นายตรีพล เจาะจิตต์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานคณะทำงานด้านการเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า “โครงการจัดซื้อโคเนื้อ 1 ล้านตัว” โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใช้งบประมาณ 12,000 ล้านบาท ถือว่า เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา แต่ปรากฏว่า เป็นโครงการที่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย จึงทำให้เกิดข้อสงสัยต่างๆ มากมายว่า โครงการนี้ได้มีการศึกษาผลดีผลเสียหรือไม่ ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนหรือไม่ หรือทำแบบมั่วนิ่ม เอาใจผู้มีอำนาจทางการเมือง จึงมีคำถามที่เป็นข้อสงสัย 11 ข้อ ว่าโครงการนี้ ใครได้ใครเสีย หรือมีการมั่วนิ่ม
1. ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีบริษัทใครเป็นผู้ตัดสินใจที่จะซื้อโค 1 ล้านตัวภายใน 3 ปี ใช้หลักเกณฑ์อะไร หรือมั่วนิ่ม
2. ในการซื้อโคเนื้อ 1 ล้านตัว ใช้เงินประมาณ 1 ล้านบาท ใช้งบประมาณแผ่นดิน 2,000 ล้านบาท เงินลงทุนของเอกชน 10,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2547 ไม่ได้ตั้งงบประมาณเพื่อโครงการนี้เอาไว้ จะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน ผิดพ.ร.บ.ร่วมทุนหรือไม่ ได้มีการวางแผนมาก่อนหรือไม่หรือทำแบบมั่วนิ่ม
3. ถ้าโครงการดีจริง และชัวร์ แน่นอน ทำไมไม่ให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจเอง 100% เช่นเดียวกับโครงการไก่เนื้อหรือสุกร ทำไมต้องอาศัยรัฐบาลร่วมทุน และรัฐบาลต้องค้ำประกันให้
4. โครงการนี้เป็นโครงการจ้างชาวบ้านเลี้ยงใช่หรือไม่ เกษตรกรไม่ได้เป็นเจ้าของแม่โค และโคขุนใช่หรือไม่ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ เข้าใจว่าจะมีการแจกโค ระวังอย่าหาสียงแบบมั่วนิ่ม
5. โครงการนี้ คนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน หมดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการใช่หรอไม่ เพราะการเลี้ยงโคต้องมีคอกและแปลงหญ้าสำหรับโค
6. ทำไมต้องรับเร่งทำ ปี2547 ซื้อโค 300,000 ตัว ปี 2548 ซื้อโค 350,000 ตัวรวมแล้ว 1 ล้านตัว ในปี 2547จะซื้อโคตัวเมีย 200,000 ตัวผู้ 100,000 ตัว การซื้อโคต้องทำการคัดเลือกอย่างเข้มงวด มิฉะนั้นจะเกิดความผิดพลาดสูง มั่นใจว่าภายใน 3-4 เดือน ไม่สามารถจะคัดเลือกได้ทันเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2547 ยกเว้นคัดเลือกแบบมั่วนิ่ม
7. รัฐบาลคิดหรือไม่ว่า การนำโค 1 ล้านตัว จากต่างปะเทศเข้ามา จะกระทบการเลี้ยงโคกระบือ ซึ่งมีจำนวน 7.4 ล้านตัว ของเกษตรกรประมาณ 1.5 ล้านครอบครัว รัฐจะแก้ปัญหาอย่างไร และถ้ามีการค้าเสรี มีการนำเนื้อโคและโคเนื้อจากต่างประเทศเข้ามา ในระยะยาวจะทำให้โคกระบือไทยสูญพันธ์ไป รัฐบาลเคยคิดถึงข้อนี้หรือไม่ หรือมั่วนิ่มไปเรื่อย
8. ทำไมรัฐบาล จึงไม่คิดพัฒนาปรับปรุงโคกระบือไทยให้มีคุณภาพดีขึ้นโดยเร็ว ทั้งๆ ที่ขณะนี้ เราสามารถสร้างพันธุ์ของเราเองได้แล้ว คือพันธุ์กำแพงแสน และพันธุ์ตาก ทำให้สงสัยว่า รัฐบาลนี้สนับสนุนเกษตรกรไทย หรือ สนับสนุนเกษตรกรต่างประเทศกันแน่
9. การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยให้รัฐบาลเข้าร่วมทุนด้วย มีผลประโยชน์ทับซ้อนใช่หรือใ บริษัทมีโอกาสใช้ข้าราชการ อุปกรณ์เครื่องมือ และสถานที่ราชการของรัฐ และเมื่อเกิดผิดพลาด รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบทุกกรณี บริษัทเอกชน จะได้รับผลประโยชนือย่างเดียว ไม่เสี่ยงอะไรเลย
10. เร่งรีบทำในปี 2547 เพราะต้องการจะแจกโคให้ทันการเลือกตั้งปี 2548 และผู้มีอำนาจมีโอกาสได้ค่าหัวคิวตัวละ 500 บาท ทั้งหมด 1 ล้านตัว ก็คือ 500 ล้านบาท ใช่หรือไม่
11. ถ้าไม่เป็นการหาเสียง ทำไมโครงการนี้จึงเน้นเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ทั้งๆ ที่ภาคอื่นมีหญ้าและพืชอาหารสัตว์ สมบูรณ์กว่าทั้ง 2 ภาค
จากคำถามทั้ง 11 ข้อ อยากจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนลองพิจารณาว่า การซื้อโคเนื้อ 1 ล้านตัวจากต่างประเทศ ใครได้ใครสีย หรือว่ามีการทำกันแบบมั่วนิ่ม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
1. ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีบริษัทใครเป็นผู้ตัดสินใจที่จะซื้อโค 1 ล้านตัวภายใน 3 ปี ใช้หลักเกณฑ์อะไร หรือมั่วนิ่ม
2. ในการซื้อโคเนื้อ 1 ล้านตัว ใช้เงินประมาณ 1 ล้านบาท ใช้งบประมาณแผ่นดิน 2,000 ล้านบาท เงินลงทุนของเอกชน 10,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2547 ไม่ได้ตั้งงบประมาณเพื่อโครงการนี้เอาไว้ จะเอาเงินงบประมาณมาจากไหน ผิดพ.ร.บ.ร่วมทุนหรือไม่ ได้มีการวางแผนมาก่อนหรือไม่หรือทำแบบมั่วนิ่ม
3. ถ้าโครงการดีจริง และชัวร์ แน่นอน ทำไมไม่ให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจเอง 100% เช่นเดียวกับโครงการไก่เนื้อหรือสุกร ทำไมต้องอาศัยรัฐบาลร่วมทุน และรัฐบาลต้องค้ำประกันให้
4. โครงการนี้เป็นโครงการจ้างชาวบ้านเลี้ยงใช่หรือไม่ เกษตรกรไม่ได้เป็นเจ้าของแม่โค และโคขุนใช่หรือไม่ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ เข้าใจว่าจะมีการแจกโค ระวังอย่าหาสียงแบบมั่วนิ่ม
5. โครงการนี้ คนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน หมดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการใช่หรอไม่ เพราะการเลี้ยงโคต้องมีคอกและแปลงหญ้าสำหรับโค
6. ทำไมต้องรับเร่งทำ ปี2547 ซื้อโค 300,000 ตัว ปี 2548 ซื้อโค 350,000 ตัวรวมแล้ว 1 ล้านตัว ในปี 2547จะซื้อโคตัวเมีย 200,000 ตัวผู้ 100,000 ตัว การซื้อโคต้องทำการคัดเลือกอย่างเข้มงวด มิฉะนั้นจะเกิดความผิดพลาดสูง มั่นใจว่าภายใน 3-4 เดือน ไม่สามารถจะคัดเลือกได้ทันเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2547 ยกเว้นคัดเลือกแบบมั่วนิ่ม
7. รัฐบาลคิดหรือไม่ว่า การนำโค 1 ล้านตัว จากต่างปะเทศเข้ามา จะกระทบการเลี้ยงโคกระบือ ซึ่งมีจำนวน 7.4 ล้านตัว ของเกษตรกรประมาณ 1.5 ล้านครอบครัว รัฐจะแก้ปัญหาอย่างไร และถ้ามีการค้าเสรี มีการนำเนื้อโคและโคเนื้อจากต่างประเทศเข้ามา ในระยะยาวจะทำให้โคกระบือไทยสูญพันธ์ไป รัฐบาลเคยคิดถึงข้อนี้หรือไม่ หรือมั่วนิ่มไปเรื่อย
8. ทำไมรัฐบาล จึงไม่คิดพัฒนาปรับปรุงโคกระบือไทยให้มีคุณภาพดีขึ้นโดยเร็ว ทั้งๆ ที่ขณะนี้ เราสามารถสร้างพันธุ์ของเราเองได้แล้ว คือพันธุ์กำแพงแสน และพันธุ์ตาก ทำให้สงสัยว่า รัฐบาลนี้สนับสนุนเกษตรกรไทย หรือ สนับสนุนเกษตรกรต่างประเทศกันแน่
9. การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยให้รัฐบาลเข้าร่วมทุนด้วย มีผลประโยชน์ทับซ้อนใช่หรือใ บริษัทมีโอกาสใช้ข้าราชการ อุปกรณ์เครื่องมือ และสถานที่ราชการของรัฐ และเมื่อเกิดผิดพลาด รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบทุกกรณี บริษัทเอกชน จะได้รับผลประโยชนือย่างเดียว ไม่เสี่ยงอะไรเลย
10. เร่งรีบทำในปี 2547 เพราะต้องการจะแจกโคให้ทันการเลือกตั้งปี 2548 และผู้มีอำนาจมีโอกาสได้ค่าหัวคิวตัวละ 500 บาท ทั้งหมด 1 ล้านตัว ก็คือ 500 ล้านบาท ใช่หรือไม่
11. ถ้าไม่เป็นการหาเสียง ทำไมโครงการนี้จึงเน้นเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ทั้งๆ ที่ภาคอื่นมีหญ้าและพืชอาหารสัตว์ สมบูรณ์กว่าทั้ง 2 ภาค
จากคำถามทั้ง 11 ข้อ อยากจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนลองพิจารณาว่า การซื้อโคเนื้อ 1 ล้านตัวจากต่างประเทศ ใครได้ใครสีย หรือว่ามีการทำกันแบบมั่วนิ่ม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-