ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่มีอย่างนี้ก็ไม่รู้จะตรวจสอบอย่างไรครับ เอาประเด็นสุดท้ายที่ตนได้จั่วหัวไว้ก็คือว่า4ปีรัฐบาล ไม่ได้ทำในการวางพื้นฐานที่จะให้ประเทศ สามารถจะมีศักยภาพในการแข่งขัน ในอนาคต 10 ปี 15 ปี เราต้องมีสายตาแบบรัฐบุรุษ ไม่ใช่สายตาแบบนักการเมืองจะเอาชนะการเลือกตั้งในแต่ละสมัย สายตารัฐบุรุษต้องมอง 10 ปี 20 ปี เพราะเราเล่นการเมืองเดี่ยวก็เลิก แต่ลูกหลานยังคงต้องอยู่ต่อ เราจะอย่างเพิ่งดีใจว่าที่เราส่งออกได้เยอะๆ เพราะว่าเรามีความแข่งขันได้สูง ไม่ใช่ เพราะจีนต้องการซื้อมาก อเมริกาต้องการซื้อเราน้อยลงมา ยุโรปต้องการซื้อนิดหน่อย ญี่ปุ่นนิดหน่อย อาเซียนซื้อมาก ที่เศรษฐกิจเราส่งออกสูงนี้ ที่เขาซื้อมากไม่ใช่ว่าสินค้า ดีกว่าของคนอื่น แต่เป็นเพราะเขาคลาดแคลน ไม่ว่าเป็นยางพารา หรือว่าอะไร ราคาจึงขึ้นทั้งโลก มันไม่ใช้ฝีมือของใครหรอกครับผมกราบเรียนตรงๆ
ที่ผมบอกว่ามันเสียโอกาสไปนี่ก็คือว่า ผมขอย่างนี้ครับท่านประธาน ผมตั้งใจเรื่องนี้ไว้ครับว่า ผมก็เลยเมื่อการอภิปรายงบปีที่แล้ว ผมอภิปรายว่าสิ่งที่แผ่นดินนี้ต้องการให้รัฐบาลนี้ทำก็คือว่าให้นำการจัดสรรทรัพยากรนี้มาเป็นเป้า เสถียรภาพ หนึ่งเป้า การเจริญเติบโตหนึ่งเป้า และการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ในอนาคตต้องดูแลทรัพยากรมนุษย์ เพราะประเทศไทยของเรา แรงงาน 70-80 % จบ ป. 4 ทั้งนั้นครับ แล้วคนจบชั้นประถมในโรงงานต่างๆ ความรู้ด้านเกษตร ด้านอุตสาหกรรม ภาคบริการเปรียบเทียบแล้ว เราสู้เขาไม่ได้ เพราะภาษาอังกฤษเราอ่อนแอ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอ่อนแอ วิศวะเราอ่อนแอ 4 ตัวนี้ต้องทำ ประเทศเกาหลีใต้วันนี้ทำไมจึงเจริญกว่าเรา ทั้งที่น่าเจริญเท่าเทียมกัน เพราะว่าแรงงานเกาหลีใต้มีคุณภาพ เขาลงทุนนักมากครับ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว พัฒนาแรงงาน ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง ปี 2507 นักเรียนมัธยม ที่เรียนแผนกวิทยาศาสตร์ มีแค่ 29 % ของทั้งประเทศ เขารณรงค์ ดึงดูดใจทุกอย่าง พอถึง 2521 ห่างกัน กี่ปีครับ 14 ปี เปอร์เซนต์เทรด เพิ่มจาก 29% เป็น 68% นักเรียนสมัครเข้าเรียนวิทยาศาสตร์ 68% ในชั้นมัธยม เขาสู้ถึง 14 ปี ลงทุนไม่ใช่เล่น นี่ยังไม่พูดถึง RND ว่าเขาทุ่มงบประมาณในการวิจัยเท่าไร เพราะว่า ศาสตราจารย์วิจิตรพูดไปเมื่อวาน ผมจะไม่พูดอีก
มาดูอีกตัว จำนวนบัณฑิตที่จบวิทยาศาสตร์ และวิศวะ ปี 2500 มีที่จบวิยาศาสตร์และวิศวะ แค่ 6,200 คนต่อ 1 ล้านคนประชากร เขาใช้อินสตีนทุกอย่าง จูงใจทุกอย่างเพื่อให้คนมาเรียนให้จบปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวะ ปี 2510 10 ปีหลังจากนั้นเขาสามารถทำได้สำเร็จ เขาสามารถผลิตบัณฑิตได้ 22,000 ต่อ 1 ล้าน จาก 6,200 ขึ้นมาเป็น 22,000 ล้าน มันต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี การพัฒนากำลังคนถ้าเผื่อเราจะอย่างเขา ท่านก็ต้องวางแผนระยะยาวท่านต้องไปผลิต ท่านต้องไปคำนวณดูครับ ว่า ถ้าจะให้ได้บัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวิศวะให้ได้ 22,000 ต่อ 1 ล้านคนของประชากร ให้เหมือนที่เขาได้เมื่อ 2510 เราควรจะวางแผนอย่างไร ผมไปอ่านดูในเขียวคาดแดง มันมีอยู่ไม่กี่คนหรอกครับ มันไม่พอครับ มันแทบจะไม่ได้จริงจังกันเลยนะครับ ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง ทำกันนิดๆหน่อยๆ ผมไม่อยากจะอ่านหรอกครับ ไปอ่านเอาเอง เพราะว่านี่คือการรับหลักการ ผมไม่อยากพูดแบบวาระ 2 ไม่อยากพูดรายละเอียด ผมเลยอยากฝากรัฐบาลไปว่า กรุณาทำเถอะครับ กรุณาวางแผนตอนนี้ เถอะ แล้วก็ทำกันจริงจัง ให้กฎหมายเจ้าปัญหาต่างๆ รับออกมา เพราะว่า ในนั้นมันมีอยู่แล้วนะครับ ในพรบ.จัดระเบียบบริหารการศึกษา ผมก็อ่านมาหมดแล้วครับ เรียกชื่อมันไม่ ถูกเท่านั้นเอง เพราะมีหลักสูตรในเรื่องการศึกษา ในเรื่องวิทยาศาสตร์ ทางวิศวกรรม มันมีหมด ให้ไปดู ผมอยากจะฝากเอาไว้ ระบบไทพาไทซิสเต็ม ในสหรัฐอเมริกาก็ได้ ไปดูที่สวีเดนก็ได้ การศึกษาเขามี 3 อย่าง เขาจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก คือเราจะต้องคำนึงถึงว่า เด็กเวลาเข้าเรียนมีอยู่ 3 พอเรียนจบมัธยมแล้วไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย ออกไปประกอบอาชีพมันต้องประกาศได้ ต้องมีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ วิศวะและภาษาอังกฤษเข้าไปทำงานโรงงงานไหน โรงแรมไหน ทำได้เลยมีคุณภาพสูง นี่คือทางที่ 1 ทางที่ 2 พวกอาชีวะ เข้าเรียนอาชีวะเครื่องมือเครื่องใช้ต้อง ปั่นไดนาโมเป็นนะครับพร้อม ผมจบ 8 วิทยาศาสตร์ผมปั่นไดนาโมไม่เคยเป็น ลูกผมไปเรียนอยู่ต่างประเทศ เขาบังคับให้ปั่นไดนาโมทุกคนลูกผม หลักฟิสิกส์เบื้องต้น ทุกคนที่เรียนมารุ่นผม เคยทำไหมครับ ดูบนกระดาน อาจารย์สอน เลยไม่รู้จักไดนาโมเป็นอย่างไร ผมพึ่งเคยรู้จัก ตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรี นี่คือความอ่อนแอทางด้านวิทยาศาสตร์ของเราที่เราต้องทำ ช่วยทำเรื่องนี้เถอะครับผมอยากเห็นเรื่องนี้ก่อนที่ผมจะตาย เราจึงบอกว่าเราต้องหัดมองอย่างรัฐบุรุษ ไม่ใช่หวังแต่ชนะทางการเมือง ต้องวางแผนในอนาคตเราจะสู่เขาไม่ได้ ตลาดของเราจะถูกแย่งหมดเพราะว่าเราไม่มีฝีมือ สู้เขาไม่ได้เพราะต้นทุนสูง เราต้องการ 3-4 นี่ ถ้าวางแผนว่า อีก10-15ปีต้องเริ่มแล้ว นี่ 4 ปีเสียเวลามามากแล้วครับ ผมอยากจะเห็นครับ ส่วนการลงหลักการหรือไม่เป็นความลับครับ ท่านประธานครับ ขอบคุณครับ ... จบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2547
-ดท-