ประชาธิปัตย์พบประชาชนคึกคัก คนร่วมให้ความสนใจนับหมื่น ด้าน ‘จุรินทร์’ เผยเหตุผลการดูด ส.ส.ปชป. ขณะที่ ‘สมชาย’ ยืนยันอยู่ปชป.ต่อไป ระบุ 100 ล้านก็ซื้อคนตรังไม่ได้
เมื่อเวลา 18.30 น. วานนี้ (30 มิ.ย.47 ) ที่สนามโรงเรียนสวัสดิ์รัตนาภิมุข อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง มีการจัดโครงการประชาธิปัตย์ พบประชาชน โดยมีแกนนำของพรรคเข้าร่วม นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.เขต 3 นายสุวรรณ กู้สุจริต ส.ส.เขต1 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.เขต 4 และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจท่ามกลางสายฝน ที่ตกลงมาอย่างหนัก จำนวนกว่า 10 ,000 คน โดยนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ประเทศชาติกำลังเผชิญวิกฤต เพราะเรามีผู้นำที่ป่วย ไม่อยู่กับร้องกับรอย ที่บอกว่าคิดใหม่ทำใหม่นั้นไม่ใช่ แต่ว่าคิดไป ทำไป ผิดไป เช่นกรณี ที่นายกฯ บอกว่าต้องทำให้หุ้นขึ้น ตลาดหุ้นก็ขึ้น โดย 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทในเครือนายกฯ รวยขึ้น 2 แสนล้าน ซึ่งนักข่าวก็มาถามตนว่าทำไมนายกฯ จึงต้องการหุ้นมากเหลือเกิน ตนเลยบอกไปว่า เพราะนายกฯขาดหุ้นจึงพยายามซื้อหุ้นทั้งใน และต่างประเทศมากมาย เช่นซื้อหุ้นลิเวอร์พูล การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (การขาดหุ้นของนายกฯ ในภาษาใต้แปลว่า เป็นคนไม่เต็มบาท)
ด้านนายจุรินทร์ ได้กล่าวถึงกระแสข่าว การซื้อตัว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้ ของพรรคไทยรักไทยว่า เพราะภาคใต้เป็นปมด้อยของพรรคไทยรักไทย โดยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 44 ที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทยไม่ได้รับการเลือกตั้งในภาคใต้เลย แม้แต่ที่นั่งเดียว อีกทั้งที่เดิมในภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าพรรคไทยรักไทยได้ 1 ที่นั่ง ก็เท่ากับได้ 2 ที่นั่งเพราะถ้าเดิมเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ แต่พอกลับมาเป็นศูนย์ แล้วกลับมาเป็นของไทยรักไทย เท่ากับพรรคไทยรักไทยเพิ่ม 1 ที่นั้ง พรรคประชาธิปัตย์ลด 1 ที่นั่ง สรุปแล้วเท่ากับได้ 2 ที่นั่ง ดังนั้นจึงมีความพยายามที่พรรคไทยรักไทยจะบุกพรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้เอาที่นั่ง ส.ส.มาให้ได้
นายจุรินทร์ กล่าวว่าเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต3 สงขลา ที่ปรากฎว่า ไทยรักไทยแพ้ประชาธิปัตย์ แม้จะใช้ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงินนั้น จึงทำให้พรรคไทยรักไทยเริ่มถอดใจที่จะสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลังจากการเลือกตั้งซ่อมศึกขึ้น ได้เกิดปรากฎการทางการเมือง 2 ข้อคือการปลดนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพรรคไทยรักไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นรองนายกฯ และ 2.การออกหมายจับ ส.ส. พรรคไทยรักไทยด้วยกันเอง คือนายนัดมุดดีน อุมา ในข้อหาแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้าย ปล้นปืน ฆ่าทหาร ซึ่งถือว่ายอมทำลายศักดิ์ศรีพรรคตัวเอง ‘ไทยรักไทย ถอดใจที่จะสู้กับ ประชาธิปัตย์ ด้วยวิธีการทางการเมือง แบบตรงไปตรงมาเพราะรู้ว่า คะแนนนิยมสู้ประชาธิปัตย์ไม่ได้ จึงหันมาใช้วิธีดูด ส.ส.แทน ใช้วิธีหลบไปเลี้ยวมา และใช้เงินเป็นเครื่องมือในการดูด ส.ส.’ นายจุรินทร์กล่าว
ในขณะที่นายสมชาย ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนจะถูกซื้อตัวเป็นเงิน 32,400,000 บาทว่า เงิน 100 ล้าน ก็ขายนายชวนไม่ได้ 100 ล้าน ขายคนจังหวัดตรังไม่ได้ เพราะฉะนั้นตนจึงยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ ‘ให้พี่น้องยืนหยัดในพรรคประชาธิปัตย์ ยืนหยัดในนายชวน หลีกภัย ยืนหยัดในผู้แทนของพี่น้องประกาศศักดิ์ศรีดังๆให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่าคน ตรังยังยืนหยัดในพรรคประชาธิปัตย์ ใครมาซื้อพวกเราไม่ได้ ถ้าใครมาซื้อต้องทำให้เหมือนกับที่สงขลา ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ให้บทเรียนโดยการเข้าไปกาคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้คนทั้งหมดรู้ว่า คนที่นี่ยังเหนี่ยวแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์’ นายสมชายกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
เมื่อเวลา 18.30 น. วานนี้ (30 มิ.ย.47 ) ที่สนามโรงเรียนสวัสดิ์รัตนาภิมุข อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง มีการจัดโครงการประชาธิปัตย์ พบประชาชน โดยมีแกนนำของพรรคเข้าร่วม นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.เขต 3 นายสุวรรณ กู้สุจริต ส.ส.เขต1 นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.เขต 4 และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจท่ามกลางสายฝน ที่ตกลงมาอย่างหนัก จำนวนกว่า 10 ,000 คน โดยนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ประเทศชาติกำลังเผชิญวิกฤต เพราะเรามีผู้นำที่ป่วย ไม่อยู่กับร้องกับรอย ที่บอกว่าคิดใหม่ทำใหม่นั้นไม่ใช่ แต่ว่าคิดไป ทำไป ผิดไป เช่นกรณี ที่นายกฯ บอกว่าต้องทำให้หุ้นขึ้น ตลาดหุ้นก็ขึ้น โดย 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทในเครือนายกฯ รวยขึ้น 2 แสนล้าน ซึ่งนักข่าวก็มาถามตนว่าทำไมนายกฯ จึงต้องการหุ้นมากเหลือเกิน ตนเลยบอกไปว่า เพราะนายกฯขาดหุ้นจึงพยายามซื้อหุ้นทั้งใน และต่างประเทศมากมาย เช่นซื้อหุ้นลิเวอร์พูล การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (การขาดหุ้นของนายกฯ ในภาษาใต้แปลว่า เป็นคนไม่เต็มบาท)
ด้านนายจุรินทร์ ได้กล่าวถึงกระแสข่าว การซื้อตัว ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้ ของพรรคไทยรักไทยว่า เพราะภาคใต้เป็นปมด้อยของพรรคไทยรักไทย โดยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 44 ที่ผ่านมา พรรคไทยรักไทยไม่ได้รับการเลือกตั้งในภาคใต้เลย แม้แต่ที่นั่งเดียว อีกทั้งที่เดิมในภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าพรรคไทยรักไทยได้ 1 ที่นั่ง ก็เท่ากับได้ 2 ที่นั่งเพราะถ้าเดิมเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ แต่พอกลับมาเป็นศูนย์ แล้วกลับมาเป็นของไทยรักไทย เท่ากับพรรคไทยรักไทยเพิ่ม 1 ที่นั้ง พรรคประชาธิปัตย์ลด 1 ที่นั่ง สรุปแล้วเท่ากับได้ 2 ที่นั่ง ดังนั้นจึงมีความพยายามที่พรรคไทยรักไทยจะบุกพรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้เอาที่นั่ง ส.ส.มาให้ได้
นายจุรินทร์ กล่าวว่าเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต3 สงขลา ที่ปรากฎว่า ไทยรักไทยแพ้ประชาธิปัตย์ แม้จะใช้ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงินนั้น จึงทำให้พรรคไทยรักไทยเริ่มถอดใจที่จะสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหลังจากการเลือกตั้งซ่อมศึกขึ้น ได้เกิดปรากฎการทางการเมือง 2 ข้อคือการปลดนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพรรคไทยรักไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นรองนายกฯ และ 2.การออกหมายจับ ส.ส. พรรคไทยรักไทยด้วยกันเอง คือนายนัดมุดดีน อุมา ในข้อหาแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้าย ปล้นปืน ฆ่าทหาร ซึ่งถือว่ายอมทำลายศักดิ์ศรีพรรคตัวเอง ‘ไทยรักไทย ถอดใจที่จะสู้กับ ประชาธิปัตย์ ด้วยวิธีการทางการเมือง แบบตรงไปตรงมาเพราะรู้ว่า คะแนนนิยมสู้ประชาธิปัตย์ไม่ได้ จึงหันมาใช้วิธีดูด ส.ส.แทน ใช้วิธีหลบไปเลี้ยวมา และใช้เงินเป็นเครื่องมือในการดูด ส.ส.’ นายจุรินทร์กล่าว
ในขณะที่นายสมชาย ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนจะถูกซื้อตัวเป็นเงิน 32,400,000 บาทว่า เงิน 100 ล้าน ก็ขายนายชวนไม่ได้ 100 ล้าน ขายคนจังหวัดตรังไม่ได้ เพราะฉะนั้นตนจึงยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ ‘ให้พี่น้องยืนหยัดในพรรคประชาธิปัตย์ ยืนหยัดในนายชวน หลีกภัย ยืนหยัดในผู้แทนของพี่น้องประกาศศักดิ์ศรีดังๆให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่าคน ตรังยังยืนหยัดในพรรคประชาธิปัตย์ ใครมาซื้อพวกเราไม่ได้ ถ้าใครมาซื้อต้องทำให้เหมือนกับที่สงขลา ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ให้บทเรียนโดยการเข้าไปกาคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้คนทั้งหมดรู้ว่า คนที่นี่ยังเหนี่ยวแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์’ นายสมชายกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-