ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ‘ชวน หลีกภัย’ ยืนยันข้อมูลซื้อตัวส.ส. 32 ล้านบาท เป็นเรื่องจริง ส่วนกรณี ‘ทวี สุระบาล’ ออกมาพาดพิง ถือเป็นการร้อนตัวเพราะตนยังไม่ได้เอ่ยชื่อนายทวีเลย
วันนี้(2 ก.ค.47) เวลา 10.00น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ถึงกรณีการซื้อตัวส.ส.ในพื้นที่จังหวัดตรังว่า ตนอยากให้พรรคการเมืองที่พยายามจะซื้อตัวส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ให้ความจริงกับประชาชน ไม่ใช่ออกมาระบุว่าการที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคเพราะพรรคประชาธิปัตย์เริ่มตกต่ำแล้ว ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะในเบื้องหลังมีการเสนอผลประโยชน์ให้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าสิ่งที่ตนเคยพูดเรื่องส.ส.ถูกซื้อเป็นเรื่องทั้งหมด
เมื่อถามว่านายทวีออกมาพาดพิงด้วยถ้อยคำที่รุนแรงคืด อาจจะเสียคนตอนแก่ นายชวนกล่าวว่า ในสายตาของนายทวีอาจจะคิดอย่างนั้น เพราะในเวลาการปฏิบัติงานภายในพรรค ตนก็ยอมรับว่าจะไม่ลดหย่อนหากเห็นว่าส.ส.คนใดมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในจังหวัดตรัง หากมีพฤติกรรมอะไรที่ชาวบ้านร้องเรียนหรือฟ้องมาตนก็ต้องตักเตือนว่ามีชาวบ้านร้องเรียนมา หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตัวของส.ส.ในพื้นที่ชาวบ้านก็จะร้องเรียนมา
‘ผมคิดว่าวันหนึ่งคุณสมชาย (โล่สถาพรพิพิธ) ก็คงจะออกมาพูดเอง ความจริงเราพูดทั้งหมดไม่มีการเอ่ยชื่อคุณทวี (สุระบาล) เลย แต่ผมเข้าใจว่าคุณทวีแกคงจะร้อนตัว เพราะว่าคุณทวีอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะรู้จักกับคนทางฝ่ายโน้น เราถือว่าภาพพจน์ส.ส.ในพื้นที่ควรจะดีหน่อยก็ต้องมีการเตือน ผมไม่มีอะไรกับคุณทวี และเวลาพูดก็ไม่เอ่ยชื่อคุณทวี แต่ผมก็เห็นว่าคุณทวีคงจะร้อนตัวถึงออกมาพูด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีการเอ่ยถึงแกเลย ไม่มีการพูดถึงแกเลย ไม่ว่าในเวทีปราศรัยหรือการให้สัมภาษณืก็ไม่เกี่ยวข้องกับแกเลย’ นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะทำให้กิดความบาดหมางหรือไม่เพราะนายทวีได้พาดพิงถึงเรื่องคดีของนายสมชาย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คดีก็เป็นเรื่องจริงซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลไม่ได้ปกปิดอะไร เมื่อถามว่าจะเกิดความแตกแยกในพื้นที่จังหวัดตรังระหว่างส.ส.กันเองหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่เห็นส.ส.แต่ละคนก็ยังเป็นปกติ ตนก็ยังมีหน้าที่ให้การสนับสนุน ส่วนนายทวีจะไปพูดอย่างไรนั้นตนคิดว่า ต้องไปดูที่จุดเริ่มต้นว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร และคู่กรณีที่สามารถยันกันได้คือ นายสมชาย เพราะไปแด้วยกัน เวลาที่มีการเจรจาตนเข้าใจว่าก็ต้องรู้กัน แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนที่พูดจริงหรือพูดไม่จริง
ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสมชายหรือยัง นายชวนกล่าวว่า ‘คุยกันอยู่ สมชายเขาก็ยืนยัน เขาบอกว่าพี่วีพูดไม่หมด บอกว่าพี่วีพูดเฉพาะพบครั้งแรก ครั้งที่สองพี่วีไม่พูด เขาก็บอกอย่างนั้น’ และเมื่อถามว่าจะหาหลักฐานมายืนยันตรงนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า การซื้อส.ส.ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร แต่ก็ต้องบอกความจริงกับประชาชนว่าอยากได้ส.ส.คนนี้จึงติดต่อทาบทาม ไม่ใช่บอกว่าพรรคนี้ตกต่ำจึงมีส.ส.อยากออก แบบนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับพรรคคการเมืองอื่น ‘ที่เขาจะมาทาบส.ส.เรามันก็ไม่ผิดกฎหมายอะไร สมมติจะเอาเงินให้ส.ส.เราก็ไม่ได้ผิดกฎหมายเพราะไม่ใช่การซื้อเสียงเวลาเลือกตั้ง แล้วจริงที่ผมพูดไปเมื่อวานว่าที่นายกฯบอกว่าทำไมเที่ยวที่แล้ว 40 ล้าน เที่ยวนี้ 32 ล้าน ผมอยากบอกว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของอุปสงค์อุปทาน เที่ยวที่แล้วความต้องการส.ส.สูงมาก ก็ลงทุนกันสูง เที่ยวนี้ส.ส.รัฐบาลมีกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อต้องการเสียงเกินกว่า 400 เสียง ก็ต้องไปเอาพื้นที่อื่นที่เขายังอ่อนอยู่’ นายชวนกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้(2 ก.ค.47) เวลา 10.00น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปเข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ถึงกรณีการซื้อตัวส.ส.ในพื้นที่จังหวัดตรังว่า ตนอยากให้พรรคการเมืองที่พยายามจะซื้อตัวส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ให้ความจริงกับประชาชน ไม่ใช่ออกมาระบุว่าการที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคเพราะพรรคประชาธิปัตย์เริ่มตกต่ำแล้ว ซึ่งไม่ใช่ความจริง เพราะในเบื้องหลังมีการเสนอผลประโยชน์ให้ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าสิ่งที่ตนเคยพูดเรื่องส.ส.ถูกซื้อเป็นเรื่องทั้งหมด
เมื่อถามว่านายทวีออกมาพาดพิงด้วยถ้อยคำที่รุนแรงคืด อาจจะเสียคนตอนแก่ นายชวนกล่าวว่า ในสายตาของนายทวีอาจจะคิดอย่างนั้น เพราะในเวลาการปฏิบัติงานภายในพรรค ตนก็ยอมรับว่าจะไม่ลดหย่อนหากเห็นว่าส.ส.คนใดมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในจังหวัดตรัง หากมีพฤติกรรมอะไรที่ชาวบ้านร้องเรียนหรือฟ้องมาตนก็ต้องตักเตือนว่ามีชาวบ้านร้องเรียนมา หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตัวของส.ส.ในพื้นที่ชาวบ้านก็จะร้องเรียนมา
‘ผมคิดว่าวันหนึ่งคุณสมชาย (โล่สถาพรพิพิธ) ก็คงจะออกมาพูดเอง ความจริงเราพูดทั้งหมดไม่มีการเอ่ยชื่อคุณทวี (สุระบาล) เลย แต่ผมเข้าใจว่าคุณทวีแกคงจะร้อนตัว เพราะว่าคุณทวีอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะรู้จักกับคนทางฝ่ายโน้น เราถือว่าภาพพจน์ส.ส.ในพื้นที่ควรจะดีหน่อยก็ต้องมีการเตือน ผมไม่มีอะไรกับคุณทวี และเวลาพูดก็ไม่เอ่ยชื่อคุณทวี แต่ผมก็เห็นว่าคุณทวีคงจะร้อนตัวถึงออกมาพูด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีการเอ่ยถึงแกเลย ไม่มีการพูดถึงแกเลย ไม่ว่าในเวทีปราศรัยหรือการให้สัมภาษณืก็ไม่เกี่ยวข้องกับแกเลย’ นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะทำให้กิดความบาดหมางหรือไม่เพราะนายทวีได้พาดพิงถึงเรื่องคดีของนายสมชาย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คดีก็เป็นเรื่องจริงซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลไม่ได้ปกปิดอะไร เมื่อถามว่าจะเกิดความแตกแยกในพื้นที่จังหวัดตรังระหว่างส.ส.กันเองหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่เห็นส.ส.แต่ละคนก็ยังเป็นปกติ ตนก็ยังมีหน้าที่ให้การสนับสนุน ส่วนนายทวีจะไปพูดอย่างไรนั้นตนคิดว่า ต้องไปดูที่จุดเริ่มต้นว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร และคู่กรณีที่สามารถยันกันได้คือ นายสมชาย เพราะไปแด้วยกัน เวลาที่มีการเจรจาตนเข้าใจว่าก็ต้องรู้กัน แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนที่พูดจริงหรือพูดไม่จริง
ต่อข้อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสมชายหรือยัง นายชวนกล่าวว่า ‘คุยกันอยู่ สมชายเขาก็ยืนยัน เขาบอกว่าพี่วีพูดไม่หมด บอกว่าพี่วีพูดเฉพาะพบครั้งแรก ครั้งที่สองพี่วีไม่พูด เขาก็บอกอย่างนั้น’ และเมื่อถามว่าจะหาหลักฐานมายืนยันตรงนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า การซื้อส.ส.ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร แต่ก็ต้องบอกความจริงกับประชาชนว่าอยากได้ส.ส.คนนี้จึงติดต่อทาบทาม ไม่ใช่บอกว่าพรรคนี้ตกต่ำจึงมีส.ส.อยากออก แบบนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับพรรคคการเมืองอื่น ‘ที่เขาจะมาทาบส.ส.เรามันก็ไม่ผิดกฎหมายอะไร สมมติจะเอาเงินให้ส.ส.เราก็ไม่ได้ผิดกฎหมายเพราะไม่ใช่การซื้อเสียงเวลาเลือกตั้ง แล้วจริงที่ผมพูดไปเมื่อวานว่าที่นายกฯบอกว่าทำไมเที่ยวที่แล้ว 40 ล้าน เที่ยวนี้ 32 ล้าน ผมอยากบอกว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของอุปสงค์อุปทาน เที่ยวที่แล้วความต้องการส.ส.สูงมาก ก็ลงทุนกันสูง เที่ยวนี้ส.ส.รัฐบาลมีกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อต้องการเสียงเกินกว่า 400 เสียง ก็ต้องไปเอาพื้นที่อื่นที่เขายังอ่อนอยู่’ นายชวนกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-