นายวิรัฐ ร่มเย็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 ในส่วนของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ตั้งไว้จำนวน 5 หมื่นกว่าล้านบาท โดยนายวิรัฐได้ตั้งข้อสังเกตถึงการส่อทุจริตในการตั้งห้องปฏิบัติการกลางเพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หรือห้องแล็บการเกษตร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 1,950 ล้านบาท ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 250 ล้าน และกำหนดเป็นเงินจ่ายผ่าน อีกก้อนเป็นงบดำเนินการ 1,700 ล้าน
นายวิรัฐกล่าวว่า ตนได้รับเอกสารจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 เรื่องการตรวจการจัดซื้ออุปกรณ์ของห้องปฏิบัติการกลางเพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร งบประมาณจำนวน 1,597 ล้านบาท ซึ่งพบสิ่งที่น่าพิรุธหลายเรื่องคือ
1.ระเบียบปฏิบัติการบริหารงาน ที่มีการจ่ายเบี้ยประชุมแบบเหมาจ่ายเดือนละ 1 หมื่นบาทต่อคน และการจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการบริหารคือ ประธานกรรมการ เดือนละ 2 แสนบาท กรรมการบริหาร เดือนละ 50,000 และกรรมการผู้จัดการ เดือนละ 150,000 บาท ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุมของผู้ที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 2.การกำหนดคุณสมบัติเครื่องมือในลักษณะเอื้อประโยชน์กลุ่มผู้ประกวดราคาหรือการฮั๊วกัน และ3. การกำหนดราคากลางของเครื่องมือที่จัดซื้อสูงกว่าหน่วยงานอื่น
‘จากสิ่งที่ สตง.ตรวจสอบพบ ทำให้สตง.สั่งการให้บริษัทดังกล่าวตั้งกรรมการสอบ เพื่อทบทวนเร่งแก้ไขการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพ ทบทวนกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติของวัสดุให้เโปร่งใสตรวจสอบได้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ตนไม่แน่ใจว่าเหล่านี้ได้มีการแก้ไจหรือยัง ฝากว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งงบประมาณไว้เท่าไหร่ก็ตามหากมีการทุจริตหรือไม่รอบคอบในการใช้งบประมาณก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้’ ส.ส.ระนองพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายวิรัฐกล่าวว่า ตนได้รับเอกสารจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 เรื่องการตรวจการจัดซื้ออุปกรณ์ของห้องปฏิบัติการกลางเพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร งบประมาณจำนวน 1,597 ล้านบาท ซึ่งพบสิ่งที่น่าพิรุธหลายเรื่องคือ
1.ระเบียบปฏิบัติการบริหารงาน ที่มีการจ่ายเบี้ยประชุมแบบเหมาจ่ายเดือนละ 1 หมื่นบาทต่อคน และการจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการบริหารคือ ประธานกรรมการ เดือนละ 2 แสนบาท กรรมการบริหาร เดือนละ 50,000 และกรรมการผู้จัดการ เดือนละ 150,000 บาท ซึ่งทั้งหมดไม่ได้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุมของผู้ที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 2.การกำหนดคุณสมบัติเครื่องมือในลักษณะเอื้อประโยชน์กลุ่มผู้ประกวดราคาหรือการฮั๊วกัน และ3. การกำหนดราคากลางของเครื่องมือที่จัดซื้อสูงกว่าหน่วยงานอื่น
‘จากสิ่งที่ สตง.ตรวจสอบพบ ทำให้สตง.สั่งการให้บริษัทดังกล่าวตั้งกรรมการสอบ เพื่อทบทวนเร่งแก้ไขการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพ ทบทวนกำหนดระเบียบวิธีปฏิบัติของวัสดุให้เโปร่งใสตรวจสอบได้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ตนไม่แน่ใจว่าเหล่านี้ได้มีการแก้ไจหรือยัง ฝากว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งงบประมาณไว้เท่าไหร่ก็ตามหากมีการทุจริตหรือไม่รอบคอบในการใช้งบประมาณก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้’ ส.ส.ระนองพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-