วันนี้(5 ก.ค.47)เวลา 10.30น. นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ แถลงถึงความคืบหน้าการติดตามการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังจากการพาคณะนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยลงตรวจพื้นที่เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมาว่า คณะทำงานได้พบข้อพิรุธเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างหลายรายการ ซึ่งบริษัทที่ประมูลได้ก็มีเพียง 2 บริษัทคือ บริษัทกำแพงเพชรวิวัฒน์ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในพรรคไทยรักไทย และบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีบางคนในคณะรัฐบาลชุดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายถาวรกล่าวว่า นอกจากนี้คณะทำงานฯ ยังได้สรุปถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เกี่ยวกับการก่อสร้างสนามบินดังกล่าว โดยได้แบ่งออกเป็น 1. ด้านการบริหาร ที่นายกฯใช้ระบบ CEO แต่งตั้งให้พล.อ.สมชัย สมประสงค์ นายทหารเกษียณราชการมารักษาการผู้จัดการใหญ่ เพื่อบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีกรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น 155,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นความผิดพลาด เพราะผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งนั้น ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ซึ่งการที่นายกฯแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดและคุ้นเคยก็ทำให้สังคมมองได้ว่าเป็นธาตุแท้ของพรคไทยรักไทยที่ต้องการเข้าไปครอบงำผลประโยชน์มากกว่ามุ่งความสำเร็จของการทำงานระดับวาระของชาติ ทั้งนี้ตขอเสนอแนะว่าให้นายกฯเร่งคัดสรรผู้ที่มีคามรู้และประสบยการณ์เข้ามาทำงานเพื่อให้เหมาะสมกับงานขนาดใหญ่ของชาติ
ประการที่ 2.ความล้มเหลวด้านเทคนิค ที่มีการลดสเปก ลดขนาด ในสมัยที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม ซึ่งทำให้การก่อสร้างได้รับความเสียหาย เช่น คานไม่สามารถรับน้ำหนักได้ และคุณภาพการใช้งานก็ไม่เป็นไปตามรูปแบบและมาตรฐานของสนามบินนานาชาติ เรื่องนี้คิดว่านายกฯควรสั่งการให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เข้าช่วยเหลือและร่วมรับผิดชอบ และ
3. ด้านสัญญาและกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญโดยไม่ผ่านการตรวจร่างสัญญาจากสำนักอัยการสูงสุด
นายถาวรกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่ตนได้หยิบยกขึ้นมาพูดนี้ขอให้นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้โครงการดังกล่าวเสร็จทันตามกำหนดเวลาที่นายกฯประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่าจะสามารถเปิดใช้ได้ในวันที่ 29 กันยายน 2547
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายถาวรกล่าวว่า นอกจากนี้คณะทำงานฯ ยังได้สรุปถึงความล้มเหลวของรัฐบาล เกี่ยวกับการก่อสร้างสนามบินดังกล่าว โดยได้แบ่งออกเป็น 1. ด้านการบริหาร ที่นายกฯใช้ระบบ CEO แต่งตั้งให้พล.อ.สมชัย สมประสงค์ นายทหารเกษียณราชการมารักษาการผู้จัดการใหญ่ เพื่อบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีกรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น 155,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นความผิดพลาด เพราะผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งนั้น ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ซึ่งการที่นายกฯแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดและคุ้นเคยก็ทำให้สังคมมองได้ว่าเป็นธาตุแท้ของพรคไทยรักไทยที่ต้องการเข้าไปครอบงำผลประโยชน์มากกว่ามุ่งความสำเร็จของการทำงานระดับวาระของชาติ ทั้งนี้ตขอเสนอแนะว่าให้นายกฯเร่งคัดสรรผู้ที่มีคามรู้และประสบยการณ์เข้ามาทำงานเพื่อให้เหมาะสมกับงานขนาดใหญ่ของชาติ
ประการที่ 2.ความล้มเหลวด้านเทคนิค ที่มีการลดสเปก ลดขนาด ในสมัยที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม ซึ่งทำให้การก่อสร้างได้รับความเสียหาย เช่น คานไม่สามารถรับน้ำหนักได้ และคุณภาพการใช้งานก็ไม่เป็นไปตามรูปแบบและมาตรฐานของสนามบินนานาชาติ เรื่องนี้คิดว่านายกฯควรสั่งการให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เข้าช่วยเหลือและร่วมรับผิดชอบ และ
3. ด้านสัญญาและกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญโดยไม่ผ่านการตรวจร่างสัญญาจากสำนักอัยการสูงสุด
นายถาวรกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่ตนได้หยิบยกขึ้นมาพูดนี้ขอให้นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงและแก้ไขเพื่อให้โครงการดังกล่าวเสร็จทันตามกำหนดเวลาที่นายกฯประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่าจะสามารถเปิดใช้ได้ในวันที่ 29 กันยายน 2547
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ค. 2547--จบ--
-ดท-