นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่า วันนี้ได้มีการพูดถึงตัวเลขงบประมาณที่รัฐบาลตั้งไว้ เป็นจำนวน 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลดูเหมือนว่าพอใจกับการจัดสรรงบประมาณนี้มาก ดูจากการแถลงของนายกรัฐมนตรี สิ่งที่รัฐบาลพอใจประการแรก คือการตั้งงบได้ 1.2 ล้านล้านบาท ถือว่าตั้งงบได้สูงและสมดุลย์ ส่วนอีกประการหนึ่งที่นายกฯ ภูมิใจมาก คือตัวเลขการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี)
นายกฯบอกว่าปี 47 จีดีพีจะโตถึง 7 % ซึ่งหากมีหน่วยงานใดมาทักท้วงว่าอาจจะไม่ถึงที่ตั้งเป้าไว้ นายกฯ จะแสดงความไม่พอใจออกมาทันที เป็นเหตุให้หน่วยงานต่างๆต้องปรับตัวเลขอัตราความเจริญของเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับนายกฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากำลังนำพาประเทศไปสู่วิบัติ จากการสำรวจของทุกหน่วยงานสรุปตรงกันว่าพลเมืองในประเทศไม่มีความสุข อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไม่ได้แสดงความอยู่ดีมีสุขของคนในประเทศ
การพัฒนาประเทศนั้นต้องใช้ทุนอยู่ 2 ประเภท เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีความสุข ทุนประการแรก คือทุนทางกายภาพ คืองบประมาณ ทุนที่จำเป็นอีกประเภทหนึ่งคือทุนทางสังคม ซึ่งมีความสำคัญกว่าทุนประเภทแรก
จากการติดตามตนเห็นว่าทุนทางสังคมของประเทศถูกทำลาย กล่าวคือมนุษย์ในสังคมถูกทำลาย ไม่มีศักด์ศรีของความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันรัฐมีปัญหากับศาสนาทุกศาสนาสังคมไทย ดูได้จากเหตุประท้วงหน้าสภาของพระสงฆ์ เป็นต้น เมื่อทุนทางสังคม หรือทุนทางสถาบัน ทุนทางปัญญาของประเทศถูกทำลาย แม้จะมีงบประมาณมากเพียงใด การพัฒนาประเทศก็ไม่มีความยั่งยืน
จากการติดตามพฤติกรรมนายกฯ ซึ่งจากการแสดงวาระหลายครั้ง ชี้ให้เห็นได้ว่าผู้นำประเทศมีความสับสน จากที่นายกฯได้กล่าวที่ธนาคารกรุงเทพ (22ธ.ค.46)ในหัวข้อเรื่อง ‘อนาคตเศรษฐกิจไทยในโลกการค้ายุคใหม่’ว่ามีความตะลึงในฝีมือชาวบ้าน ในสินค้าโอท็อป และหลังจากนั้นนายกฯได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปสร้างคุณค่าโดยให้นำธงชาติไปประดับสินค้า เมื่อทำไม่ได้ จึงนำสัญลักษณ์ลิเวอร์พูลมาประดับแทนแล้วส่งสินค้าไทยไปขายทั่วโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นการส่งเสริมสินค้าไทย
หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น นายกฯ ได้ไปเป็นประธานเปิดบริษัท มาสเตอร์โฟน ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายโทรศัพท์ แพงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่สวนทางกันมาก
และหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ของไทย เปิด-ปิดไม่ตรงกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประทศ จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนเวลาของประเทศไทย นี่เป็นการทำลายทุนทางสังคม เป็นการกระทำแบบชาตินิยม
‘ส่วนกรณีงบประมาณการออกหวยบนดิน ก็เป็นการยั่วกิเลสของคนในประเทศ ถือเป็นแนวทางการบริหารงบประมาณประเทศผิดทาง มองได้ว่าผู้นำมีความสับสน ไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการบริหาร ซึ่งถือว่าผู้นำประเทศป่วย ซึ่งเป็นโรคที่จะรักษาด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่ได้’ นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายกฯบอกว่าปี 47 จีดีพีจะโตถึง 7 % ซึ่งหากมีหน่วยงานใดมาทักท้วงว่าอาจจะไม่ถึงที่ตั้งเป้าไว้ นายกฯ จะแสดงความไม่พอใจออกมาทันที เป็นเหตุให้หน่วยงานต่างๆต้องปรับตัวเลขอัตราความเจริญของเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับนายกฯ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากำลังนำพาประเทศไปสู่วิบัติ จากการสำรวจของทุกหน่วยงานสรุปตรงกันว่าพลเมืองในประเทศไม่มีความสุข อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไม่ได้แสดงความอยู่ดีมีสุขของคนในประเทศ
การพัฒนาประเทศนั้นต้องใช้ทุนอยู่ 2 ประเภท เพื่อให้ประชาชนในประเทศมีความสุข ทุนประการแรก คือทุนทางกายภาพ คืองบประมาณ ทุนที่จำเป็นอีกประเภทหนึ่งคือทุนทางสังคม ซึ่งมีความสำคัญกว่าทุนประเภทแรก
จากการติดตามตนเห็นว่าทุนทางสังคมของประเทศถูกทำลาย กล่าวคือมนุษย์ในสังคมถูกทำลาย ไม่มีศักด์ศรีของความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันรัฐมีปัญหากับศาสนาทุกศาสนาสังคมไทย ดูได้จากเหตุประท้วงหน้าสภาของพระสงฆ์ เป็นต้น เมื่อทุนทางสังคม หรือทุนทางสถาบัน ทุนทางปัญญาของประเทศถูกทำลาย แม้จะมีงบประมาณมากเพียงใด การพัฒนาประเทศก็ไม่มีความยั่งยืน
จากการติดตามพฤติกรรมนายกฯ ซึ่งจากการแสดงวาระหลายครั้ง ชี้ให้เห็นได้ว่าผู้นำประเทศมีความสับสน จากที่นายกฯได้กล่าวที่ธนาคารกรุงเทพ (22ธ.ค.46)ในหัวข้อเรื่อง ‘อนาคตเศรษฐกิจไทยในโลกการค้ายุคใหม่’ว่ามีความตะลึงในฝีมือชาวบ้าน ในสินค้าโอท็อป และหลังจากนั้นนายกฯได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไปสร้างคุณค่าโดยให้นำธงชาติไปประดับสินค้า เมื่อทำไม่ได้ จึงนำสัญลักษณ์ลิเวอร์พูลมาประดับแทนแล้วส่งสินค้าไทยไปขายทั่วโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นการส่งเสริมสินค้าไทย
หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น นายกฯ ได้ไปเป็นประธานเปิดบริษัท มาสเตอร์โฟน ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายโทรศัพท์ แพงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่สวนทางกันมาก
และหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ของไทย เปิด-ปิดไม่ตรงกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประทศ จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนเวลาของประเทศไทย นี่เป็นการทำลายทุนทางสังคม เป็นการกระทำแบบชาตินิยม
‘ส่วนกรณีงบประมาณการออกหวยบนดิน ก็เป็นการยั่วกิเลสของคนในประเทศ ถือเป็นแนวทางการบริหารงบประมาณประเทศผิดทาง มองได้ว่าผู้นำมีความสับสน ไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการบริหาร ซึ่งถือว่าผู้นำประเทศป่วย ซึ่งเป็นโรคที่จะรักษาด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไม่ได้’ นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-