"นายสุวรรณ กู้สุจริต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ จำนวน 409 ล้านบาท (เพิ่มจากปี 47 จำนวน 76 ล้านบาท)
ไม่เห็นด้วยเพราะ เห็นว่าสำนักงานข่าวกรอง ไม่มีประสิทธิภาพเรื่องการรายงานข่าว ทั้งการรายงานข่าวมีความผิดพลาดหลายครั้ง เช่น กรณีการรายงานสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้-งบประมาณในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงการกีฬา
ควรเพิ่มงบส่วนนี้ เนื่องจากเห็นว่าสำนักงานดังกล่าวมีขอบข่ายงานที่ครอบคลุมหลายด้านในเรื่องการกีฬา แต่งบประมาณที่ได้รับจำนวน 225 ล้านบาทนั้น คิดว่าไม่เพียงพอต่อการพัฒนาศักยภาพด้านการกีฬาของประเทศ ให้ก้าวสู่ระดับโลกได้
"นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณการท่องเที่ยว (งบประมาณที่ตั้งไว้ 2,400 ล้านบาท)
คิดว่าน้อยเกินไป เพราะคิดว่าขณะนี้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซาลง จากสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ดังนั้นรัฐบาลควรเพิ่มจำนวนงบประมาณในส่วนนี้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศโดยเฉพาะจังหวัดภาคใต้ อย่าไปทุ่มงบประมาณเพียงบางจังหวัดเท่านั้น -งบประมาณในส่วนของการนิคมอุตสาหกรรม (ตั้งไว้เพียง 0.35% ของงบประมาณ)
อุตสาหกรรมยางซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนภาคใต้ ควรจะมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพหรือปริมาณการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศให้ได้มากๆ แต่การตั้งงบประมาณที่น้อยเกินไปทำให้การพัฒนาเกิดความยากลำบาก ดังนั้นเรื่องนี้ขอให้กรรมาธิการวิสามัญงบประมาณแปรญัตติจากงบกลางเพื่อมาแบบ่งให้การนิคมอุตสาหกรรมด้วย
"นายเจือ ราชสีห์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์"
-งบกลางที่ตั้งไว้สูง โดยเฉพาะงบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน
ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดงบกลางจึงต้องกำหนดให้นายกฯเป็นผู้อนุมัติได้เพียงผู้เดียว โดยที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาฯ นอกจากนี้งบประมาณดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียด เป็นการตั้งตัวเลขขึ้นมาลอยๆเท่านั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดหลักการทำงบประมาณของประเทศอย่างมาก ทั้งนี้นายเจือได้ยกตัวอย่างของการอนุมัติงบกลางอย่างไม่เป็นธรรมคือ การอนุมัติงบกลาง เพื่อซื้อเครื่องบินแอร์ฟอร์ดวันจำนวน 1,200 ล้านบาท ให้กับคณะรัฐมนตรี เป็นต้น
"นายสุพัทธ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 2,400 ล้านบาท
เห็นว่ารัฐบาลควรตั้งงบประมาณขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง เพี่อส่งเสริมด้านการกีฬาโดยเฉพาะ ทั้งนี้เห็นว่ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะต้องดูแลเรื่องการกีฬาทั่วประเทศ ดังนั้นคิดว่าในส่วนนี้ควรจะมีการเพิ่มงบประมาณ
"นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 2,400 ล้านบาท
ในปี 2547 รัฐบาลตั้งงบประมาณเรื่องนี้จำนวน 4,719 ล้านบาท แต่ปีนี้รัฐบาลกลับลดลงมาเหลือเพียง 4,000 กว่าล้านบาท ทั้งทีการกีฬาไทยยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร ทั้งยังด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องการกีฬา แต่กลับมุ่งเน้นในเรื่องของการตลาด ดูได้จากความพยายามซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลโดยอ้างว่าเพื่อพัฒนาการกีฬาไทย
"นายธนิตพล ไชยนันทน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกระทรวงสาธารณสุข (งบจัดซื้อจัดจ้าง)
เห็นว่ามีการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เช่น เมื่อปี 2547 กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีการประมูลการจัดซื้อรถพยาบาลจำนวน 201 คัน โดยจะมีการยื่นซองประมูลภายในสิ้นเดือนนี้ (มิ.ย.47) แต่ในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติกลับมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น เช่น กำหนดให้ผู้ยื่นซองประมูลจะต้องเป็นผู้ผลลิตและผู้นำเข้า ซึ่งคุณสมบัตินี้ก็เห็นได้ว่าเอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม เพราะมีเพียงไม่กี่บริษัทในประเทศที่มีคุณสมบัตินี้
งบส่วนใหญ่มาจากเงินภาษีของประชาชน ซึ่งรัฐบาลควรจะนำกลับคืนประชาชนด้วยการให้ เช่น การสร้าง การพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ใช่การให้โดยการให้กู้ทำให้ประชาชนเป็นหนี้ ทั้งนี้เห็นว่าการจัดงบประมาณในทุกรูปแบบ จะไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนได้ หากรัฐบาลยังมีโครงการเอื้ออาทรต่างๆอยู่
"นายเทียนชัย วงศ์สวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกรมที่ดิน (ตามโครงการแปลงทรัพย์สินเป็นทุน)
ในขณะที่รัฐบาลจัดโครงการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนขึ้นมา โดยอ้างว่าเพื่อให้ประชาชนนำที่ดินมาแปลงเป็นทรัพย์เพื่อนำไปเป็นทุนในการทำอาชีพ แต่เมื่อดูงบประมาณที่รัฐบาลจัดลงมาก็พบว่ามีจำนวนน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความต้องการให้การออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนอย่างจริงจัง
-งบประมาณในกระทรวงสาธารณสุข (โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค)
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชนตามโครงการ เพราะงบจำนวน 1 พันกว่าล้านบาทที่จัดลงไปนั้นไปไม่ถึงโรงพยาบาล เพราะบางส่วนถูกตัดไว้ที่กระทรวงหรือกรมต่างๆ ทำให้การรักษาพยาบาลเกิดความไม่เท่าเทียมกัน
"นายพิทักษ์ สันติวงศ์เดชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์"
-การจัดงบประมาณในสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
มีการจัดงบประมาณลงไปเป็นจำนวนน้อยมาก ซึ่งเมื่อปี 2547 ได้รับงบประมาณเพียง 78 ล้านบาท ทั้งที่งานของสคบ. มีมากทั้งจากการร้องเรียนจากประชาชน หรืออย่างอื่น -การถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น
มีการถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น แต่กลับไม่มีการกระจายเงินงบประมาณลงไป
"นางสาวรังสิมา รอดรัศมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงครามพรรคประชาธิปัตย์"
ตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่จังหวัดของนายกฯ เช่น การก่อสร้างสะพาน ซึ่งไม่รู้ว่าที่จังหวัดของนายกฯจะสร้างไปสวรรค์หรือนรก เพราะในปีเดียวมีการก่อสร้างถึง 8 สะพาน ในขณะที่จังหวัดอื่นเช่นจังหวัดสมุทรสงคราม กลับไม่ได้รับการอนุมัติก่อสร้างเลยแม้แต่สะพานเดียว นอกจากนี้งบประมาณยังถูกใช้ไปกับเรื่องส่วนตัวของนายกฯ เช่นการอนุมัติซื้อเครื่องบินเฮลิคอร์ปเตอร์ส่วนตัวของนายกฯ ซึ่งหากนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนจนหรือซื้ออุปกรณ์การศึกษาให้นักเรียนที่ต่างจังหวัด จะได้ประโยชน์มากว่า
"นายสุวิทย์ เสงี่ยมกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์"
งบประมาณที่ตั้งไว้ในปีนี้ ไม่เป็นธรรมกับประชาชนบางกลุ่ม เช่น การจัดการศึกษาภาคเอกชน
"นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์"
-งบท้องถิ่น 7,895 แห่ง จำนวน 282,000 ล้านบาท
รัฐบาลไม่จริงใจในการกระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่น
"ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
ตั้งข้อสังเกตถึงการเพิ่งวงเงินงบประมาณจากปี 2547 จำนวน 285 ล้านบาท มาเป็น 3,412 ล้านบาทในปี 2548 ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวกระโดดของงบประมาณ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
-งบประมาณสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ จำนวน 409 ล้านบาท (เพิ่มจากปี 47 จำนวน 76 ล้านบาท)
ไม่เห็นด้วยเพราะ เห็นว่าสำนักงานข่าวกรอง ไม่มีประสิทธิภาพเรื่องการรายงานข่าว ทั้งการรายงานข่าวมีความผิดพลาดหลายครั้ง เช่น กรณีการรายงานสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้-งบประมาณในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงการกีฬา
ควรเพิ่มงบส่วนนี้ เนื่องจากเห็นว่าสำนักงานดังกล่าวมีขอบข่ายงานที่ครอบคลุมหลายด้านในเรื่องการกีฬา แต่งบประมาณที่ได้รับจำนวน 225 ล้านบาทนั้น คิดว่าไม่เพียงพอต่อการพัฒนาศักยภาพด้านการกีฬาของประเทศ ให้ก้าวสู่ระดับโลกได้
"นายลาภศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณการท่องเที่ยว (งบประมาณที่ตั้งไว้ 2,400 ล้านบาท)
คิดว่าน้อยเกินไป เพราะคิดว่าขณะนี้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซาลง จากสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ดังนั้นรัฐบาลควรเพิ่มจำนวนงบประมาณในส่วนนี้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศโดยเฉพาะจังหวัดภาคใต้ อย่าไปทุ่มงบประมาณเพียงบางจังหวัดเท่านั้น -งบประมาณในส่วนของการนิคมอุตสาหกรรม (ตั้งไว้เพียง 0.35% ของงบประมาณ)
อุตสาหกรรมยางซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนภาคใต้ ควรจะมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มคุณภาพหรือปริมาณการผลิตเพื่อการส่งออกของประเทศให้ได้มากๆ แต่การตั้งงบประมาณที่น้อยเกินไปทำให้การพัฒนาเกิดความยากลำบาก ดังนั้นเรื่องนี้ขอให้กรรมาธิการวิสามัญงบประมาณแปรญัตติจากงบกลางเพื่อมาแบบ่งให้การนิคมอุตสาหกรรมด้วย
"นายเจือ ราชสีห์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์"
-งบกลางที่ตั้งไว้สูง โดยเฉพาะงบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน
ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดงบกลางจึงต้องกำหนดให้นายกฯเป็นผู้อนุมัติได้เพียงผู้เดียว โดยที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภาฯ นอกจากนี้งบประมาณดังกล่าวยังไม่มีรายละเอียด เป็นการตั้งตัวเลขขึ้นมาลอยๆเท่านั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดหลักการทำงบประมาณของประเทศอย่างมาก ทั้งนี้นายเจือได้ยกตัวอย่างของการอนุมัติงบกลางอย่างไม่เป็นธรรมคือ การอนุมัติงบกลาง เพื่อซื้อเครื่องบินแอร์ฟอร์ดวันจำนวน 1,200 ล้านบาท ให้กับคณะรัฐมนตรี เป็นต้น
"นายสุพัทธ ธรรมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 2,400 ล้านบาท
เห็นว่ารัฐบาลควรตั้งงบประมาณขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง เพี่อส่งเสริมด้านการกีฬาโดยเฉพาะ ทั้งนี้เห็นว่ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะต้องดูแลเรื่องการกีฬาทั่วประเทศ ดังนั้นคิดว่าในส่วนนี้ควรจะมีการเพิ่มงบประมาณ
"นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณด้านการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 2,400 ล้านบาท
ในปี 2547 รัฐบาลตั้งงบประมาณเรื่องนี้จำนวน 4,719 ล้านบาท แต่ปีนี้รัฐบาลกลับลดลงมาเหลือเพียง 4,000 กว่าล้านบาท ทั้งทีการกีฬาไทยยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร ทั้งยังด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องการกีฬา แต่กลับมุ่งเน้นในเรื่องของการตลาด ดูได้จากความพยายามซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลโดยอ้างว่าเพื่อพัฒนาการกีฬาไทย
"นายธนิตพล ไชยนันทน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกระทรวงสาธารณสุข (งบจัดซื้อจัดจ้าง)
เห็นว่ามีการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เช่น เมื่อปี 2547 กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีการประมูลการจัดซื้อรถพยาบาลจำนวน 201 คัน โดยจะมีการยื่นซองประมูลภายในสิ้นเดือนนี้ (มิ.ย.47) แต่ในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติกลับมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น เช่น กำหนดให้ผู้ยื่นซองประมูลจะต้องเป็นผู้ผลลิตและผู้นำเข้า ซึ่งคุณสมบัตินี้ก็เห็นได้ว่าเอื้อประโยชน์คนบางกลุ่ม เพราะมีเพียงไม่กี่บริษัทในประเทศที่มีคุณสมบัตินี้
งบส่วนใหญ่มาจากเงินภาษีของประชาชน ซึ่งรัฐบาลควรจะนำกลับคืนประชาชนด้วยการให้ เช่น การสร้าง การพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ใช่การให้โดยการให้กู้ทำให้ประชาชนเป็นหนี้ ทั้งนี้เห็นว่าการจัดงบประมาณในทุกรูปแบบ จะไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนได้ หากรัฐบาลยังมีโครงการเอื้ออาทรต่างๆอยู่
"นายเทียนชัย วงศ์สวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน พรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกรมที่ดิน (ตามโครงการแปลงทรัพย์สินเป็นทุน)
ในขณะที่รัฐบาลจัดโครงการแปลงทรัพย์สินเป็นทุนขึ้นมา โดยอ้างว่าเพื่อให้ประชาชนนำที่ดินมาแปลงเป็นทรัพย์เพื่อนำไปเป็นทุนในการทำอาชีพ แต่เมื่อดูงบประมาณที่รัฐบาลจัดลงมาก็พบว่ามีจำนวนน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความต้องการให้การออกเอกสารสิทธิ์ให้ประชาชน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนอย่างจริงจัง
-งบประมาณในกระทรวงสาธารณสุข (โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค)
รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชนตามโครงการ เพราะงบจำนวน 1 พันกว่าล้านบาทที่จัดลงไปนั้นไปไม่ถึงโรงพยาบาล เพราะบางส่วนถูกตัดไว้ที่กระทรวงหรือกรมต่างๆ ทำให้การรักษาพยาบาลเกิดความไม่เท่าเทียมกัน
"นายพิทักษ์ สันติวงศ์เดชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์"
-การจัดงบประมาณในสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
มีการจัดงบประมาณลงไปเป็นจำนวนน้อยมาก ซึ่งเมื่อปี 2547 ได้รับงบประมาณเพียง 78 ล้านบาท ทั้งที่งานของสคบ. มีมากทั้งจากการร้องเรียนจากประชาชน หรืออย่างอื่น -การถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น
มีการถ่ายโอนภารกิจท้องถิ่น แต่กลับไม่มีการกระจายเงินงบประมาณลงไป
"นางสาวรังสิมา รอดรัศมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงครามพรรคประชาธิปัตย์"
ตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่จังหวัดของนายกฯ เช่น การก่อสร้างสะพาน ซึ่งไม่รู้ว่าที่จังหวัดของนายกฯจะสร้างไปสวรรค์หรือนรก เพราะในปีเดียวมีการก่อสร้างถึง 8 สะพาน ในขณะที่จังหวัดอื่นเช่นจังหวัดสมุทรสงคราม กลับไม่ได้รับการอนุมัติก่อสร้างเลยแม้แต่สะพานเดียว นอกจากนี้งบประมาณยังถูกใช้ไปกับเรื่องส่วนตัวของนายกฯ เช่นการอนุมัติซื้อเครื่องบินเฮลิคอร์ปเตอร์ส่วนตัวของนายกฯ ซึ่งหากนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนจนหรือซื้ออุปกรณ์การศึกษาให้นักเรียนที่ต่างจังหวัด จะได้ประโยชน์มากว่า
"นายสุวิทย์ เสงี่ยมกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์"
งบประมาณที่ตั้งไว้ในปีนี้ ไม่เป็นธรรมกับประชาชนบางกลุ่ม เช่น การจัดการศึกษาภาคเอกชน
"นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์"
-งบท้องถิ่น 7,895 แห่ง จำนวน 282,000 ล้านบาท
รัฐบาลไม่จริงใจในการกระจายงบประมาณสู่ท้องถิ่น
"ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์"
-งบประมาณในกระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
ตั้งข้อสังเกตถึงการเพิ่งวงเงินงบประมาณจากปี 2547 จำนวน 285 ล้านบาท มาเป็น 3,412 ล้านบาทในปี 2548 ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวกระโดดของงบประมาณ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-