เปิดแนวคิดในการบริหารธุรกิจโรงพยาบาล นพ.เจริญ ฉันทวานิช "การศึกษาที่ศศินทร์คือการลงทุน"

ข่าวทั่วไป Thursday June 14, 2012 11:03 —ThaiPR.net

เปิดใจหมอนักบริหาร นพ.เจริญ ฉันทวานิช ยอมรับการศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจที่ศศินทร์ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ในการทำงาน ทั้งการบริหารคน การให้บริการ และการรักษาคนไข้ เผยทั่วโลกมองโรงพยาบาลไทยเป็นเดอะเบสต์ มั่นใจมีศักยภาพรองรับตลาด AEC

นายแพทย์เจริญ ฉันทวานิช ผู้อำนวยการสายงานบริการทางการแพทย์เคลื่อนที่และแผนกตรวจรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะแรก โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยถึงการทำงานในโรงพยาบาลว่า ปัจจุบันดูแลเรื่องการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ ซึ่งถือว่าเป็นบริการที่มีอัตราการเติบโตที่เร็วมาก เนื่องจากปีแรกมีรายได้ 9 ล้านและปีที่ผ่านมามีรายได้ถึง 126 ล้าน และคาดว่าปีนี้แผนกดังกล่าวจะสามารถทำรายได้ถึง 150 ล้าน แม้ว่าตลาดตรวจสุขภาพขณะนี้มีคู่แข่งเยอะมากแต่บริการของโรงพยาบาลบางปะกอก 9 สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดและเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจประเภทนี้

เนื่องจากทางโรงพยาบาลฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารเพื่อให้เกิดความแตกต่าง กล่าวคือไม่ได้ใช้ความรู้เฉพาะทางด้านการแพทย์เท่านั้น แต่เน้นเรื่องการบริหารเพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุคลากรที่ต้องใช้ทีมงานที่มีศักยภาพในทุก ๆ ด้าน เพราะงานบริการนั้นต้องเน้นทำให้ลูกค้าหรือคนไข้มีความสุขและประทับใจเป็นอันดับแรก

นายแพทย์เจริญ กล่าวถึงหลักการบริหารการจัดการ จนประสบความสำเร็จ ว่าส่วนหนึ่งเพราะการเข้ามาเรียนด้านการบริหารธุรกิจที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ โดยผู้บริหารของโรงพยาบาลส่งให้มาเรียนที่นี่ ตัวคุณหมอเองคิดว่าจะคุ้มไหม แต่ทางผู้บริหารซึ่งในขณะนั้นได้มองการณ์ไกลมาก เพราะมีแนวคิดว่าการมาเรียนที่ศศินทร์คือการลงทุนอย่างหนึ่ง หลังจากมาเรียนแล้วก็เข้าใจว่าทำไมโรงพยาบาลต้องลงทุนในเรื่องนี้ เพราะคิดไม่ถึงว่าทุกวิชานั้นทำให้เรามีความรู้ด้านบริหารธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเรียนในชั่วโมงแรกของวิชา Communication Skills ที่ทุกคนต้องเรียนวิชานี้ 30 ชั่วโมงก่อนเรียนวิชาอื่น ๆ ก็ทำให้ตกใจและประทับใจมาก เพราะเป็นศาสตร์ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้จริงไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจใด แม้กระทั่งอาชีพแพทย์ที่นำเอาความรู้ของวิชาดังกล่าวมาใช้จนถึงทุกวันนี้

“Communication Skills ถูกนำมาใช้ประโยชน์กับการทำงานมาก เนื่องจากการทำงานในโรงพยาบาลต้องการสื่อสารกับคนไข้ ก่อนหน้านี้เคยใช้วิธีทางการแพทย์แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก เพราะบางครั้งการสื่อสารกับผู้ป่วยก็มีปัญหาอยู่บ้าง แต่อาจารย์สอนว่าการแก้ปัญหาหรือสื่อสารในขณะที่คนไข้หรือญาติกำลังโกธรเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลแต่จะทำให้แย่ลงอีก เนื่องจากการอธิบายเหตุผลที่ถูกต้องกับอารมณ์โกธรเป็นเรื่องยาก ดังนั้น จะต้องสื่อสารกับอารมณ์ของคนให้ได้ก่อน เมื่อใจเย็นลงก็อธิบายเหตุผลและจะทำให้เข้าใจง่ายขึ้น หลังจากนั้นผมก็จะใช้วิธีนี้มาตลอด ไม่ใช่เฉพาะวิชา Communication skills เท่านั้น แต่วิชาอื่น ๆ ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานได้ตลอด เพราะการเรียนเหมือนกับเป็นการเก็บอาวุธไว้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำมาใช้ตอนไหน”

โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารงานบุคคล (HR) ต้องให้พนักงานทุกแผนกมีความสุขในการทำงาน เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้ในทุกเรื่อง ที่สำคัญเราไม่ควรจ้องจับผิดเพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี เวลาเกิดปัญหาจะไม่มีใครกล้าบอกความจริงเพราะกลัวความผิด เราต้องสร้างความเข้าใจว่าความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน และต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด หลักการบริหารงานบุคคลที่ดีจะทำให้พนักงานรักองค์กร ซึ่งเป็นที่มาของการทำงานด้วยความตั้งใจ สิ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จไม่ใช่เฉพาะเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการบริหารจัดการเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของคนด้วย

“นอกจากนี้การเรียนจากศศินทร์ ทำให้เข้าใจเรื่องการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการแข่งขันของตลาด เมื่อใดก็ตามที่มีการตัดราคาเพื่อให้ได้งาน อาจารย์บอกเหมือนกันทุกคนว่า เราต้องหนีเรื่องการตัดราคาให้เร็วที่สุด เพราะการเสนอราคาที่ถูกกว่าจะทำให้ไม่สามารถดูแลลูกค้าได้ดี สำหรับในเรื่องของการเปิดเสรีทางการค้าของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ทางโรงพยาบาลบางปะกอกเอง เตรียมเรื่องหมอ พยาบาล เครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อรองรับตลาดดังกล่าวอยู่แล้ว เนื่องจากต้องมีนักลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลแต่รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ก็จะมีการแข่งขันมากขึ้น” นายแพทย์เจริญ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพการเข้ามาลงทุนของต่างชาติไม่ใช่การแข่งขันกันแต่เป็นการช่วยกันมากกว่า ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ขณะนี้ประเทศไทยมีชื่อเสียงทางด้านการรักษาพยาบาลไม่ด้อยว่าที่อื่น และราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดี เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะมีชาวต่างชาติเข้ามาเป็นลูกค้า นี่คือข้อดีของ AEC ที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับอีกหลากหลายธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรีดังกล่าวอาจจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถเลือกทำงานได้ในประเทศต่างๆ แต่อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะในบ้านเรามีนายแพทย์ที่มีความสามารถ และโรงพยาบาลคุณภาพดีหลายแห่งเพื่อรองรับและเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี และคิดว่าคนไข้ก็จะกระจายไปแต่ละโรงพยาบาลตามกลุ่มของลูกค้า สำหรับโรงพยาลบางปะกอกนั้นปัจจุบันมีอยู่กว่า 10 สาขา เชื่อว่าจะสามารถรองรับการแข่งขันได้ และมีแผนที่จะบุกตลาดต่างประเทศ เช่น พม่า โอมาน ดูไบ ฯลฯ เพื่อเข้าไปหาตลาดใหม่ ๆ ทั้งนี้มั่นใจว่ากลุ่มโรงพยาบาลในเครือบางประกอกมีความพร้อมเพื่อรับมือกับตลาด AEC ได้เป็นอย่างดีสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์

ศิริลักษณ์ สุจริตตานนท์ (แอน) Asst. Chief of Public Relations โทร 02-218- 3853-4

E-mail: sirilak.sujarittanonta@sasin.edu

แพรวทิพย์ ด่านวราวิจิตร ผู้ประสานงานการประชาสัมพันธ์และการตลาด โทร. 02-218- 3852

E-mail:Praewthip.danwarawijitr@sasin.edu

สามารถอ่านข่าวและดูภาพประกอบข่าวได้ที่ www.thaipr.net/health/412738

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ