กรุงเทพ--28 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 1 เมษายน 2548 นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี (Mr. Ahmad Hasyim Muzadi) ประธานคณะกรรมการกลางองค์การ Nadhlatul Ulama (NU) ซึ่งเป็นองค์การศาสนาอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
ในระหว่างการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธาน NU เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท นอกจากนั้น ประธาน NU มีกำหนดการที่จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันที่ 28 มีนาคม และจะกล่าวปาฐกถาเรื่อง "Why do we need to empower moderate Muslims and how?" ซึ่งจัดโดยสถาบันการต่างประเทศสราญรมย์ ในช่วงเช้าวันที่ 29 มีนาคม ที่ห้องประชุมนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ
อนึ่ง ประธาน NU ยังมีกำหนดจะพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำศาสนาในประเทศไทย ประกอบด้วยสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ท่านจุฬาราชมนตรี และมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย กับมีกำหนดการเยือนจังหวัดปัตตานีและสงขลา และจะได้พบกับประธานกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลาด้วย
NU เป็นองค์การมุสลิมสายกลางที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีสมาชิกประมาณ 40 ล้านคน เป็นองค์การที่ทำงานในด้านศาสนา การศึกษา สังคม-วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการพัฒนา และเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั้งในวงการศาสนาอิสลามระหว่างประเทศ วงการเมืองภายในประเทศของอินโดนีเซียเอง และวงการทูตระหว่างประเทศ NU มีพัฒนาการมาจากการรวมตัวกันของผู้รู้ศาสนาอิสลามหรือ Ulama สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2469 และเคยมีบทบาทร่วมในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินโดนีเซีย ปรัชญาของ NU ยึดหลักทัศนคติแบบสายกลาง ความอดกลั้น และความสมดุล เพื่อสนับสนุนให้เกิดความสมานฉันท์ และให้ความสำคัญต่อหลักการพหุนิยมของสังคม อันรวมถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างศาสนาอิสลามและศาสนาต่างๆ ปัจจุบัน NU มีกิจกรรมด้านการดูแลสวัสดิการของประชาชนอินโดนีเซียในระดับรากหญ้าโดยมีโครงสร้างลึกลงไปถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน มีสถานศึกษาภายในสังกัดตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษามากกว่า 9,000 แห่ง และมีโรงเรียนประจำสอนศาสนา อิสลาม (ลักษณะคล้ายโรงเรียนปอเนาะ) มากกว่า 10,000 แห่ง รวมทั้งมีสาขาในสหราชอาณาจักร อียิปต์ ซีเรีย ซูดาน อินเดีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น สมาชิกหลายท่านของ NU ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการเมืองอินโดนีเซีย ทั้งในพรรคการเมืองต่างๆ ในรัฐบาล และในหน่วยงานอื่นๆเช่น อดีตประธานาธิบดีอับดุรเราะห์มาน วาฮิด ก็เคยเป็นผู้นำ NU มาก่อน และนายยูซุฟ คัลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซียปัจจุบัน ก็เป็นบุตรชายของผู้ร่วมก่อตั้ง NU
นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี อายุ 61 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอิสลามของรัฐ ในชวาตะวันออก สามารถพูดภาษาอินโดนีเซีย อังกฤษ และอาหรับ นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางของ NU (เป็นสมัยที่สอง) ในการประชุมสมัชชาใหญ่ของ NU ครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2547 ก่อนหน้านี้ เคยได้รับมอบหมายเป็นเลขาธิการของการประชุมนักวิชาการอิสลามระหว่างประเทศ เมื่อปี 2547 เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับอดีตประธานาธิบดีเมฆาวตี ซูการ์โนปุตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปของอินโดนีเซียครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2547 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และด้วยสถานะและความสำคัญดังกล่าว ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐอเมริกา จึงได้ขอพบหารือกับประธาน NU กับผู้นำศาสนาคนอื่นๆ ที่เกาะบาหลี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2546 และบุคคลสำคัญอื่นๆ จากต่างประเทศ เมื่อมาเยือนอินโดนีเซีย ก็มักมาขอพบประธาน NU เสมอ
ในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ประธาน NU จะเดินทางมาพร้อมกับนางมูตัมมิมะห์ ฮาชิม (Mrs. Mutamimah Hasyim) ภริยา กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NU รวมทั้งประธานพุทธสมาคมของอินโดนีเซียก็จะร่วมเดินทางมาในคณะด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 1 เมษายน 2548 นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี (Mr. Ahmad Hasyim Muzadi) ประธานคณะกรรมการกลางองค์การ Nadhlatul Ulama (NU) ซึ่งเป็นองค์การศาสนาอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ
ในระหว่างการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธาน NU เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท นอกจากนั้น ประธาน NU มีกำหนดการที่จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันที่ 28 มีนาคม และจะกล่าวปาฐกถาเรื่อง "Why do we need to empower moderate Muslims and how?" ซึ่งจัดโดยสถาบันการต่างประเทศสราญรมย์ ในช่วงเช้าวันที่ 29 มีนาคม ที่ห้องประชุมนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ
อนึ่ง ประธาน NU ยังมีกำหนดจะพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำศาสนาในประเทศไทย ประกอบด้วยสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ท่านจุฬาราชมนตรี และมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย กับมีกำหนดการเยือนจังหวัดปัตตานีและสงขลา และจะได้พบกับประธานกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลาด้วย
NU เป็นองค์การมุสลิมสายกลางที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีสมาชิกประมาณ 40 ล้านคน เป็นองค์การที่ทำงานในด้านศาสนา การศึกษา สังคม-วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการพัฒนา และเป็นที่รู้จักและยอมรับกันทั้งในวงการศาสนาอิสลามระหว่างประเทศ วงการเมืองภายในประเทศของอินโดนีเซียเอง และวงการทูตระหว่างประเทศ NU มีพัฒนาการมาจากการรวมตัวกันของผู้รู้ศาสนาอิสลามหรือ Ulama สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2469 และเคยมีบทบาทร่วมในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินโดนีเซีย ปรัชญาของ NU ยึดหลักทัศนคติแบบสายกลาง ความอดกลั้น และความสมดุล เพื่อสนับสนุนให้เกิดความสมานฉันท์ และให้ความสำคัญต่อหลักการพหุนิยมของสังคม อันรวมถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างศาสนาอิสลามและศาสนาต่างๆ ปัจจุบัน NU มีกิจกรรมด้านการดูแลสวัสดิการของประชาชนอินโดนีเซียในระดับรากหญ้าโดยมีโครงสร้างลึกลงไปถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน มีสถานศึกษาภายในสังกัดตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษามากกว่า 9,000 แห่ง และมีโรงเรียนประจำสอนศาสนา อิสลาม (ลักษณะคล้ายโรงเรียนปอเนาะ) มากกว่า 10,000 แห่ง รวมทั้งมีสาขาในสหราชอาณาจักร อียิปต์ ซีเรีย ซูดาน อินเดีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น สมาชิกหลายท่านของ NU ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการเมืองอินโดนีเซีย ทั้งในพรรคการเมืองต่างๆ ในรัฐบาล และในหน่วยงานอื่นๆเช่น อดีตประธานาธิบดีอับดุรเราะห์มาน วาฮิด ก็เคยเป็นผู้นำ NU มาก่อน และนายยูซุฟ คัลลา รองประธานาธิบดีอินโดนีเซียปัจจุบัน ก็เป็นบุตรชายของผู้ร่วมก่อตั้ง NU
นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี อายุ 61 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอิสลามของรัฐ ในชวาตะวันออก สามารถพูดภาษาอินโดนีเซีย อังกฤษ และอาหรับ นายอะห์มัด ฮาชิม มูซาดี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางของ NU (เป็นสมัยที่สอง) ในการประชุมสมัชชาใหญ่ของ NU ครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2547 ก่อนหน้านี้ เคยได้รับมอบหมายเป็นเลขาธิการของการประชุมนักวิชาการอิสลามระหว่างประเทศ เมื่อปี 2547 เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับอดีตประธานาธิบดีเมฆาวตี ซูการ์โนปุตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปของอินโดนีเซียครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2547 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และด้วยสถานะและความสำคัญดังกล่าว ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐอเมริกา จึงได้ขอพบหารือกับประธาน NU กับผู้นำศาสนาคนอื่นๆ ที่เกาะบาหลี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2546 และบุคคลสำคัญอื่นๆ จากต่างประเทศ เมื่อมาเยือนอินโดนีเซีย ก็มักมาขอพบประธาน NU เสมอ
ในการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ประธาน NU จะเดินทางมาพร้อมกับนางมูตัมมิมะห์ ฮาชิม (Mrs. Mutamimah Hasyim) ภริยา กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NU รวมทั้งประธานพุทธสมาคมของอินโดนีเซียก็จะร่วมเดินทางมาในคณะด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-