‘รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์’ ระบุ ส.ส. ย้ายพรรคมีทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ยอมรับ ส.ส. ปชป. อาจย้ายพรรค แต่ก็อาจมี ส.ส. พรรคอื่นสนใจย้ายเข้า ปชป. ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งเห็นว่าการปรับ ครม. ของนายกฯ เป็นเรื่องทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปรับคณะรัฐมนตรี โดยดึงพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิของนายกฯ ซึ่งพรรคชาติพัฒนาก็เคยร่วมรัฐบาลมาก่อน ดังนั้นการดึงพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ ส่วนจะมีเงื่อนไขต่อรองหรือไม่นั้น ก็คงต้องรอดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนคิดว่าการปรับ ครม. ของนายกฯ ในแต่ละครั้งนั้น เป็นเรื่องของการเมืองเป็นหลัก ซึ่งไม่ตรงกับที่นายกฯพูดอยู่ตลอดเวลาว่าปรับเพื่อการบริหาร หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ‘ผมคิดว่าทุกคนก็ทราบดีว่ามีการทาบทามหรือติดต่อกับพรรคชาติพัฒนา ซึ่งวันนี้เห็นได้ชัดแล้วว่า การปรับแต่ละครั้งนั้นเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา และวางแผนทางการเมืองมากกว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไรต่อการที่นายกฯจะไม่ปรับนายอดิศัย โพธารามิกออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการเป็นอีกกระทรวงหนึ่ง ซึ่งถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากนายกฯบอกว่าการปรับ ครม.เป็นเรื่องของการบริหารจริง ก็ควรนำข้อมูลของฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือในการตรวจสอบต่างๆ มาใช้พิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายังไม่ทราบว่าจะมีการย้ายพรรคมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยอมรับว่ามี ส.ส. ที่ต้องการจะย้ายพรรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งตนยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีใครบ้าง แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมี ส.ส. จากพรรคอื่นย้ายเข้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเช่นเดียวกัน ‘ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะมีการย้ายพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง เดิมทีผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็เคยคาดหวังว่าถ้าสามารถเขียนรัฐธรรมนูญบังคับให้ ส.ส. ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใหม่และลาออกก่อน อาจจะทำให้การย้ายพรรคน้อยลง ซึ่งก็ต้องรอดูว่าผลของบทบัญญัตินี้จะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็ได้รับทราบมาว่าจะมี ส.ส. ที่จะย้ายพรรคจำนวนหนึ่ง และก็คงไม่ได้ไปอยู่ที่พรรคการเมืองใดพรรคเดียว ที่จะย้ายเข้าพรรคก็อาจจะมี ส่วนใหญ่ที่พูดคุยกันหลายคนก็ยอมรับว่าอยู่ในช่วงการตัดสินใจ ซึ่งยังไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ ‘ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้โดยผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการสำรวจหรือเข้าที่ประชุมเพื่อสอบถามหรือไม่ว่า เรื่องการย้ายพรรคของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่จำเป็นต้องมีการนำเข้าที่ประชุม หากจะตรวจสอบคงเป็นเพียงการสอบถามส่วนตัวกันเองก็น่าจะได้รับคำตอบแล้ว 'เรื่องแบบนี้จะสังเกตได้จากพฤติกรรมซึ่งผมคิดว่าคณะผู้บริหารก็น่าจะดูออก แต่ตอนนี้ผมบอกได้ว่ามีส.ส.ของพรรคเพียงคนเดียวที่จะย้ายออกไป ซึ่งสาเหตุของการย้ายก็มาจากเรื่องส่วนตัว แต่ยืนยันว่าไม่ได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน' นายถาวรกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปรับคณะรัฐมนตรี โดยดึงพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิของนายกฯ ซึ่งพรรคชาติพัฒนาก็เคยร่วมรัฐบาลมาก่อน ดังนั้นการดึงพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ ส่วนจะมีเงื่อนไขต่อรองหรือไม่นั้น ก็คงต้องรอดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนคิดว่าการปรับ ครม. ของนายกฯ ในแต่ละครั้งนั้น เป็นเรื่องของการเมืองเป็นหลัก ซึ่งไม่ตรงกับที่นายกฯพูดอยู่ตลอดเวลาว่าปรับเพื่อการบริหาร หรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ‘ผมคิดว่าทุกคนก็ทราบดีว่ามีการทาบทามหรือติดต่อกับพรรคชาติพัฒนา ซึ่งวันนี้เห็นได้ชัดแล้วว่า การปรับแต่ละครั้งนั้นเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา และวางแผนทางการเมืองมากกว่า’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไรต่อการที่นายกฯจะไม่ปรับนายอดิศัย โพธารามิกออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการเป็นอีกกระทรวงหนึ่ง ซึ่งถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากนายกฯบอกว่าการปรับ ครม.เป็นเรื่องของการบริหารจริง ก็ควรนำข้อมูลของฝ่ายค้านไม่ว่าจะเป็นตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือในการตรวจสอบต่างๆ มาใช้พิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วย
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่ายังไม่ทราบว่าจะมีการย้ายพรรคมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยอมรับว่ามี ส.ส. ที่ต้องการจะย้ายพรรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งตนยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีใครบ้าง แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมี ส.ส. จากพรรคอื่นย้ายเข้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเช่นเดียวกัน ‘ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะมีการย้ายพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง เดิมทีผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็เคยคาดหวังว่าถ้าสามารถเขียนรัฐธรรมนูญบังคับให้ ส.ส. ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใหม่และลาออกก่อน อาจจะทำให้การย้ายพรรคน้อยลง ซึ่งก็ต้องรอดูว่าผลของบทบัญญัตินี้จะเป็นจริงหรือไม่ แต่ก็ได้รับทราบมาว่าจะมี ส.ส. ที่จะย้ายพรรคจำนวนหนึ่ง และก็คงไม่ได้ไปอยู่ที่พรรคการเมืองใดพรรคเดียว ที่จะย้ายเข้าพรรคก็อาจจะมี ส่วนใหญ่ที่พูดคุยกันหลายคนก็ยอมรับว่าอยู่ในช่วงการตัดสินใจ ซึ่งยังไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ ‘ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้โดยผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการสำรวจหรือเข้าที่ประชุมเพื่อสอบถามหรือไม่ว่า เรื่องการย้ายพรรคของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่จำเป็นต้องมีการนำเข้าที่ประชุม หากจะตรวจสอบคงเป็นเพียงการสอบถามส่วนตัวกันเองก็น่าจะได้รับคำตอบแล้ว 'เรื่องแบบนี้จะสังเกตได้จากพฤติกรรมซึ่งผมคิดว่าคณะผู้บริหารก็น่าจะดูออก แต่ตอนนี้ผมบอกได้ว่ามีส.ส.ของพรรคเพียงคนเดียวที่จะย้ายออกไป ซึ่งสาเหตุของการย้ายก็มาจากเรื่องส่วนตัว แต่ยืนยันว่าไม่ได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน' นายถาวรกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2547--จบ--
-ดท-