใช้เงินภาษีประชาชน หนี้สาธารณะได้นำเงินภาษีของประชาชนไปรับภาระ ภายใต้การสร้างการตลาดของรัฐบาล โดยผลักภาระภาษีให้ประชาชน เพิ่มหนี้ในอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่า จากการตั้งงบประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยมีการจัดสรรอย่างเป็นสัดส่วน และความจำเป็นตามที่นายกฯแถลงไว้เบื้องต้น จากการพิจารณาจากการจัดสรรงบประมาณ ปี 48 ชี้ให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการบริหารของรัฐบาล ว่าภายนโยบาย ‘ทักษินอมิค’ ทำให้คนรวยยิ่งรวย ทำให้คนจนยิ่งจนลง
ซึ่งพบว่างบประมาณที่รัฐบาลตั้งในปีนี้ เป็นงบที่มาจากภาษีโดยตรง ร้อยละ 90.7 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรายได้ที่มาจากการที่รัฐบาลผลักภาระภาษีไปให้ประชาชน เพราะภาษีที่ได้จากเก็บภาษีศุลกากรขาเข้า 1,100 ล้านบาท ขาออก 200ล้านบาท แสดงว่ารายได้ส่วนใหญ่เก็บมาจากนโยบายที่รัฐบาลผลักเป็นภาระใช้จ่ายให้กับประชาชน ไม่ใช่รายได้ที่ได้จากภาคผลิตโดยตรง
ในการจัดลำดับความสามารถในการแข่งขัน เทียบ 60 ประเทศ ผลจากการจัดลำดับ จากไอเอ็มอี ในปี 2547 เมื่อด้านคุณภาพของคน วิทยศาสตร์ เทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องสมรรถภภาพเศรษฐกิจ ประเทศไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 48
หากดูอย่างละเอียดจะเห็นว่างบประมาณปีนี้ เป็นงบประมาณแบบ ซุกงบประมาณ เพราะซุกที่มาของรายได้ ผลักภาระไปให้ประชาชน ซุกที่ไปของรายจ่าย เอื้อประโยชน์ ขยายฐานทางธุรกิจ ของกลุ่มทุนใหญ่ในรัฐบาล
วันนี้รัฐบาลได้ไปจัดตั้งงบประมาณ เป็นกองทุนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นความช่วยเหลือแบบให้เปล่า หรือกู้ยืม 6,490 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน ในขณะที่บริษัทไอพีสตาร์ ได้รับยกเว้นภาษี
ในขณะที่ประเทศไทยยังมีหนี้สาธารณะอยู่มาก จากการกู้ยืม ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดจากการเปลี่ยนระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี เดิมมีกำหนดว่าการช่วยเหลือในรูปแบบให้กู้ โดยการผ่อนปน แต่วันที่ 14. ก.พ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนระเบียบเป็นการช่วยเหลือโดยการให้เปล่า โดยใช้เงินภาษีประชาชน หนี้สาธารณะได้นำเงินภาษีของประชาชนไปรับภาระ ภายใต้การสร้างการตลาดของรัฐบาล โดยผลักภาระภาษีให้ประชาชน เพิ่มหนี้ในอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-